บทที่10 เธอคิดหรือว่าฉันจะยอมรับลูกของใครก็ไม่รู้
บทที่10 เธอคิดหรือว่าฉันจะยอมรับลูกของใครก็ไม่รู้
“ลากตัวเธอไปที่โรงพยาบาล”
น้ำเสียงของเย่โม่เซ็นนั้นเย็นชาราวกับเศษน้ำแข็งตกลงมาที่ ตัวเธอ “ดูสิว่าเธอท้องรึเปล่า ได้ผลตรวจเมื่อไหร่รีบมารายงาน ฉัน”
เซียวซูรีบพยักหน้าตอบรับ “ได้ครับ!”
“ไม่นะ!” เสิ่นเฉียวพยายามใช้แรงขัดขืน “เย่โม่เซิน พวกเรา แค่ใช้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันเท่านั้น คุณมีสิทธิ์อะไรมาให้คน พวกนี้ทำแบบนี้กับฉัน ปล่อยฉันนะ!”
“ปล่อยงั้นหรอ?” แววตาของเย่โม่เซินนั้นดูเย็นชา น้ำเสียงยัง คงนิ่งเฉย “ถ้าฉันเจอว่าเธอท้องเมื่อไร ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเธอ เองก็น่าจะรู้ดี เซียวซู่ ลากตัวเธอออกไป”
เมื่อเขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ตามหา เย่โม่เซินก็ไม่มีความรู้สึก ปราณีใดใดต่อ เสิ่นเฉียวเลยสักนิด
“พวกนายรีบพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
เซียวซู่ โบกไม้โบกมือให้คนมาลากตัวเธอออกไป
แม้ว่าเงินเฉียวจะขัดขืนเพียงใด สุดท้ายเธอก็โดนลากตัว ออกไป จากนั้นก็โดนผลักขึ้นไปบนรถ
ตลอดทางเธอก็พยายามขัดขืนมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถดิ้น หลุดออกจากพวกเขาได้ จากนั้นเธอก็โดนลากกลับมาที่โรง พยาบาลแล้วมาเจอกับหมอคนเดิม
เมื่อเห็นคนกลุ่มเดิมกลับมาอีกครั้ง ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์เดิม ต่างก็ถอยออกห่างโดยอัตโนมัติ
ดูแล้วคนพวกนี้ช่างน่ากลัว อย่าไปมีปัญหาด้วยจะดีที่สุด
ใครก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ขั้นตอนการตรวจต่างๆใช้เวลาไม่รู้กี่ชั่วโมง เสิ่นเฉียวโดน บังคับให้ยอมรับทุกอย่าง
เมื่อผลตรวจออกมา เสิ่นเฉียวพร้อมกับผลตรวจโดนพาตัวให้ ไปเจอกับ เย่ไม่เซินอีกครั้ง
สีหน้าของเซียวซูดูเคร่งเครียด เขาหันหน้าไปมองเสิ่นเฉียว หนึ่งที จากนั้นก็ยื่นผลตรวจให้กับเย่ไม่เซิน
เย่ไม่เซินไม่ได้ยื่นมือไปรับ แต่ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ผลคือ?”
เขียว อึ้งไปสักพักแล้วตอบ “เธอท้องจริงๆครับ
ในตอนนั้นเอง เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เธอพยายามปกปิดมา ตลอดได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
เรื่องที่เธอท้องเย่โม่เซินก็ได้รับรู้แล้ว จากนี้ไปเธอจะอยู่ตระ กูลเย่ต่อยังไง?
เป็นไปตามที่เธอคิด สายตาของเย่โม่เซินจ้องมองเธอราวกับ เป็นใบมีดอันแหลมคมที่ทิ่มแทงเธอ ” อยากจะให้คนอย่าง ฉันเย่โม่เซินมาเป็นคนแบกรับภาระ คนอย่างเธอไม่มีบุญ ขนาดนั้นหรอก”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาอย่างหมดหนทาง
“คุณช่วยให้เวลาฉันอีกหน่อยได้มั้ย? การท้องครั้งนี้ ตัวฉัน เองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“ห่ะ?” เย่โม่เซินยักคิ้วขึ้น “เธอจะบอกฉันว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไร การไปโรงพยาบาลครั้งนี้เธอคิดจะไปเอาเด็กออกสินะ?”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเจียวก็อึ้งไปสักพัก เธอยอมรับว่าเธออยากจะจัดการเรื่องนี้คนเดียวเงียบๆ
แต่ทว่าในความคิดของเธอนั้น เธอไม่เคยจะคิดเอาเด็กออก เลยสักครั้ง
เย่โม่เซินยื่นมือมาจับที่คางของเธอ แววตาของเขามืดมน ราวกับพายุฝนที่กําลังพัดผ่านเข้ามา “หรือว่าฉันจะให้โอกาส เธออีกสักครั้งดีมั้ย? อยากจะอยู่ตระกูลเย่ต่อก็ไปทำแท้งซะ”
เสิ่นเฉียวลืมตาโต ทำแท้งอย่างนั้นหรอ?
“ไม่ ไม่ได้นะ!”
“ไม่ได้?”เย่โม่เซ็นจ้องมองเธออย่างเย้ยหยัน “เธอคงไม่คิด จริงๆสินะว่าคนอย่างฉันเย่โม่เซินจะยอมรับลูกของใครก็ไม่รู้?”
ลูก ลูกของใครก็ไม่รู้?
ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวนั้นซีดสั่น
เธอก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะท้อง
“ว่ายังไงล่ะ? คิดให้ละเอียด ยัง?” สายตาของเย่โม่เซินเย็น ชาและไร้ความรู้สึก คำพูดที่พูดออกมาราวกับเป็นยาพิษ “เธอ คงไม่คิดว่า การที่เธอท้องลูกของสามีเก่าของเธอแล้วแต่งงาน เข้าตระกูลเย่ คนอย่างฉันเย่โม่เซินจะยอมรับได้สินะ? หรือว่า เธอเห็นว่าฉันเป็นแค่คนพิการเลยดูถูกฉันเช่นนี้ใช่มั้ย?”
เส้นเฉียว ส่ายหัว
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นนะ”
เธอคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าตัวเธอจะท้อง! เธอใช้ชีวิตอยู่กับหลิน เจียงมาสองปี เขาไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง!
เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะผิดพลาดเสียตัวในคืนที่ฝนตกคืน นั้น? แถมเสียตัวเพียงครั้งเดียวก็ดันเกิดท้องขึ้นมาแบบนี้?
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ราวกับเป็นกำแพงอันหนักอึ้งที่ล้มลงมาทับ บนบ่าของเสิ่นเฉียว
“ฉันขอร้องล่ะ!” ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวจะเคยคิดว่าตัวเธอนั้นจะ ท้องขึ้นมาจริงๆไม่ได้ เธอรู้ว่าถ้าเธอท้องเธอจะไม่สามารถอยู่ ตระกูลเย่ต่อไปได้ เธอจะต้องโดนส่งตัวกลับตระกูลเส็น ถึง ตอนนั้นตระกูลเสิ่นก็จะกลายเป็นเรื่องตลกที่คนทั้งเมืองเป่ย เอาไว้เล่าสนุกปาก
“ให้เวลาฉันอีกสักนิดเถอะ!”
“โอเค” รอยยิ้มของเย่โม่เซินนั้นดูเลือดเย็น “สำหรับผู้หญิงที่ หยิ่งทะนงอย่างเธอ มันควรจะต้องให้เวลาเธออีกสักหน่อย ฉัน ให้เวลาเธอสามวัน เธอไปเอาเด็กออกซะ”
เสิ่นเฉียวลืมตาโต
“ถ้าหลังจากสามวัน เด็กคนนั้นยังอยู่ในท้องของเธอละก็เธอก็ ออกไปจากตระกูลเย่ซะ”
เมื่อพูดจบ เซียวซูก็เข็น เย่โม่เซินออกไป
เหลือเพียงเสิ่นเฉียว คนเดียวที่อยู่ตรงนั้น เธอทรุดตัวลงนั่ง ลงกับพื้น แขนขาของเธอเย็นสนิท
ต่อมา มือที่สั่นเทาของเสิ่นเฉียวก็ค่อยๆลวงไปหยิบโทรศัพท์ มือถือขึ้นมา โทรหาเพื่อนสนิทของเธอ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เพื่อนสนิทของเสิ่นเฉียว นามว่าหานเส่โยว ก็ขับรถมารับเธอ
เธอขับรถมาแล้วรับตัวเสิ่นเฉียวที่กำลังจิตตกอยู่เพื่อกลับ
บ้าน
“พูดมาสิ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?” หานเส่โยวเทน้ำผลไม้มา หนึ่งแก้วแล้วยื่นให้เธอ “ดื่มนี่สักหน่อยเถอะ
เสิ่นเฉียวยื่นมือมารับแก้วน้ำ จากนั้นก็วางแก้วน้ำลง
ในท้องของเธอมีชีวิตน้อยๆอยู่หนึ่งชีวิต จะดื่มอะไรเย็นๆไป เรื่อยไม่ได้
เมื่อเธอนึกถึงความคิดนี้ มันก็ทำให้เธออึ้งเล็กน้อย
ทำไมเธอ…ถึงต้องใส่ใจเด็กคนนี้ขนาดนี้ด้วย?
“ทำไมล่ะ? แต่ก่อนเธอชอบดื่มมันไม่ใช่หรอ?”หานเส่โยวเห็น เธอเอาน้ำผลไม้เก็บวางไว้ที่เดิม เธอยักคิ้วขึ้นแล้วถามด้วย ความสงสัย
“ตอนนี้ดื่มไม่ได้แล้วล่ะ”
“ทําไมล่ะ?”
“ฉันท้องแล้ว”
แว็บแรกหานเส่โยว ยังไม่ได้ตอบสนองอะไร สักพักเธอก็ พยักหน้าแล้วพูด “ก็โอเค แต่งงานกันมาสองปีก็ควรจะท้องได้ แล้วล่ะ”
“ฉันหย่าไปเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วน่ะ”
“อะไรนะ?”
“จากนั้นฉันก็แต่งงานใหม่เมื่อไม่นานมานี้
“เดี๋ยวก่อนนะ เสิ่นเฉียว เธออย่าเพิ่งข้ามเรื่องเร็วขนาดนี้ได้ มั้ย? เพิ่งหย่าแล้วก็แต่งงานใหม่ทันทีหรอ? เธอคิดจะเล่นอะไร น่ะ? เธอให้เวลาฉันทำความเข้าใจสักครู่นะ”
หานเส่โยว เอามือกุมไปที่หน้าอก สีหน้าท่าทางของเธอดู ตกใจ
เสิ่นเฉียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้เพื่อนเธอฟังทั้งหมด หานเส่โยวจึงค่อยๆเข้าใจ “ดังนั้น เธอในตอนนี้ก็คือคุณนาย น้อยสองของตระกูลเย่อย่างนั้นหรอ?”
“แค่ใช้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันเฉยๆ อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้ว”
“ฉันจะบีบคอเธอให้ตายเลยคอยดู
หานเสโยว ลุกขึ้นมายืน แกล้งทําท่าบีบไปที่คออันขาวเนียน ของเธอ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอเพิ่งจะมาบอกฉันตอนนี้ พวก เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า? ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่า
“เรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหัน ฉันเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ต้องเล่าให้ฉันฟังสิ เรื่องสำคัญขนาด นี้” หานเส่โยวครุ่นคิดสักครู่ อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา “ฉันไปโรง พยาบาลเป็นเพื่อนเธอ ไปเอาเด็กออกกัน”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น “เอาเด็กออกอย่างนั้นหรอ?”
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะเก็บเด็กไว้น่ะ? นี่เธอท้องลูกใครก็ ไม่รู้นะ! เฉียวเฉียว เธออย่าหน้ามืดตามัวสิ ผู้ชายคนนั้นคือ ใครก็ไม่รู้ ยังไงก็ต้องเอาเด็กออก!”
หานเลโยว พยายามอธิบายเพื่อดึงสติของเธอกลับมา
“แต่ว่า เขาเป็นชีวิตน้อยๆหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้องฉันนะ เอาเด็ก คนนี้ออกมันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจมากไม่ใช่หรอ?”
เสิ่นเฉียวก้มหน้าลงไปมองท้องน้อยของเธอ “นี่เป็นชีวิตหนึ่ง ชีวิตเลยนะ”
“เธออย่าคิดให้มันมาก แค่หนึ่งเดือนเอง ยังไม่มีชีวิตเลย! ถ้า เธอไม่เอาเด็กออกตอนนี้ รอให้ผ่านไปหลายเดือน เธอจะเอา ออกก็สายไปแล้วนะ!”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หานเสโยวพยายามพูดเตือนอย่างเข้มงวด “เธอคิดอะไรอยู่? นั่นเป็นลูกใครก็ไม่รู้นะ ถ้าเธอไม่เอาออก เธอก็อยู่ตระกูลเย่ต่อไม่ได้นะ ถ้าเธอกลับตระกูลเส็น เธอคิด หรอว่าพ่อแม่ของเธอจะยอมปล่อยเธอไว้น่ะ?”
คำพูดเหล่านี้ดึงสติของเธอกลับมา เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น จ้อง มองไปที่หานเส่โยว
หานเส่โยวพูดไม่ผิด ถ้าเธออยากจะอยู่ตระกูลเย่ต่อ เด็กคน นี้ก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้
เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่มั้ย?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ