เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิการ

บทที่ 1 เสียตัว



บทที่ 1 เสียตัว

บทที่ 1 เสียตัว

ณ กลางคืน

ค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องลั่นอยู่ครื้นโครม

เสิ่นเฉียว เดินลากกระเป๋าเดินทาง เดินอย่างไร้จุดมุ่งหมาย อยู่กลางสายฝน

“เฉียวเฉียว หลินเจียงไม่ใช่เป็นเพราะถูกลอตเตอรี่ห้าล้าน จึงมาขอเธอหย่าหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้ทำหน้าที่ที่ดี พร้อมที่ภรรยาดีดีคนหนึ่งควรจะทำ”

“เสิ่นเฉียว เธออย่าวุ่นวายอีกเลยนะ เรื่องหย่าเป็นเรื่องที่เรา คุยกันมาตั้งนานแล้ว ถ้าเธอไม่อยากหย่า เธอยังอยากจะแบ่ง มรดกกันอยู่มั้ย?”

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ไหลอยู่บนใบหน้าของเสิ่นเฉียว คือน้ำฝนหรือ น้ำตากันแน่

ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นนั้นค่อยๆเบลอมากขึ้น

มีรถเบนท์ลีย์สีเงินคันหนึ่งขับมุ่งตรงมาหาเธอด้วยความเร็ว เสิ่นเฉียวที่กำลังเสียใจอยู่ไม่ทันได้สังเกตเห็น
จนกระทั่งรถคันนั้นขับใกล้เข้ามาหาเธอ เธอจึงค่อยๆรู้สึกตัว ขึ้นมา แต่สมองของเธอนั้นเหมือนได้ตายไปแล้ว เธอหยุดแล้ว ยืนนิ่งจ้องมองรถคันนั้นที่ขับมาหาเธออย่างมึนงง

เอี๊ยด

รถเบนท์ลีย์สีเงินหักเลี้ยวด้วยความเร็วสูง สามารถเห็นถึง ทักษะการขับขี่ของคนขับได้ เป็นเพราะว่าขับรถมาด้วย ความเร็วมากเกินไป ไม่ระวังจึงชนเข้ากับรั้วกั้น

เสิ่นเฉียว ยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของเธอเต้นแรงไม่หยุด

หลังจากที่รถเบนท์ลีย์สีเงินชนเข้ากับรั้วกั้นแล้วมันก็จอดนิ่ง อยู่กับที่

เสิ่นเฉียว ยืนเหม่ออยู่กับที่เป็นเวลาหลายวินาที จากนั้นเธอ จึงค่อยๆดึงสติกลับมา เธอเอามือมาปาดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า ของเธอออก จากนั้นทิ้งกระเป๋าสัมภาระของเธอลงแล้ววิ่ง เข้าไปหารถเบนท์ลีย์สีเงินคันนั้น

เมื่อมองเข้าไปในรถ ข้างในมืดสนิท เสิ่นเฉียวพยายามส่อง ลอดผ่านกระจกรถมองดูภายใน เธอมองเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่ง ฟุบอยู่บนพวงมาลัยรถ

เสิ่นเฉียว ใช้มือตบกระจกรถแรงๆหลายที “คุณ คุณไม่ เป็นไรใช่มั้ย?”
ไม่ว่าจะพูดยังไง อีกฝ่ายก็เกิดจากการที่เขาพยายามหลบ แล้วหักพวงมาลัยรถออกเพื่อไม่ให้ชนเข้ากับตัวเธอ เขาจึง ต้องมาชนกับรั้วกั้นเช่นนี้ ถ้าเขาเป็นอะไรไป เธอจะต้องรับผิด ชอบ!

เมื่อได้ยินเสียงกึก เสิ่นเฉียวรีบเปิดประตูออก จากนั้นยื่นครึ่ง ตัวของเธอเข้าไปในรถ “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? คุณ…”น้าเสียง ของเธอเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

ยังพูดไม่จบ ผู้ชายที่ฟุบอยู่บนพวงมาลัยรถก็ยื่นมือมาจับ แขนของเสินเฉียวแล้วดึงเธอเข้ามาในรถ

ประตูรถปิดแล้วถูกล็อกเอาไว้

ร่างของเสิ่นเฉียว ทับอยู่บนขาของผู้ชายคนนั้น มือที่หนา ใหญ่ของผู้ชายคนนั้นจับแน่นไปที่บริเวณเอวของเธอเหมือน ดั่งโซ่ที่รัดเธอเอาไว้ ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้

“ปล่อย ปล่อยฉัน…..”เสิ่นเฉียว เริ่มรับรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้น กับเธอ พูดอย่างตะกุกตะกักใส่เขา

“เธออยากตายหรอ?”

เขากดตัวเธอลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มทุ้ม เสียงของเขา ราวกับเป็นสาเกที่รสชาติหวานนุ่มไหลผ่านเข้าไปในลำคอ
เส้นเฉียว ตะลึงตกใจไปสักพัก เมื่อเธอดึงสติกลับมาได้ เธอ จึงรับรู้ได้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องที่เธอเดินอยู่บนทางม้าลาย เธอรีบส่ายหัวแล้วพูด “ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ แต่เธอเป็นคนมาตรงนี้เอง อย่าโทษ ฉันก็แล้วกัน…” เมื่อพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็ยกตัวเธอขึ้นมาวาง ไว้บนขาของตัวเอง

เธอรับรู้ถึงความแข็งแรงของผู้ชายคนนี้ เสิ่นเฉียวเริ่มรู้สึกชา ไปที่หัวของเธอ พูดอย่างตะกุกตะกักว่า “คุณคิดจะทำอะไร

“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ?”

ผู้ชายก้มตัวลง จูบเธอด้วยริมฝีปากอันบางและเย็นของเขา เสิ่นเฉียว รู้สึกว่าในสมองของเธอกำลังมีอะไรระเบิดออกมา

จูบของเขาค่อนข้างจะรุนแรงและหยาบ แต่สักพักเขาก็เริ่ม จูบได้ดีมากขึ้น

หัวของเสิ่นเฉียว นั้นว่างเปล่า จนกระทั่งเธอรับรู้ถึงความรู้สึก เจ็บ เธอจึงค่อยๆมีสติกลับมา พยายามทุบตีขัดขืนผู้ชายที่อยู่ ตรงหน้าเธอ

ผู้ชายเริ่มเพลิดเพลินและมีอารมณ์มากขึ้น เขาปรับเบาะให้ เอนระนาบลงแล้วจับเธอกดไว้ใต้อ้อมแขนของเขา….
ฝนตกหนักทั้งคืน ราวกับว่าฝนกำลังชำระล้างบาปให้กับเมือง

นี้

หลังจากคืนอันบ้าคลั่งนี้….

ร่างของคนในรถเริ่มขยับตัว ดวงตาของผู้ชายที่คนล็กแลดูส ขุมค่อยๆลืมตาขึ้น เยโม่เชินลุกขึ้นมานั่ง

เขายังคงรับรู้ถึงบรรยากาศอันหอมหวานเย้ายวนของผู้หญิง คนนั้นได้ แต่ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว

เธอหนีไปแล้วงั้นหรอ?

แววตาของเปโม่เซิน นิ่งไปสักพัก สายตาของเขาจับจ้องไป ยังเบาะที่นั่งที่เลอะสีแดง แววตาของเขาเริ่มแฝงไปด้วยความ เคร่งเครียดบางอย่าง ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!

เย่ไม่เซิน โทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยเซียวซู่ พูดกำชับด้วยน้ำเสียง ที่เย็นชาว่า “รีบค้นหาตำแหน่งของฉันทันที จากนั้นตรวจสอบ ให้ชัดเจนว่าผู้หญิงที่เจอเมื่อคืนคือใคร ”

เมื่อพูดจบ เขาไม่รอให้ผู้ช่วยเข้าใจในคำสั่ง เขาก็วางสายลง

เสิ่นเฉียว หนีออกมากลางดึก เธอฝ่าฝนที่ตกหนัก เดินทาง กลับบ้านพ่อแม่ของเธอด้วยความอึดอัดลําบากใจ
แต่งงานมาหลายปี เธอไม่เคยร่วมหลับนอนกับสามีตัวเอง แต่ ในวันนี้เธอกลับไปหลับนอนกับผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน ดังนั้นเสิ่นเฉียว รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

เมื่อตื่นมาแล้วรู้สึกตัว เธอจึงรีบหนีออกมา

“เฉียวเฉียว”

คุณแม่เสิ่นเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้ามา ยกเอาน้ำขิงถ้วย หนึ่งมาให้เธอ

“ขอบคุณนะ แม่

“ลูกกับหลินเจียง เลิกกันอย่างเด็ดขาดแล้วใช่มั้ย?”

เมื่อพูดถึงหลินเจียง เสิ่นเฉียวก็ก้มหน้าลง มือของเธอ ประคองจับถ้วยชาขิงเอาไว้ สักพักก็ยกขึ้นมาดื่ม เธอไม่อยาก จะพูดถึงมัน

“หย่าไปแล้วก็ดี ยังไงซะพ่อของลูกก็จัดการเรื่องการแต่งงาน ใหม่ให้ลูกแล้ว”

เมื่อพูดจบ หัวใจของเสิ่นเฉียวก็เต้นแรง รีบเงยหน้าขึ้น “แม่?”

“ถึงแม้ว่าผู้ชายจะมีปัญหาที่ขาของเขา แต่ลูกเองก็เป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วเช่นกัน ลูกก็อย่าไปรังเกียจ เขาก็แล้วกัน”

เสิ่นเฉียว: “แม่ แม่พูดเรื่องอะไรอ่ะ?”

คุณแม่เสิ่นยืนขึ้นมา สีหน้าของเธอค่อนข้างไม่พอใจ “ฤกษ์ งานแต่งถูกกำหนดให้จัดหลังจากนี้หนึ่งเดือน ถึงลูกจะไม่ อยากแต่งก็ต้องแต่ง”

“หนูกับหลินเจียง พึ่งจะหย่ากันคืนนี้ แม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” หัวใจของเสิ่นเฉียว ชาไปหมด

“แม่พูดอย่างเปิดอกเลยนะ จริงๆแล้วงานแต่งนี้ต้องเป็นของ น้องสาวเธอ แต่ลูกหย่ากับสามีแล้ว ลูกก็แต่งแทนน้องสาว เถอะนะ”

เมื่อพูดจบ คุณแม่เสิ่นก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งทีแล้วจ้องมอง ไปที่เธอ “ฝ่ายชายขามีปัญหา เฉียวเฉียว ลูกสาวสองคนของ ตระกูลเสิ่นจะเสียอนาคตไปทั้งคู่ไม่ได้”

เสิ่นเฉียว รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจของเธอ มือของเสิ่นเฉียวที่ กำลังถือแก้วน้ำขิงนั้นสั่น เธอพูด “แม่ แต่หนูก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของแม่นะ….”

“โย่วโย่ว ก็เป็นน้องสาวแท้ๆของลูกนะ ลูกยอมให้น้องไป นําบากหรอ?”
“แล้วหนูล่ะ?”

“ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้ก็ต้องเป็นไปตามนี้แหละ หลังจาก นี้หนึ่งเดือน ลูกต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ตระกูลเย่! ถ้าหากว่า ลูกสาวของตระกูลเสิ่นเสียอนาคตไปทั้งสองคน แม่กับพ่อ คงทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้

วันแต่งงานมาถึง น้องสาวของเสิ่นเฉียว นามว่าเสิ่นโย่วมาหา เธอ

“พี่ หนูขอโทษนะ หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่แม่เป็น คน…. ”

เสิ่นเฉียว จ้องมองไปที่เธออย่างไม่กะพริบตา “ขอโทษงั้น หรอ? งั้นเธอยินดีจะมาใส่ชุดแต่งงานแล้วแต่งเองมั้ย?”

“พี่ หนู…..”เนโย่วกำหมัดในมือแน่นแล้วกัดฟัน สุดท้ายเธอ ก็คลายหมัดออกแล้วพูด “หนูมีแฟนแล้ว แต่พี่พึ่งจะหย่าไป

เสิ่นเฉียว ก้มหน้าลง “ใช่สิ ฉันหย่าแล้ว….ดูแลพ่อแม่ให้ดีดี เถอะ เพื่องานแต่งนี้แล้ว พ่อแม่พยายามทำทุกอย่างขนาดนี้ ทำทุกอย่างให้ฉันยอมตกลงให้ได้”

แต่งงานกับคนที่ขามีปัญหา ทำให้เธอรู้ว่าเธอจะต้องดูแล เขาไปตลอดชีวิต ถ้านี่คือโชคชะตาฟ้าลิขิตของเธอ เธอก็จะ ยอมรับมัน
จริงๆแล้ว เรื่องนี้ควรจะต้องเกิดขึ้นกับเสิ่นโย่ว แต่เธอเสิ่น เฉียวคนนี้โดนสามีหักหลังจนต้องเลิกกัน จากนั้นเดินทางกลับ บ้านพ่อแม่ เดิมทีเคยคิดว่าจะได้รับคำปลอบโยนใดใดจาก พวกเขา

แต่นึกไม่ถึงว่า สุดท้ายสิ่งที่เธอได้รับจะเป็นเช่นนี้ เธอกลับ โดนบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลเย่แทนตัวน้องสาวของเธอ

เป็นเพราะอีกฝ่ายขามีปัญหา พ่อแม่ไม่อยากทําลายชีวิตของ

เสินโย่ว

แล้วตัวเธอเองล่ะ? เป็นเพราะว่าเธอเคยหย่าจึงต้องมาเจอ เรื่องแย่ๆเช่นนี้งั้นหรอ?

น่าตลกสิ้นดี! แต่พวกเขาก็คือพ่อแม่แท้ๆของเธอที่เกิดเธอมา เลี้ยงดูเธอมา เธอจึงทำได้เพียงตอบรับพวกเขา

ตระกูลเย่ได้เตรียมงานแต่งไว้อย่างอลังการ เธอเคยมี ประสบการณ์แต่งงานที่ล้มเหลวมาครั้งหนึ่ง เป็นเพราะเงิน เฉียวต้องมาแต่งงานแทนเสิ่นโย่ว ก่อนจะมาเข้าร่วมงานแต่ง สามีภรรยาตระกูลเส็น ก็ได้ทำการสอนเรื่องต่างๆให้กับเธอ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้จักเธอ แต่เสิ่นเฉียว ก็รู้สึกผิดและรู้สึก ไม่มั่นใจ ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในงาน เธอ พยายามไม่ให้ตัวเองเป็นที่สนใจ

โชคดีตรงที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่บนรถเข็น อีกทั้งเขาทำให้บรรยากาศของงานแต่งนั้นแลดูจืดชืด ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึง

จ้องมองสนใจตัวเขามากกว่าเธอ

ถึงแม้ว่างานแต่งงานจะจัดอย่างใหญ่โตอลังการ แต่ก็ยังมี ความเรียบง่าย เป็นเพราะว่าเย่โม่เซินไม่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาชน ผู้คนในงานจึงเกรงและไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับเขา

เมื่อจบพิธีงานแต่ง เสิ่นเฉียวก็ถูกส่งตัวไปที่ห้องพักใหม่

คนรับใช้เก่าแก่สูงวัยยืนอยู่หน้าเธอแล้วพูดกำชับ “คุณนาย น้อยสอง ถึงแม้ว่าคุณชายสองของพวกเราจะมีปัญหาที่ขา แต่ ยังไงเขาก็คือคุณชายสอง ของตระกูลเย่ หลังจากที่คุณนาย น้อยสองได้แต่งเข้ามาในบ้านนี้ก็ต้องดูแลคุณชายสอง ของ พวกเราให้ดีที่สุด”

ตั้งแต่คืนนั้นที่เธอเดินตากฝนกลับมาถึงบ้าน จากนั้นแม่ของ เธอก็บอกกับเธอว่าเธอต้องแต่งงานเข้าตระกูลเย่แทนเสิ่นโย่ว วันถัดมาเธอก็ไข้ขึ้นสูง จากนั้นใช้เวลาหลายวันกว่าไข้จะลด หายไป

หลังจากนั้นเป็นต้นมา อาการป่วยของเธอก็เป็นเป็นหายหาย อยู่เสมอ ไม่หายดีสักที จนมาถึงวันนี้ก่อนที่เธอจะสวมใส่ชุด แต่งงานนั้น เธอก็ยังคงกินยาแก้หวัดอยู่

เธอรู้สึกง่วงมาก เมื่อฟังคนรับใช้พูดจบ เธอพยักหน้าแล้วพูด “ฉันรู้แล้ว ฉันขอพักผ่อนหน่อยได้มั้ย?”
เธอรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว

แววตาของคนรับใช้เก่าแก่มองเธอด้วยความรังเกียจทันที พูดนินทาเธอแล้วเดินจากไป

เมื่อคนรับใช้ออกไป เสิ่นเฉียวก็ล้มตัวนอนลงโดยที่ไม่สนใจ ชุดเจ้าสาวที่สวมใส่อยู่บนตัวเลย

ตอนที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น เธอรู้สึกราวกับว่ามีแววตาอัน แหลมคมกำลังจ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ ช่างรู้สึกประหลาด เหลือเกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ