ซาตานทวงสิทธิ์วิวาห์

ตอนที่ 5 ลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง



ตอนที่ 5 ลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง

ร่างบางที่นั่งอยู่ตรงสวนหย่อมชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเรียกให้ขา ยาวๆ ก้าวเร็วๆ เข้าไปหา วินเซน โซ่แวะเข้าไปเยี่ยมคุณอาภูวดลเรียบร้อย แล้ว เขาได้พูดอะไรบางอย่างกับท่านเพื่อให้ท่านสบายใจก่อนจะขึ้นมาบน

สวัสดีครับคุณอา จําผมได้ไหมครับ

‘วิน…วินเซน โซ

ครับ คุณอาเป็นอย่างไรบ้างครับ

‘อาการภายนอกก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ แต่ภายใน..

อย่ากังวลไปเลยครับ ผมไม่มีอะไรจะพูดนอกจากจะบอกว่าไม่ต้อง เป็นห่วงน้ำค้าง ผมจะดูแลเธอเอง คุณพ่อคุณแม่คงจะบอกคุณอาบ้างแล้ว ผมแค่จะมาขอความร่วมมือจากคุณอา ถ้าน้ำค้างถามเรื่องของผมหรือขอดู รูปถ่าย ขอร้องอย่าให้เธอดูนะครับ

ถ้ายิ่งปิดบัง น้ำค้างจะยิ่งถอยห่างนะวิน อาเกรงว่าจะทำให้ดินมี ปัญหาภายหลัง

ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการได้ คุณอาทำใจให้สบาย ค่ารักษา พยาบาลทั้งหมดไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเคลียร์ให้เอง และคงจะต้องขอ เวลาอีกสักนิตหลังแต่งงานผมจะส่งคุณอาไปรักษาที่อเมริกา ผมมีเพื่อน เป็นหมอมือหนึ่งอยู่ที่นั่น เคยมีเคสที่เป็นอัมพาตแล้วก็ยังรักษาจนสามารถ เดินได้ แม้จะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ยังดีกว่าต้องนั่งจับเจ่าบนรถวีลแชร์นะครับ
ขอบใจมากวิน ยังไงอากฝากน้ำค้างด้วยนะ ช่วงดูแลน้องแทนอาห

ได้ครับคุณอา ส่วนเรื่องงานแต่ง ผมขอให้เร็วที่สุดนะครับ

ทําไมถึงต้องรีบร้อน

ก็ผมอยากมีอภิสิทธิ์ในการดูแลน้ำค้างให้เต็มที่ไงล่ะครับ

คําตอบของเขาทําให้ชายสูงวัยกว่าได้แต่นิ่งเงียบราวกับจะเห็นด้วย วินเซน โซเดินออกมาจากห้องพักฟื้นพร้อมรอยยิ้มกดลึกตรงมุมปาก และ พอได้มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังมองเห็นว่าเล็กๆ ไหวสะท้านก็อดที่จะหัวใจ กระตุกไม่ได้ เขาถือวิสาสะวางมือบนบ่าสั้นๆ เรียกให้คนตัวเล็กที่กำลัง สะอื้นฮักถึงกับสะดุ้ง

“คุณวินทวิน!” รีบใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ยังคงหลั่งรินเป็นสาย “ขอโทษนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณอีก” น่าอายเหลือเกินที่เขาจะต้องมาเห็น เธอในสภาพแบบนี้ หน่วยตาคู่สวยผ่าวร้อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าขอบตาคงจะ แดงเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ไม่มีกำลังร้องไห้ถึงจะถูก ถ้าเขาไม่ มาทักเธอก็คงนั่งร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปเอง

“เธอร้องไห้ทำไม ไหนสัญญากันแล้วว่าจะโทรหาฉัน แล้วมานั่ง ร้องไห้อยู่คนเดียวได้ยังไง” ถามเชิงตัดพ้อ แต่ไม่คิดจะต่อว่าแรงๆ ด้วยรู้ ว่าคนตรงหน้ากำลังอ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องอื่น สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้ ก็คือการปลอบโยน

“ฉะ…ฉันไม่ได้สัญญานะคะ” นาดาพยายามคิดว่าเผลอหลุดคำสัญญาไปกับเขาตอนไหน

“เธอรับปาก ฉันถือว่านั่นคือคําสัญญา แล้วร้องไห้ทำไม” เขาโมเมไป เองแล้วถามต่อ

ดวงหน้าพริ้มเพราหวานเศร้าสลด น้ำตาปริมหยดแหมะเหมือน เม็ดฝนพร่าในตอนเช้า อาการก้มหน้าคล้ายจะสงบนิ่งกว่าน่าเล็กสั่นไหว เป็นระลอกทำให้มือใหญ่ต้องดึงต้นแขนของคนตัวเล็กเข้าหาอกกว้างร่าง เล็กไม่ขัดขืนยังสะอึกสะอื้นอย่างคนขวัญเสีย ถ้าต้องเดาวินเซนโซ่ขอ เดาว่าเป็นเรื่องการแต่งงาน เพราะถ้าเป็นเรื่องเงิน จำนวนตัวเลขที่เขาฝาก ให้ในบัญชีน่าจะยังคงเหลือพอสมควร

แผ่นหลังบอบบางถูกลูบไล้ปลอบโยน ศีรษะสวยที่ปกคลุมด้วยเรือน ผมหอมกรุ่นถูกปลายคางบึกบึนกดไว้ อ้อมกอดที่เธอเคยหวาดกลัวกลับ คืนมาอีกครั้งเป็นกำแพงให้ซุกซบปกป้อง นาดารู้สึกอบอุ่นแม้เรือนร่างจะ เย็นชาเพราะเรื่องที่รับรู้ เธอทิ้งน้ำหนักอิงแอบแนบชิดแล้วร่ำไห้อย่างไม่ เกรงใจ

“ร้องออกมาให้พอ แล้วบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น

ตั้งแต่เที่ยวเกาะเสม็ด ในคราวนั้น เขาก็มักจะปรากฏตัวขึ้นในยามที่ เธอต้องการใครสักคน แม้แต่เพื่อนรักเพื่อนสนิทที่เธอโทร.หาก็ยังไม่มีใคร ว่าง มีเพียงคำพูดปลอบใจบอกให้เข้มแข็ง โดยไร้การโอบกอดที่อยากได้ รับ แต่เขาให้ได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เข้ามามีบทบาทในยามที่หัวใจของ เธอกำลังอ่อนล้า เข้ามาได้ถูกจังหวะเป็นเหมือนหยาดทิพย์ชโลมหัวใจให้ อบอุ่น

ตากลมซ้อนขึ้นสบนัยน์ตาคมกริบสีบรูเน็ต นัยน์ตาสีสวยของเขาดู เหมือนจะอ่อนแสงลงจากที่เคยเห็น มองริมฝีปากหยักโค้งได้รูปสีเข้ม มองไรหนวดเคราที่กำลังขึ้นเขียวและคงหนาตาหาก เจ้าตัวจะปล่อยปละละเลย

“เรื่องบางเรื่องคนนอกอย่างคุณก็ไม่ควรรับรู้” เธอพูดออกไป แล้ว พลันได้เห็นคิ้วหนาๆ ของ “คนนอก” ขมวดมุ่น ได้เห็นแววตาเรืองโรจน์ชั่ว ประเดี๋ยวก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

“อย่าคิดว่าฉันเป็นคนนอกสีน้ำค้าง เพราะที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่อยาก เป็นคนนอกสําหรับเธอ”

“แต่ความจริง….

“ความจริงที่มันลำบากใจก็ต้องโยนทิ้งไปเสียบ้าง” เขาชิงพูดขึ้น “ฉันเป็นห่วงเธอ นี่คือความจริงที่ฉันไม่มีทางลืมไปได้ และฉันไม่ลำบากใจ แน่ถ้าได้เป็นคนในหัวใจเธอ ขอพื้นที่สักซอกหลืบเล็กๆ ให้ฉันได้ยืนบ้างจะ ได้มั้ย”

อ่อนโยนเหลือเกิน ผู้ชายมาดแบดบอยมั่นใจในตัวเองสูงอย่างเขา เธอไม่คิดว่าจะอ่อนโยนได้มากขนาดนี้ เขาเหมือนเทพบุตรที่กำลังรอคำ อ้อนวอนขอจากเธอ และพร้อมจะช่วยเหลือเธอทุกอย่าง นาดากะพริบตาไล่ หยาดน้ำตาก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างอึดอัดถ้าไม่ได้บอกเขา

“ฉัน…อีก… ฉันจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณพ่อเลือกให้ด้วยเหตุผล บางอย่าง ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขา”

“ทําไม เพราะเหตุผลบางอย่างที่เธอว่าไม่ใช่ความรักน่ะหรือ

“ค่ะ คนจะแต่งงานกันต้องรักกันไม่ใช่หรือคะ ถ้าไม่รักกันแล้วจะอยู่ ด้วยกันได้ยังไง”
บางคู่แต่งงานกันไป ศึกษาใจคอกันไปก็รักกันได้นะ

“แล้วถ้าไปกันไม่ได้ล่ะคะ ถ้าสุดท้ายเราต่างก็ไม่สามารถรักกันได้ล่ะ คะ ผู้ชายไม่มีอะไรเสียเหมือนผู้หญิงนะคะ”

“ฉันไม่คิดว่าสาวน้อยวัยรุ่นอย่างเธอจะเป็นคนหัวโบราณ สมัยนี้ ผู้ชายส่วนมากไม่ได้ดูที่พรหมจรรย์หญิงสาวแล้วนะ” เขาพูดตรงๆ และมัน ก็ทําให้นาดาถึงกับหน้าแดงแปร๊ด

“แต่ฉันไม่ได้รักเขา และเขาก็ไม่ได้รักฉัน แม้แต่หน้าตายังไม่เคยเห็น กันเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง นิสัยใจคอเป็นยังไง รู้แต่ว่า คุณลุงกับคุณป้า เอ่อ… พ่อกับแม่ของเขาเป็นคนน่ารักค่ะ เคยเห็นอยู่ 2-3 ครั้ง”

“ลูกชายเขาก็คงไม่ต่างกันหรอกน้ำค้าง ถ้าพ่อแม่ลูกก็น่าจะดี เหมือนกัน” วินเซนโซ่แกล้งพูดให้เป็นกลางๆ แม้จะค่อนไปทางยกหางตัว เองติ๊กๆ

“บางครอบครัวพ่อแม่ดีแต่ลูกแย่ก็ถมเถไปนะคะ”

“สรุปว่าเธอกลัวจะแต่งงานกับคนไม่ดีสินะ แล้วถ้าเป็นแบบนี้เธอจะมี แผนอะไรต่อ” เขาเชื่อว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรบางอย่าง สายตาเธอบอก แบบนั้น เขาจําเป็นต้องรู้ทุกแผนการของเธอ

“ฉันต้องแต่งงานเพราะหนี้สิน ถ้าฉันได้จดทะเบียนสมรสเมื่อไหร่ ความเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ก็จบลง ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดเพราะยังมีเจ้าหนี้ รายอื่นอีก แต่ฉันก็สามารถปลดแอกจากเจ้าหนี้รายใหญ่ได้
“คุณคิดจะทําอะไรน้ำค้าง” ดวงตาคู่คมกริบหรี่แคบลงอย่างครุ่นคิด ในขณะที่แววตาของคนตัวเล็กแสดงถึงความมุ่งมั่นจริงจัง

“คุณอยากช่วยฉันให้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าคะ

ท่ามกลางบรรยากาศแสนสงบ สายลมพัดผ่านปะทะเรือนร่างของคน ทั้งคู่ อ้อมกอดแน่นหนาคลายลงอย่างช้าๆ ความเคลือบแคลงระแวงสงสัย ก่อตัวอยู่ในช่องว่างระหว่างกัน วินเซนโซ่พยายามที่จะมองเข้าไปใน ดวงตาคู่สวยเพื่อจะได้รู้ความคิดของคนตัวเล็ก แผนการที่เธอสร้างอยู่ใน หัวคงตั้งใจกําจัดเขาให้พ้นทาง หรือไม่ก็พาตัวเองหนีไปจากสิ่งที่เธอไม่ ต้องการ น่าจะเป็นอย่างหลังเพราะแววตาคู่นั้นแน่วแน่จริงจังเหลือเกิน

บอกแผนการของเธอมาสาวน้อย”

“คุณรับปากฉันก่อนสิคะว่าจะช่วย” เธอต่อรอง ถ้าเขาไม่ช่วยก็คงไป หาคนอื่น ทว่าตอนนี้เธอมองไม่เห็นใครและคนเดียวที่เข้ามามีบทบาทใกล้ ชิดอย่างไม่น่าเชื่อก็คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ฉันเป็นนักธุรกิจ ถ้าจะต้องลงทุนอะไรแล้วไม่เห็นสิ่งของที่จะลงทุน ก่อน ฉันจะปฏิเสธทันทีเพราะมันไม่แฟร์”

“ฉันอยากให้คุณพาหนี

“หนีงานแต่ง?”

“ใช่ค่ะ หลังจากเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสแล้วเรียบร้อย คุณต้องช่วย พาฉันหนีทันที”

“คิดว่าการหนีเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วหรือน้ำค้าง ถ้าเธอหนีแล้วคุณพ่อเธอล่ะ”

นาดาก้มหน้าสะอื้นฮัก ถ้าเธอหนีเรื่องมันคงไม่จบลงอย่างที่บิดา ต้องการ และเธอก็คงต้องทิ้งท่านไว้กับความผิดหวัง ที่สำคัญถ้าเป็นอย่าง นั้นไม่รู้ว่าฝ่ายโน้นจะทำอะไรพ่อของเธอต่อไปอีก

“ฉัน…ฉันไม่รู้ ฉันไม่อยากทำร้ายคุณพ่อ ฉันกลัวท่านจะผิดหวัง แต่

ฉัน…ฉันก็คง… ดงแต่งงานไม่ได้เหมือนกัน”

นาดากําลังทําให้วินเซนโซ่ล่าบากใจ เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า ต้องการเธอแค่ไหน ยอมรับเลยด้วยซ้ำไม่เคยต้องการใครเท่านี้มาก่อน ขนาดยอมให้ผูกมัดด้วยทะเบียนสมรสซึ่งผู้หญิงคนอื่นไม่มีทางทำได้แน่ แต่เธอเล่า เธอกลับไม่ต้องการแต่งงานกับเขา การปฏิเสธของเธอมัน ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย อยากทิ้งเธอไว้ให้สาสมกับความกล้า หาญ อยากปฏิเสธการช่วยเหลือเธอทุกอย่าง และสั่งสอนให้เธอหลาบจำ ว่าไม่มีทางหนีไปไหนได้พ้น ถ้าเขาไม่ต้องการให้เธอไป

“บางทีการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่เธอคิด

“ฉันแค่อยากแต่งงานกับคนที่รัก ไม่ใช่แต่งงานกับใครก็ได้ แล้วค่อย รักทีหลัง ฉันผิดด้วยหรือคะ”

“ไม่ ถ้าเธอจะผิดก็มีเรื่องเดียว คือทำให้พ่อของเธอเสียใจ” เขาพูด แล้วหยุดลอบมองปฏิกิริยาของเธอ นาดายังคงก้มหน้าให้น่าสงสาร แต่ คราวนี้เขาควรต้องสั่งสอนคนเจ้าแผนการเสียบ้าง ในเมื่อเธอกล้าปฏิเสธ เขา เธอจะต้องเป็นฝ่ายตกหลุมพรางของตัวเอง
แต่ฉันรับปาก”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉ่ำวาวด้วยน้ำตาเบิกกว้างราวกับตกใจ รอยยิ้มบางๆ จุดขึ้นที่มุมปากอิ่ม

“คุณจะช่วยฉันใช่มั้ยคะ”

“ใช่ แต่ต้องเป็นวิธีของฉัน และนักธุรกิจอย่างฉันไม่เคยทำอะไรให้ ใครฟรีๆ ถ้าไม่ได้รับสิ่งตอบแทน” ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดว่าเธอจะฉุกใจ คิดบ้างหรือไม่

“คุณต้องการอะไรคะ แลกกับการที่ฉันไม่ต้องแต่งงานใช้หนี้ คุณ ต้องการอะไรบอกฉันมาเลยค่ะ” เปล่าเลย นาดาไม่ได้ฉุกคิดอะไรมากไป กว่าการปลดหนี้และเป็นอิสระจากบ่อพันธนาการที่ขุดรออยู่เบื้องหน้า

“ฉันต้องการเพื่อน

“เพื่อน?” นี่น่ะหรือสิ่งที่เขาต้องการ แล้วมันคุ้มค่ากับการเสียเวลา วางแผนพาเธอหนีงานแต่งงานตรงไหน

“เพื่อนในทุกความหมาย” เห็นสีหน้างงๆ ของคนตัวเล็ก คนตัวโตก ยิ่งแกล้งอธิบายให้ครอบคลุม ไม่ได้เจาะจง แต่ครอบคลุมในทุกเรื่อง ทว่า สาวน้อยวัย 22 คิดได้ไม่เท่า เธอจึงยิ้มแล้วรีบตอบรับเขาด้วยความใสซื่อ ไม่รู้เลยว่าตนกำลังก้าวลงหลุมพรางของหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์

“ได้ค่ะ ฉันยินดีจะเป็นเพื่อนคุณ

“งั้นก็โอเค เธอจะต้องแต่งงานเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ ระหว่างนี้ถ้าเพื่อน อย่างฉันต้องการอะไร เธอต้องให้ได้ทุกเรื่อง ห้ามปฏิเสธ

“ค่ะ ฉันจะรีบถามคุณพ่อแล้วจะมาบอกคุณ” เธอได้กลิ่นฟุ้งของการปลดปล่อย คิดว่าเมื่อใดเธอเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสแล้ว เมื่อนั้นเธอกลาย เป็นคนมีเจ้าของและเจ้าของทำ

“ส่วนเรื่องคุณพ่อ คุณไม่ต้องเมื่อถึงเวลานั้นท่านอาจจะเข้าใจเหตุผลของก็ได้”

“แล้วถ้าไม่เข้าใจล่ะ

“ท่านฉันมากคะ ท่านย่อมต้องการจะฉันความสุข

เอาเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเอง ฉันแค่เตือนด้วยความหวังดี และยินดีช่วยเธอตามที่ขอ

“ขอบคุณฉัน

มือเล็กเผลอขยี้มแขนเสื้อเขาอย่างดีใจ ใบหน้าเปื้อนคราบ น้ำตาแต้มเต็มไปด้วยรอยสดใสท์ใช้ระงับกำลังพลุ่งพล่านอยากจูบริมฝีปาก ของคนตรงหน้าแทบขาดใจ ทว่าเขาไม่อยากหักหาญใจของเธอไป ไม่อยากทําให้ตกใจ และไม่อยากเป็นคนทำลายการทั้งหมด เล็กถ้าว่ากำลังจะเจอกับแผนซ้อนแผน คงเกลียดขี้หน้านาน

เขาไม่แคร์

เธอไม่ทางหนีเขาพ้น ต่อเกลียดกันสักแค่ไหนก็ตาม
คุณภูวดลได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน ในสัปดาห์ต่อมา หลังจากนั้น เรื่องวุ่นวายที่บริษัทก็ถูกเคลียร์จนกลายเป็นปกติ นาดาถูกกันไม่ให้เข้าไป วุ่นวาย พ่อของเธอบอกแต่เพียงว่านฤเดชผู้ชายของท่านจัดการทุกอย่างได้ ลูกสาวที่ไม่เคยรู้เรื่องในบริษัทที่เชื่อและใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับบิดา

“น้ำค้าง”

ร่างหนาบนรถวีลแชร์เหลียวหันมามองบุตรสาวแล้วเรียกด้วยเสียง อ่อน นาดาเดินมานั่งย่อเข่าอยู่ตรงหน้าท่านแล้วขานรับด้วยเสียงหวาน

“คะ คุณพ่ออยากได้อะไรหรือเปล่าคะ

“พ่อไม่อยากได้อะไรหรอกลูก แค่อยากจะบอกลูกว่าวันนี้คุณลุงคุณ ป้าจะมาเยี่ยม”

“เหรอคะ” ปลายเสียงสั่นนิดๆ ยามตอบ ถ้าคุณภูวดลไม่รู้แผนการ จากปากวินเซนโซ เขาก็คงอดสงสารลูกไม่ได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่คลาย กังวลเพราะนาดาก็เท่ากับถูกหลอก แต่ท่านก็พอใจที่ฝ่ายชายออกมาบอก กล่าวทุกอย่างแบบลูกผู้ชาย มิหนำซ้ำยังเข้าไปช่วยดูแลงานทุกอย่างใน บริษัทพร้อมกับเคลียร์ทุกปัญหาให้หมดจด คุณภูวดลไม่บอกเรื่องนี้กับนา ดาแล้วยกนฤเดชขึ้นมาอ้าง

“พ่ออยากให้หนูเตรียมอาหารสัก 3-4 อย่าง รอต้อนรับคุณลุงคุณป้า ช่วงเย็นนี้

นาดานิ่งงันไป เธอไม่อยากพบคนในครอบครัวนี้เลย ทว่าคงหลีก เลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเจอ
“น้าค้าง เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” บิดาเรียกเมื่อเห็นบุตรสาวเงียบไป

“เปล่าค่ะคุณพ่อ น้ำค้างกำลังคิดว่า ลูกชายคุณลุงคุณป้าจะมาด้วย ไหมคะ โดยเฉพาะเขาคนนั้นที่เธอไม่คิดอยากเจอ

“เอ… น่าจะมาอยู่นะลูก” คุณภูวดลตอบเสี่ยงๆ ไม่รู้ว่าคนที่กำลัง กล่าวถึงมีแพลนจะทําอะไรต่อไป

“ค่ะ” นาดาตอบรับ ก้มหน้าลงเมื่อถามประโยคต่อไป “พวกเขาเป็น คนแบบไหนกันคะคุณพ่อ”

“เป็นคนดีมีน้ำใจกับพ่อ กับครอบครัวของเรา พ่อรู้จักกับคุณป้า ชัญญาก่อนที่ท่านจะแต่งงานเสียอีก คุณลุงรอบก็เป็นคนดี”

“แล้วลูกชายล่ะคะเป็นคนยังไง

คำถามนี้ทำให้บิดาชะงักไป ก่อนจะยิ้มอบอุ่นพร้อมกับยกมือลูบศีรษะ ของบุตรสาว

“วินเซนโซก็เป็นหนุ่มนักธุรกิจ เป็นคนดีเหมือนพ่อกับแม่ของเขานั้น

“คุณพ่อคะ” นาดาเงยหน้าขึ้นจับมือบิดามาแนบแก้ม “หนูอยากรู้ ทำไมเขาถึงยอมแต่งงานกับหนู เพื่อแลกกับการชำระหนี้เท่านั้นหรือคะ คือ หนูไม่คิดว่าตัวเองจะมีค่ามากขึ้นนั้นค่ะ”

“วินเซน โซ่เคยเห็นนาค้างแล้วพี่เขาก็ชอบหนูด้วยนะลูก คนอย่างอื่น เซนโซ่ ถ้าไม่ชอบเขาคงไม่ยินยอมให้มีการผูกมัดเกิดขึ้น
“แล้วเขาหน้าตาเป็นยังไงคะ ถ้าให้เดา เขาคงไม่ได้หล่อเหลาอะไร เพราะคนหล่อๆ คงแต่งงานแต่งการไปนานแล้ว ที่เขายอมให้ผูกมัดเพราะ อาจจะยังหาแฟนไม่ได้

“ช่าๆ” คุณภูวดลหลุดหัวเราะออกมา ถ้าบุคคลที่กำลังกล่าวถึงมา ได้ยินเข้าคงมีสีหน้าเป็นปลาสำลักน้ำ “ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ตรงไหนนี่นาลูก พ่อเห็นว่าพี่เขาออกจะหน้าตาดีเสียอีก”

“ถ้าหน้าตาดีจริงๆ ก็คงหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยได้ไม่ยากหรอกค่ะ นี่คงไม่หล่อเอามากๆ เลยหาคนแต่งงานด้วยยากหน่อย แต่ผู้หญิงสมัยนี้ ไม่ได้ยึดติดกับรูปร่างหน้าตาเสมอไปนะคะ ขอแค่รวยก็ยอมให้หมดแล้ว แสดงว่าอีตา… เอ่อ… คุณวินเซนโซ่คงหน้าโหลยโดยมากๆ ขนาดผู้หญิง ยังเมินความร่ำรวยของเขาได้เลย”

ดวงหน้าบูดบึงริมฝีปากบิดเบ้ และสายตาดูแคลนของบุตรสาวทำให้ บิดาต้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ จริงๆ แล้วคุณภูวดลก็นึกสงสารวิน เซนโซ่ไม่น้อย โดนลูกสาวของเขาว่าเสียๆ หายๆ โดยไม่มีโอกาสแก้ตัว ช่างเถอะ ถือเป็นบทลงโทษของคนที่ชอบโกหกก็แล้วกัน

“คุณพ่ออยากเข้าบ้านหรือยังคะ

“ยังลูก พ่ออยากนั่งเล่นตรงนี้ต่อ หนูจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ แก้วก็มาพาพ่อเข้าบ้านเอง” “แม่แก้ว คือสาวใช้วัย 40 ที่ทำงานด้วยกัน มานาน แก้วกับจันทราเข้าทำงานพร้อมกันทั้งนั้นทั้งคู่จึงรู้ใจเจ้านายมาก ที่สุด

“ถ้างั้นน้ำค้างขอตัวไปดูของสดในตู้เย็นก่อนนะคะ จะได้รู้ว่าเย็นนี้จะ ทำอะไรต้อนรับแขกคนสําคัญ
“เอาสิลูก ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงพ่อ

นาดาแหงนมองท้องฟ้านิดนึงเพื่อจะดูแสงแดดยามสาย บ้านของเธอ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก แสงแดดยามเช้าจึงถูกบดบังจากตัวบ้านได้พอ สมควร แต่อีกสักชั่วโมงกว่าๆ บริเวณนี้ก็คงร้อนขึ้น เธอปล่อยให้บิดานั่ง รับวิตามินจากไอแดดอ่อนๆ เพื่อเข้าไปดูอาหารสดในตู้เย็น

“ไลน์!” เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าทางโปรแกรมแชทไลน์ดังขึ้น นา ดาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูข้อความ คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนๆ ส่งมา ทักทายตามปกติ แต่แล้วดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นคำทักทาย จากคนที่ขอแอดไลน์ของเธอ นาดารีบกดรับเป็นเพื่อน

อรุณสวัสดิ์คนสวย

รูปโปรไฟล์ของเขาหล่อเหลาน่ามอง แค่ยิ้มอ่อนๆ ก็แทบจะลากสาว ขึ้นเตียงได้แล้ว ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยพลังดึงดูดของเพศตรงข้ามจริงๆ

อรุณสวัสดิ์ค่ะ เพิ่งตื่นหรืออยู่ออฟฟิศแล้วคะ

น่าแปลก แค่การถามไถ่ธรรมดาๆ ยังทำให้ใจเต้นแรงขนาดนี้ รู้สึก เหมือนความท้าทายสีสวยมายืนรออยู่ตรงหน้า เขาคือความท้าทายอันน่า เย้ายวนสําหรับเธอ คือบุคคลต้องห้ามเพราะเธอกำลังจะมีเจ้าของเป็นตัว เป็นตน ไม่สมควรที่จะคุยกับชายอื่นในช่วงนี้ เขาจึงกลายเป็นบุคคลต้อง ห้ามที่น่าลิ้มลองมากทีเดียว

อุ้ย! นาดาตกใจกับความคิดพิเรนทร์ๆ ของตัวเองไม่น้อย

‘เพิ่งลุกจากเตียงเย็นๆ
“ถ้าเย็นมากก็ห่มผ้าสิคะ

‘ก็ไม่ดีเท่าห่มเนื้อ

หัวใจของนาดากําลังเต้นรัวราวกลองเพล ประโยคนั้นเขาตั้งใจหรือ แค่เข้าเธอเล่นๆ กันนะ นาดาทั้งตระหนกและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน

คงต้องหาสาวๆ มาห่มกระมังคะ

“ใช่ เจอแล้วแหละ แต่ไม่รู้เค้าจะยอมมาห่มให้ไหม

คราวนี้นาตาไม่ตอบเพราะกำลังคิดถึงสาวๆ ที่เขาพูดถึง ให้ตายสิ นี่ เธอบังเกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้อย่างไร ไม่พอใจผู้หญิงที่จะได้ขึ้นเตียง ไปนอนห่มบนตัวเขา เธอไม่ชอบใจเอาเสียเลย และเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่ควร จะพูดให้เธอรู้หรือเปล่า ไม่ชอบ ไม่อยากรู้ด้วย

เงียบเลย เขาทัก

กำลังอยู่ในครัวค่ะ” เธอพิมพ์ตอบ เลี่ยงบทสนทนาที่ชวนจิ้นให้เป็น ตัวเองแต่ความจริงคือคนอื่น

ทําอะไร

เย็นนี้ครอบครัวของว่าที่สามีจะมาเยี่ยมคุณพ่อค่ะ เลยต้องเตรียม อาหารไว้ต้อนรับ’ ตอบออกไปตามตรง และรอให้ปลายทางตอบกลับมาดู เหมือนเขาจะชะงักไปเหมือนกัน

กะจะชวนไปนั่งรถเล่นพอดี” เขาตอบมาแล้ว นาตาดีใจที่เขาไม่หาย

ไปไหน

มารับสิคะ เธอตัดสินใจตอบกลับไป ปลายจมูกเห่อร้อนแต่ขนบน กายลุกซู่ ถ้าเธอจะปลีกตัวหนีไปนั่งรถเล่นกับเขาคืนนี้เพื่อไม่ต้องเจอหน้าว่าที่สามีจะผิดมากหรือเปล่า คุณพ่อจะให้อภัยเธอ ไหม

ไปได้เหรอ เธอมีแขก

ฉันอยากไปกับคุณ ไม่อยากเจอเขา เธอตัดสินใจแล้ว เอาไว้ค่อย ขอโทษผู้ใหญ่ทีหลัง

ได้ แล้วเจอกันตอนทุ่มตรง

‘ค่ะ แล้วเจอกัน’ กดตอบไปแล้วเพิ่งนึกได้ แล้วคุณรู้จักบ้านฉันหรือ

รู้ไม่มีอะไรที่ฉันอยากรู้แล้วไม่รู้หรอกนะ แต่งตัวสวยๆ รอได้เลย

ไม่มีการส่งข้อความกลับมาอีกแล้ว นาคารอจนแน่ใจก็เก็บมือถือเข้า กระเป๋ากางเกงเช่นเดิม นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอทำผิดต่อบิดา ทำผิดต่อ ผู้มีพระคุณของบิดา ด้วยความไม่อยากเจอใครทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้ชายที่ กำลังจะมาเป็นสามีของเธอ ไม่อยากเจอ และรังเกียจเขาด้วยซ้ำ ผู้ชาย อะไรไม่มีความเป็นผู้นำเอาเสียเลย ยอมให้ผู้ใหญ่จัดการคลุมถุงชน คุณ พ่อบอกว่าเขาชอบเธอ ไม่เชื่อหรอก เขาคงไม่มีตัวเลือกอื่นมากกว่า วิน เซนโซ่ ชื่อนี้เธอคุ้นๆ ว่าคุณพ่อเคยพูดถึงเมื่อนานมาแล้ว เขาอายุมากกว่า เธอเป็นสิบปีคงจะชอบหลอกเด็กสาวละมากกว่า อดไม่ได้ที่จะนึกเคืองบิดา นิดๆ ยอมยกเธอให้เขา แต่เธอก็เข้าใจท่านคงไม่มีทางเลือกอื่นหรือไม่ฝ่าย นั้นก็บังคับมา

ความรังเกียจผู้ชายคนนั้นกลายเป็นความชิงชังที่เขาทำให้คุณพ่อ ของเธอต้องคิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตก ไม่มีวันที่เธอจะรักผู้ชายคน นั้น และไม่มีวันที่เขาจะได้

คะตัวเธอ

คอเหลี่ยมค่อนข้างลึกเหนือเข่าระบายเป็นชั้นแค่น่ารัก นาดากำลังสำรวจตัวเองใน กระจก พวงยาวนิดหน้าพริ้มเพราถูกแต่งเติมด้วยกระจับเท่านั้นที่สีชมพูสดใสแวววาว

เห็นพอใจ ถ้าเขาและเธอไม่มีสัญญาใจกัน นี่คงถือว่าเป็นไม่เหมือนคราวเธออยากไปเอง ตอบรับทันทีถูกชวนถือนี่ เป็นแรก

เขาน่าจะนัดเร็วกว่านี้จะได้ไม่ต้องเจอหน้าแขกคนสำคัญ เพราะ ทันทีที่หมุนตัวหน้ากระจกรอบสุดท้าย รถเมอร์ซิเดส เบนซ์ สีขาวคันใหญ่ตีเข้ามาจอดในรั้วบ้าน หญิงสาวมองผ่านหน้าต่างก่อนยกข้อมือ เวลา วินพวินนัดช้าหรือพวกเขามาเร็วเกินไป ยังทันได้คิดอะไรเสียง เคาะประตูก็ดังขึ้น

ก๊อกๆ คุณหนูคะ

นาดาอยู่ร่างสวยเดินเปิดประตู แก้วทำตาโตทันทีที่เห็นคุณหนูแต่งตัว สวยพริ้ง
“โอ้โห! คุณหนูของแก้วสวยจังเลยค่ะ”

“จริงเหรอจ๊ะ”

“ใช่ค่ะ ปกติก็สวยน่ารักอยู่แล้ว วันนี้สวยเป็นพิเศษ แก้วตะลึงเลย แบบนี้คนที่เห็นคงตะลึงเหมือนแก้วแน่ๆ” แก้วชื่นชมคุณหนูด้วยความ จริงใจ ในสายตาของแก้วไม่มีใครจะงดงามไปกว่าคุณหนูค้างอีกแล้ว

“ขอบคุณจ้ะน้าแก้ว”

“เอ้อ… คุณพ่อให้มาตามคุณหนูค่ะ แขกมาแล้ว”

“จ๊ะน้าแก้ว น้ำค้างเห็นแล้ว เขามากันกี่คนจ๊ะ”

“สองคนคะ”

“เหรอจ๊ะ ขอบคุณจ้ะน้าแก้ว” แล้วคุณหนูคนสวยของแก้วก็ออกไปพบ

แขก

ภายในห้องรับแขกกว้างขวาง มีผู้ใหญ่ที่พอจะคุ้นหน้านั่งอยู่ 2 คนกับ ประมุขของบ้าน นาดาค้อมกายลงเมื่อทั้งหมดหันมาจับจ้องเธอเป็นตา เดียว ความประหม่าเกิดขึ้นแต่ยังคงส่งยิ้มน้อยๆ ให้คนเป็นพ่อได้ คุณ ภูวดลตบที่นั่งว่างข้างๆ กายตนให้ลูกสาวนั่ง ก่อนจะแนะนำให้นาดารู้จัก กับแขกผู้ใหญ่ด้วยคิดว่าบุตรสาวอาจจะไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่เพราะเจอกัน ไม่กี่ครั้งตั้งแต่ยังเยาว์วัย

“น้ำค้างไหว้คุณลุงรอบกับคุณป้าชัญญาสิลูก

บุตรสาวพนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แขกผู้ใหญ่รับไหว้พร้อมรอยยิ้ม เต็มใบหน้า จากที่กำลังคุยถามไถ่เรื่องอาการป่วยพอเห็นนาดาเท่านั้นลืม เรื่องที่คุยค้างไว้เสียหมด
“สวยงามน่ารักไม่เปลี่ยน หนูอาจจะจำป้าไม่ได้เพราะตอนเราเจอกัน หนูยังเด็กนัก พอโตเป็นสาวก็ไปเรียนหนังสือทุกครั้งที่ป้ามา

“ใช่ครับ ช่วงนั้นคุณพี่ไม่ค่อยได้เจอน้ำค้างเลย แล้วน้ำค้างพอจะจํา คุณป้าได้ไหมล่ะลูก” คำถามที่เหมือนจะชวนคุยมากกว่าอยากได้คำตอบ จริงๆ จังๆ นาดาพยักหน้าให้บิดาก่อนจะตอบเสียงหวาน

“พอจะจําได้ค่ะ”

“ถึงจะจำกันไม่ได้มาก็ไม่ว่าหนูหรอกนะไม่ต้องกังวล ดีใจที่วันนี้ได้ เจอหน้ากันเต็มตา หนูน่ารักสมกับที่ป้าคิดไว้ไม่ผิด

“คุณลุงคุณป้าสบายดีใช่ไหมคะ” นาดาคิดว่าควรจะถามไถ่ความเป็น อยู่ของท่านบ้าง

สบายดี ลุงกับป้าอยากมาเยี่ยมคุณพ่อหนูตั้งแต่ทราบว่าเข้าโรง พยาบาลแล้ว แต่ติดธุระด่วนเลยเพิ่งจะได้มา ดีนะที่คุณยังมีลูกสาวคอย ดูแล ต่อไปต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้” คุณรอบเอ่ยเสียงนุ่ม เป็นชายสูงวัย สายเลือดอิตาลีที่หล่อเหลาและภูมิฐานมากทีเดียว อีกทั้งยังพูดไทยได้ คล่องแม้จะไม่ค่อยชัดนัก

“ครับ ร็อบ แล้ว จะมาพักสักกี่วันครับ ผมจะได้ให้เด็กๆ จัดห้องหับ เอาไว้ ตอน โทร.คุยกันก็ลืมถามเรื่องนี้ไม่งั้นจะจัดเตรียมให้เลย

“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะคุณ พี่กับคุณ อบจะพักโรงแรม มาคราวนี้ กะจะไปเที่ยวทะเลสักหน่อย ไปด้วยกันนะคะคุณภู
คุณภูวดลทําหน้าลำบากใจ ใช่ว่าไม่อยากไป แต่สภาพตอนนี้ไม่ สามารถเดินได้อย่างเก่า ต้องมีคนเฝ้าติดตามช่วยเหลือตลอด ถ้าไปด้วย กันก็เห็นจะต้องลำบาก

“สภาพนี้ผมคงจะไปไหนไม่ได้หรอกครับพี่ชัญญา พาคนพิการไปด้วย นําบากเปล่าๆ” สะท้อนใจนาตายิ่งนัก พ่อของเธอไม่น่าจะต้องพิการเป็น อัมพาตแบบนี้ถ้าไม่คิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตก

“ไม่เลยคุณภู ไปด้วยกันเถอะตั้งใจว่าจะพาคุณไปด้วยอยู่แล้ว” คุณ อบแทรกขึ้น

“อย่าดีกว่าครับ ผมเกรงใจ” แต่คุณภูวดลไม่อยากเป็นภาระของใคร มากไปกว่านี้

“คุณควรจะเกรงใจที่ปฏิเสธพี่ เราไม่คิดว่าคุณจะเป็นภาระเลยนะคะ จะพาคนดูแลไปด้วยก็ไม่ว่า ดีเสียอีกถ้ามันจะทำให้คุณไม่ลำบากใจ”

“หนูน้ำค้างไปกับลุงนะลูก” คุณรอบชวนว่าที่ลูกสะใภ้

“คือว่า… นาดาลําบากใจเกินกว่าจะร่วมทริปในครั้งนี้ด้วย เธอไม่ ต้องการไปไหนกับพวกเขา พวกคนที่ทำให้บิดาเดินไม่ได้ สีหน้าของสาว น้อยคงเปิดเผยไปหน่อย คุณชัญญาจึงส่ายหน้าก่อนที่สามีจะชักชวนว่าที่ ลูกสะใภ้มากกว่านี้

“ไม่เป็นไร ป้าเข้าใจหนูน้ำค้าง เรื่องงานแต่งงานอาจจะเร็วจนหนูตั้ง ตัวไม่ทัน หนูอาจจะมีอคติกับการคลุมถุงชนไปเลยก็ได้ แต่ป้าก็อยากบอก ว่าเราต้องการหนูมาเป็นลูกสะใภ้เพราะรักและเอ็นดูหนูจริงๆ ไม่ใช่เพราะ หนี้สิน อีกอย่างวินเซนโซ่เองก็นึกชอบพอ ในตัวหนูเหมือนกัน เอาอย่างนี้นะ ถ้า น้ำค้างยังลำบากใจที่ต้องไปด้วยก็ให้คุณพ่อไปกับป้า ป้ากับคุณลุงจะช่วย กันดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุดเหมือนที่หนูทำเลยทีเดียว

“แต่หนูก็อดเป็นห่วงคุณพ่อไม่ได้นะคะ”

“ไฮ้! เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาควรไปสูดอากาศบริสุทธิ์ดีกว่ามา นั่งอุดอู้อยู่แต่บ้านนะลูก”

นาตาหันไปสบตาคนเป็นพ่อ อันที่จริงท่านไม่ได้เที่ยวไหนมานานมาก แล้ว ตั้งแต่คุณแม่เสียเลยก็ว่าได้ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ท่านไปพักผ่อน สบายๆ บ้างเหมือนกัน แต่เธอไม่อยากไปด้วยเลย

“คุณพ่ออยากไปใช่มั้ยคะ”

แทนค่าตอบคุณภูวดลพยักหน้ายอมรับ เขาเองก็เบื่อการอุดอู้อยู่แต่ บ้านเหมือนกัน นอนในโรงพยาบาลมาก็หลายวันจนเบื่อไปหมด ถ้าได้พัก ผ่อนหย่อนใจกับอากาศบริสุทธิ์วิวสวยๆ ก็คงรู้สึกดีขึ้นมาก

“ถ้างั้นน้ำค้างฝากคุณพ่อด้วยนะคะ” อีกครั้งที่นาดาต้องปฏิเสธหน้าที่ ของลูกที่ดีซึ่งต้องดูแลพ่อเวลาเจ็บป่วยไม่ห่าง เธอรู้สึกผิดไม่น้อย ผิดจน อยากเปลี่ยนใจไปกับท่านด้วย

“ด้วยความยินดีจ้ะ หนูอยู่บ้านก็ค่อยๆ คิดนะลูก ถ้าลุงกับป้าไม่ได้หนู มาเป็นสะใภ้ละก็แย่เลย เรารักหนูเหมือนลูก ไม่ได้เป็นลูกสาวก็ให้ได้เป็น ลูกสะใภ้ก็ยังดี นึกว่าสงสารคนเฒ่าคนแก่เถอะนะลูก” คุณชัญญาทอด เสียงอ่อน เอาเข้าจริงถ้านาดาเปลี่ยนใจไม่ยอมแต่งงานก็คงไม่คิดจะบังคับใจกันหรอก ก็หวังแต่ว่าพ่อลูกชายตัวดีจะทำให้สาวน้อยห ลงรักจนยอมเข้าพิธีสมรสด้วยง่ายๆ แม้แผนการจะเกิดจากการหนึ่งาน วิวาห์ ตาม

“ค่ะ” นาดาได้แต่รับ อย่างพยายามไม่ทำให้คนแก่เสียใจ โดยไม่รู้ เลยว่าตนเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนับจากนี้

สายตาของผู้ใหญ่มองเธอไปคนละแบบ บิดามองเธอด้วยความรัก และเป็นห่วงแต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมจะผลักดันให้บุตรสาวได้มีความ เป็นอยู่สุขสบายไม่ต้องลำบาก ส่วนสายตาอีกสองคู่ก็มองเธอด้วยความรัก ความเอ็นดูและพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ หากทว่า สายตาทั้งสามคู่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนาดีต่อเธอไม่ต่างกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ