ซาตานทวงสิทธิ์วิวาห์

ตอนที่ 8 ฮันนีมูนอลเวง 1



ตอนที่ 8 ฮันนีมูนอลเวง 1

ตอนที่ 8 ฮันนีมูนอลเวง

รถเจ้าบ่าวสีขาวสุดหรูแล่นผ่านเส้นทางตรงดิ่งจากกรุงเทพฯ ก่อนจะ ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ท่ามกลางความมืดที่แสนวังเวง เจ้า สาวที่นั่งมาด้วยกําลังหลับสนิท คนขับที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสตื่นตัวตลอด เส้นทางก็เริ่มอ่อนล้า ทว่าเท่าที่เขาจำทางได้เมื่อ 5 ปีก่อน จะต้องขับรถ ผ่านไร่ชาไปหลายไร่ ขึ้นไปทางหมู่บ้านแม่ที่อยู่ในป่าเขาทะลุตัดผ่านออกสู่ อำาเภอสะเมิง

แล้วที่นี่มันที่ไหน?

ความมืดกำลังทําให้วินเซนโซ่หลงทาง ไม่ได้เอาแผนที่ติดรถมา เพราะไม่วางแผนไว้ล่วงหน้า สำหรับคนที่นานๆ จะมาเมืองไทยก็ว่ายาก แล้วถ้าต้องขับรถเอง ในระยะไกล และเส้นทางที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นพิเศษจะยากแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มก็ขับได้ปลอดภัยด้วยความเร็วไม่ มากจนน่ากลัวยังอยู่ในระยะที่บังคับรถได้ดีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ปกติถ้ามา คนเดียวเขาคงเหยียบไม่ต่ำกว่า 140 กม./ชม. แต่เมื่อมีอีกคนมาด้วยจึง ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ซึ่งช้ามากสำหรับคนรักรถซุปเปอร์ คาร์ตัวจริง

เวลา สามดึกสงัดแบบนี้น่ากลัวไม่น้อย โดยเฉพาะคนต่างถิ่น วินเซน โซใช้ GPS ทว่าพื้นที่บริเวณนี้กลับไม่มีสัญญาณ

“ไปทางไหนดี”

สัญญาณ GPS ไม่มี สัญญาณโทรศัพท์ก็เช่นกัน วินเซนโซ่สบถอย่าง โมโห ป้ายบอกทางก็หายไปแล้ว นี่เขากำลังหลงทางจริงๆ

“อืม” เสียงคนข้างๆ ครางพร้อมขยับตัวอย่างเมื่อยขบ นาดาบิดข้อตั้งเมื่อไหร่

กลัวตัวยาวนานเหลือเกิน

เขาบ่นเธอ?

นาดามองสองข้างที่มีรถแล่นผ่าน ต้นไม้สูงแต่ถนน เส้นนี้เรียบกริบราวไม่ค่อยมีรถแล่นผ่าน ไฟถนนเป็นบางระยะ บางจุด มืดมิดเหมือนไฟตรงนั้นหายไป

“มาโดยเฉพาะเวลานั่งเรื่องงานแต่งงานอดหลับอดนอนหลายคืนติด

“ไม่รู้สึ

คําตอบของคนข้างๆ ทำให้เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ ถ้าเขาไม่

แล้วเธอจะรู้ได้ไง ขนาดคนพามายังไม่รู้เลย

ทำไมคุณรู้ ในเมื่อเป็นคนพาฉันมา

“หลงทางน่ะ

ครั้งก็ยังรู้แล้ว กำลังหลงอยู่ส่วนของแผนที่ประเทศไทยจะไหม

หายไปงั้น GPS

นาดาโทรศัพท์ ถูกมาทั้งอยู่ในชุดเจ้าสาว เครื่องมือสารใดๆ คงไม่ต้องถามถึง

“แล้วสัญญาณโทรศัพท์ล่ะคะ
“ไม่มีเหมือนกัน สงสัยจะต้องกระจายสัญญาณเครือข่ายเคลื่อนที่มาที่ จุดนี้บ้างแล้ว อับสัญญาณทุกค่ายกระมัง” ถ้าเขาทำได้ก็ตีตลาดในไทยได้ เพิ่มขึ้น

“แล้วคุณจะไปไหนคะ”

“พี่ต่อไปนี้จะไม่มีคุณอีกแล้ว” เขาแย้ง เธอไม่เห็นแววตาของเขา เพราะถนนมืดมาก มีแต่แสงไฟจากหน้ารถสาดไปบนท้องถนน ที่สำคัญยัง ไม่เห็นรถราวิ่งสวนมาเลย รถตามหลังก็ไม่มีให้เห็น

“จะพูดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องทำไม ตอนนี้เราน่าจะช่วยกันหาทางไปให้ ถึงที่หมายปลายทางมากกว่า” เธอบ่นและทำหน้างอ ไม่อยากพูดกับเขาก็ จริง ทว่าเส้นทางสายนี้ช่างน่ากลัวจนไม่อาจทนนั่งเงียบๆ ได้

“มันเป็นเรื่องแน่ ถ้าเธอยังเรียกพี่ว่าคุณอีก เพราะพี่ไม่ชอบ กรุณา อย่าทำให้เราห่างกันมากกว่าตอนนี้เลยน้ำค้าง

นาดาหุบปากขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา ดูท่าชายหนุ่มก็หัวเสีย อยู่เหมือนกันที่ขับรถหลงทาง พอตาเหลือบไปเห็นเวลาจากนาฬิกาในรถก็ ต้องตกใจเพราะมันดึกมาก

“ตีสามแล้วหรือนี่ ฉันหลับไปนานหลายชั่วโมงเลยเหรอ”

“น้ำค้าง ถึงการทะเลาะกันจะเป็นการทำลายความง่วงได้ดี แต่พี่ก็ไม่ อยากฟังเธอพูดฉันอย่างโน้นอย่างนี้ หรือคุณอย่างนั้นอย่างนี้หรอกนะ ถ้า ยังยืนพูดอีก พี่จะจอดรถแล้วหาอะไรทำแก้เครียด ในเมื่อหลงแล้วก็ช่างมัน มีเรื่องทำแก้เครียดจนถึงเช้าก็ดีเหมือนกัน ว่ามั้ย” น้ำเสียงเข้มๆ ของเขา ไม่ใช่การขู่ แต่คือคิดจริงทำจริงถ้าเธอยังขึ้นดื้อดึงงี่เง่าอยู่ล่ะก็

“การบอกมาว่าจะกำลังจะไปไหน ฉะ… น้ำค้างจะได้ช่วยมองหา ป้ายบอกทาง” ในเมื่อเขาเสียงเข้มก่อน เธอก็ขึ้นเสียงให
“ไปสะเมิง”

“สะเมิง เชียงใหม่น่ะเหรอคะ”

“ใช่ พี่ว่าขับรถมาถูกทางนะ คิดไม่ออกว่าเดี๋ยวผิดตอนไหนหรือ

เปล่า”

“แล้ว … พี่วินมาบ่อยหรือเปล่าคะ

“นานๆ ที” นานๆ ทีของเขาหมายถึงหลายปีไปที เคยขับรถไปเองก็ คิดว่าจําทางได้เพียงแค่คอยมองป้ายบอกทางตลอดเวลา อีกอย่างแค่มี แผนที่ก็ไม่ทำให้หลงแล้ว แต่นี่แผนที่ก็ไม่มีป้ายบอกทางก็หาไม่เจอ มันน่า ฟ้องกรมทางหลวงจริงๆ ที่ทำงานขาดตกบกพร่อง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ