ตอนที่16 XIV
ยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นเคลียร์เวฟที่ 4 เรียบร้อยแล้ว ผู้เล่นได้สำเร็จภารกิจเลื่อนคลาสที่ 8 แล้วค่ะ ผู้เล่นภาคินเลื่อนระดับเป็น 801 ค่ะ
ผู้เล่นได้รับทักษะ Battle Mode Lv.1 ค่ะ
“Battle Mode งั้นหรอ?” ผมรู้สึกไม่คุ้นกับทักษะที่ได้ มาใหม่นี้เลย มันคงจะเป็นลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาใหม่อย่าง แน่นอน ผมหาที่นั่งลงพักเอาแรงซักพักพร้อมกับเปิดราย ละเอียดของทักษะใหม่นี้ดู
****สกิล Battle Mode เป็นยูนิคสกิลประจำธาตุที่ผู้เล่น คลาส 8 ขึ้นไปได้มาครอบครอง เป็นทักษะที่สะสมพลัง อันไรขีดจำกัด และนำออกมาใช้ถล่มเป้าหมายด้วยความ รุนแรง ผู้เล่นสามารถแปลงร่างเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังประจำ ธาตุของตัวเองที่เก็บซ่อนอยู่อย่างลึกลับไว้ได้****
Battle Mode (Fire)
Attack +150%
Magic + 150%
Defense +150%
*เป็นสกิลเรียกใช้ เปิด/ปิด ระยะเวลาในการแปลงร่างนาน 90 วินาที ระยะคลูดาวน์ 1 วัน*
“เป็นสกิลที่โกงใช้ได้เลยนะเนี่ย มีทักษะโกงแบบนี้คงจะ เกิดความห่างชั้นของระดับคลาสมากขึ้นไปอีกแน่เลย” ผม พูดขึ้นลอยๆ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของเกมแนว MMORPG ที่ จะมีความห่างชั้นของระดับเสมอ แต่ทางผู้พัฒนาย่อมใส่ ลูกเล่นต่างๆนาๆเพื่อเพิ่มความสมดุลของเกมเข้ามาถ่วงดุล สิ่งเหล่านี้เอาไว้อยู่แล้ว เพราะยังไงพวกนั้นก็คงไม่ต้องการ ให้ผู้เล่นระดับสูงมาข่มผู้เล่นระดับต่ำได้โดยง่ายแน่นอน ผมพลางตรวจเช็คไอเทมอะไรอีกนิดหน่อยจากนั้นจึงกด ออกจากพื้นที่พิเศษทันที
แสงแดดยามเย็นส่องกระทบต้นไม้ใหญ่เกิดเป็นร่มเงา ให้สิ่งมีชีวิตได้ใช้เป็นร่มเงาคอยพักผ่อนหย่อนใจ สายลม อ่อนๆพาลพัดส่งความเย็นเป็นระยะๆ ที่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ใหญ่มีชายหนุ่มผมดำ อยู่ในชุดเกราะอ่อนรวดลายสีดำ สวยงามกำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากตัวเองอยู่ ข้างๆมีคัน ธนูสีดำสนิทวางไว้ไม่ห่างจากมือ
หลังจากที่ผมได้ทำภารกิจเปลี่ยนคลาสเรียบร้อยแล้ว ผม เข้าไปยังตลาดซื้อขายเพื่อซื้อของใช้ที่จําเป็นอีกเล็กน้อย โดยไม่ลืมหาข่าวสารเกี่ยวกับเมืองฟาลันซึ่งเป็นเมืองของ ราชันย์แห่งไฟหรือก็คือตัวผมที่คอยปกครองอยู่เบื้องหลัง ในสมัยก่อน แต่ตอนนี้กลับถูกกิลด์ใหญ่อ้างชื่อของตัวเอง และเข้ายึดเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมแค่อยากไปทวง ของๆผมคืนเท่านั้นเอง
เมืองฟาลันเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางตอนเหนือของ อาณาจักรไฟ แต่เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์และสงบ สุข ทั้งยังมีชาวเมืองที่มีความเข้มแข็ง และสามัคคีกันเป็น อย่างมาก เมื่อมีภัยใดๆเข้ามาชาวเมืองจะรวมตัวกันปกป้องได้เสมอมา ที่ผมเลือกปกครองเมืองนี้ก็เพราะ ผมสนิทกับราชาเป็นการส่วนตัว ซึ่งเค้า และผมติดหนี้บุญ คุณบางอย่าง งกันละกันมาโดยตลอด
ผมลุกขึ้นยืนจากจุดที่นอนอยู่เมื่อครู่พร้อมกับบิดขี้เกียจ เล็กน้อย รอบๆตัวผมมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเลยที่มานอน พักผ่อนเช่นเดียวกัน เพราะที่นี้ถือเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดี อันดับต้นๆของเมืองนี้เลยก็ว่าได้
“เฮ้อ คงได้เวลาไปหาเจ้าราชาเฒ่าเพื่อนเก่าซะหน่อยแล้ว สิ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมมองหาจุดที่ลับตาคนเพื่อ เรียกนิก ออกมา และออกเดินทางในทันที
การเดินทางใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวัน ระหว่างทางผมได้ แวะตีสัตว์อสูรอื่นๆเพื่อเก็บระดับไปในตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ ระดับของผมขยับเลย นับตั้งแต่ขึ้นระดับ 800 มานี้ รู้สึกว่า ระดับจะขึ้นยากกว่าเดิมมาก และไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นคลาส 9 เลยว่าระดับจะขึ้นยากขนาดไหน
ไม่นานผมก็มาถึงเหมืองฟาลัน ผมเรียกนิกซ์เก็บไว้ใน แหวนมิติดังเดิมก่อนจะโชว์โหดกระโดดลงมาจากฟ้าด้วย ความสูงเกือบถึงตึก 10 ชั้น
“อูยย…เจ็บหน่อยๆนะเนี่ย” ผมสบทให้กับความห้าวของ ตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าประตูเมืองด้วยท่า ปกติ เมืองฟาลันเป็นเมืองแนวชนบท สิ่งปลูกสร้างไม่หรูหรา และทันสมัยจนเกินไป ชาวเมืองใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มีความ รัก และสามัคคีกันเป็นอย่างดี จึงทําให้เข้มแข็งกันพอ สมควรเมื่อยามมีภัยเข้ามา แต่ดูเหมือนว่าพักหลังมานี้หลัง จากที่ถูกกิลด์ใหญ่เข้ายึดเมืองจึงทำให้เหล่า NPC ชาว เมืองใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากพอควร เพราะการเรียกค่า ภาษีที่แพงเกินไปจากพระราชาที่ถูกชักนำโดยผู้อยู่เบื้อง หลังอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
“นี่ หยุดก่อน นายตรงนั้นน่ะ กำลังมาเมืองนี้ใช่มั้ย?” ผู้ เล่น 2 คนที่ยืนเฝ้าประตูเมืองอยู่ พวกมันทั้งคู่สวมผ้าคลุม สีเขียวอ่อน ตรงกลางหลังมีสัญลักษณ์กิลด์อยู่ หนึ่งในนั้น กำลังเอ่ยถามผมด้วยท่าทีที่น่าหวั่นเกรง
“อ่า ใช่แล้วครับ ไม่ทราบว่าพวกพี่มีอะไรรึป่าวครับ?” ผม ตอบด้วยสีหน้าไร้เดียวสาสุดๆ
“ก่อนจะเข้าเมืองนี้ต้องจ่ายค่าผ่านทางก่อน คนละ 50,000 เหรียญ ”
“โห พี่ชาย ทำไมถึงเก็บเยอะจังล่ะ”
“พูดมากน่า จะจ่ายมั้ย ถ้าไม่จ่ายก็ออกไปให้ไกลๆเลย ไป!” มันพูดอย่างมีน้ำโหโดยไม่สนใจใยดีผมแม้แต่น้อย
“ครับๆ จ่ายครับจ่าย…. ผมยอมจ่ายๆไป เพราะไม่อยาก มีปัญหาตั้งแต่ต้น จำนวนเงินเท่านี้สำหรับผมไม่ได้ลำบาก อะไรเลย แต่สําหรับผู้เล่นที่พึ่งก่อร่างสร้างตัว และมีปัญหา เรื่องเงินก็คงจะลำบากไม่น้อยเลย เมื่อจัดการจ่ายค่า ผ่านทางเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าเมืองเพื่อเชยชม บรรยากาศเก่าๆที่ไม่ได้รู้สึกมานานทันที
ณ ห้องประชุมใหญ่ในพระราชวังของเมืองฟาลัน
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอย่างแรงด้วยความไม่พอใจจนขีดสุด
“มันจะมากไปแล้วนะ! นี่ยังอยากจะขึ้นภาษีให้มากไป กว่า ยังงั้นหรอ แค่นี้ชาวเมืองของข้าก็ลําบากกันพอด้ว แล้วนะ!” เสียงของชายมีอายุช่วงหนึ่งพูดขึ้น เขามีร่างกาย ก๋าย่า สวมกางเกงสีทองที่ดูดีมีราคา ด้านบนไม่สวมสิ่งใด เลยเผยให้กล้ามเนื้อช่วงบนเป็นมัดๆได้รูปได้ทรง ตามตัว ของชายชราล้วนมีรอยแผลที่เกิดจากการต่อสู้มาอย่าง โชกโชน บนหัวของเขาสวมมงกุฎสีทองบ่งบอกถึงสถานะ อันสูงส่งอย่างสง่าผ่าเผย
“ใจเย็นๆ ทานราชา ท่านอย่าลืมว่าเสียงของท่านมี เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับพวกเรากิลด์ Tragedy และหาก ท่านยังขัดขืนต่อไปแล้วล่ะก็….. มันเว้นระยะการพูดแล้ว เริ่มพูดต่อด้วยเสียงที่เบาลงแต่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน “หัว หน้ากิลด์ของผมที่กำลังปกครองเมืองของคุณอยู่เบื้อง หลังได้ทำลายเมืองของคุณจนไม่เหลือซากแน่……
“หึ งั้นก็ทําลายเลยสิ พูดอย่างกับข้าต้องการให้พวกเจ้า มาปกครองเมืองของข้านักงั้นเรอะ! เรื่องพวกนี้จะได้จบๆ ไปซะ!” ราชาสบทอย่างเดือดดาน นับตั้งแต่ราชันย์แดง หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน เมืองนี้ก็ย่อมได้เงาคุ้มหัว และไร้ซึ่งบารมี ไม่มีผู้ใดเกรงกลัวเฉกเช่นเมื อก่อนอีกแล้ว นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เมืองนี้ถูกยึดอยาก ง่ายดายในเวลาต่อมา
มันเสยะยิ้มเล็กน้อย ทําลายแล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ หืมมม…เรายังต้องใช้ประโชน์จากเมืองคุณอีกเยอะนะท่าน ราชา ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะร่าไม่หยุด
“พวกแกไม่รอดแน่ ไม่ช้าก็เร็วเขาคนนั้นจะต้องมาช่วยข้า และเมืองนี้ไว้แน่นอน”
“เขาคนนั้น? อ้อ ราชันย์แดงงั้นหรอ คิดว่าพวกขากลัว ไง พวกข้ามีราชันย์แสงที่เป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดคุ้มหัว อยู่นะเฟ้ย! กะอีแค่ราชันย์ไฟที่พึ่งกลับเข้ามาเล่นได้ไม่นาน มันไม่มีทางชนะได้หรอก!” ก็คงเป็นจริงอย่างที่มันว่า ใน เกม MMORPG หากผู้เล่นเสียเวลาไปเพียงแค่วันเดียวก็ สามารถวัดความต่างของความสามารถได้แล้ว แล้วราชันย์ ไฟที่ไม่ได้กลับเข้าเกมมาเลยหลายสิบปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความห่างชั้นที่เกิดขึ้น
“เหอะ อย่าทำเป็นรู้จักเขาดีพอเลยน่า สวะอย่างพวกแกน่ ะ เทียบเขาไม่ติดหรอก!!”
“ข้าอยากรู้จักมันดีพอจังเลย ฮ่าๆ” มันยังหัวเราะร่าพูด เยาะเย้ยไม่หยุดก่อนที่มันกับพรรคพวกของมันจะเดินออก จากห้องประชุมไป และทิ้งพระราชาให้อยู่อย่างเดียวดาย ในห้องประชุมที่มืด และเงียบสงบดั้งเดิม
“เมื่อไหร่เจ้าจะกลับมานะภาคิน เมืองที่เจ้ากับข้าร่วมกัน สร้างขึ้นมาจะต้องตกอยู่ในมือของคนที่ชั่วช้าพวกนี้ตลอด ไปอย่างนั้นหรอ….” พระราชาทรงมองดูภายนอกหน้าต่าง อย่างหม่อลอย ในใจอยากจะสังหารพวกนั้นให้ตายๆไป เสีย แต่เขาไม่มีความสามารถมากพอจึงได้แต่ยอมอยู่ อย่างนี้เพียงเท่านั้น….
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ