ตอนที่9 .7.
ดวงอาทิตย์ลูกใหม่ขึ้นมาสาดส่องแสงแดดยามเช้าเข้า กระทบร่างกายเบาๆให้ความรู้สึกสดชืดอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าประตูเมืองทางทิศใต้ พวกเรานัดรวมตัว กันตรงนี้หลังจากชื้อของใช้ที่จําเป็นเสร็จกันหมดแล้ว ก่อน มาที่นี่ผมได้แวะตลาดเพื่อซื้อพวกโพชั่นระดับสูงไว้เป็น จํานวนมากเช่นกัน และไม่ลืมที่จะตั้งระบบให้เติมเลือดให้ เป็นแบบอัตโนมัติทันที ไม่นานเกินรอทุกคนก็มาถึงที่นี่กัน ครบตามกำหนดการ
พร้อมกันรึยัง?” ผมเอ่ยถามทุกคน ทุกคนก็พยักหน้าตอ บกกันตามระเบียบ ผมต้องรีบออกเดินทาง เพราะกว่าจะถึง ดันเจียนแต่ละที่ต้องฝ่าฝูงมอนสเตอร์มากมายไม่รู้จบ
พวกเราเดินทางกันแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางก็เจอมอนส เตอร์บ้างประปราย แต่ไม่คณามือพวกเรามากนัก เพราะมัน เป็นพวกระดับต่ำที่อยู่รอบเมืองเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางไม่ นาน ตอนนี้พวกเราก็มาอยู่หน้าดันเจียนระดับ A แห่งหนึ่ง แล้ว ทางเข้าของมันเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ของหน้าดิน พอมองล็กไปข้างล่างแต่ก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเสียที ตรงหน้าของดันเจียนมีผู้เล่นอยู่จํานวนมาก บ้างก็กำลังตะโกนรับหาปาร์ตี้ บ้างก็ขายของใช้สอย บ้าง หาคนมีฝีมือเข้าร่วมกิลด์ของตัวเอง เมื่อสังเกตรอบๆเสร็จ แล้ว ผมจึงหันหน้าไปมองเพื่อนๆด้านหลัง
“นี่แหละดันเจียนระดับ A มีความยากระดับปานกลาง ส่วน ใหญ่ดันเจียนระดับนี้ ต้องใช้ผู้เล่นคลาส 5 เกือบ 20 คน เพื่อเคลียร์ดันเจียนแห่งนี้ลง แต่พวกเรามีกันแค่ 4 คน มัน ออกจะ…….. ธีระอธิบายข้อมูลของดันเจียนแห่งนี้คร่าวๆ แต่ตัวของเขายังหวั่นๆกับการลงดันด้วยจํานวนคนเท่านี้อยู่ เลย แม้ว่าเพื่อนของเขาจะเป็นถึงราชันย์ก็เถอะนะ
“เฮ้ อย่าเกร็งสิธีระ ไม่ต้องห่วงไป พวกเราเคลียร์มันได้ อย่างแน่นอน!!” ผมพูดอย่างมั่นใจท่ามกลางรอบยิ้มแห้งๆ ของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ที่พยายามผ่อนคลายความกดดันออก ไป
รอบๆกลุ่มพวกเราปรากฏสายตาผู้เล่นรอบข้างที่มอง มายังกลุ่มของพวกเรานั้นหลากหลายอารมณ์ บ้างก็ ประหลาดใจที่จะลงดันแค่ 4 คนจริงๆหรอ บ้างก็มองแค่เรา เป็นพวกมือใหม่ที่อยากลองดีเฉยๆ บ้างก็หาว่าเป็นแค่พวก ผู้เล่นระดับสูงที่อยากจะอวดเบ่งแค่นั้น แต่พวกเราหาได้ สนใจไม่ พลันสบตากันอย่างรู้ใจจากนั้นเดินไปยังหน้ารอยแยกทันที
“ไปกันเถอะ!” ผมพูดเสร็จ จากนั้นก็กระโดดลงหน้าผา ไปเป็นคนแรก ทุกคนกระโดดลงตามผมไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของผู้เล่นที่มองมาด้วยสีหน้า และ อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อกระโดดลงไปแล้ว ผมสังเกตเห็นวงเวทขนาดใหญ่ซึ่ง ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นประตูวาปเข้าดันเจียน และพวกเราก็ ทะลุเข้าวงเวทย์ในไปในทันที
วบบบบบ…!!!!
ตอนนี้ เบื้องหน้าของผมปรากฏเศษซากสิ่งก่อสร้าง โบราณเป็นจํานวนมาก พื้นที่โล่งกว้างแต่กลับดูมืดมนใน เวลาเดียวกัน คาดว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ ผม เดินไปข้างหน้า และสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง แต่แล้วเสียงระบบก็ดังขึ้นมา
สัตว์อสูร ก็อบลินถ้ำ ธาตุลม
Class 5 Lv.520 เตรียมจู่โจมค่ะ
ข้างหน้าของผมปรากฏฝูงก็อบลินนับไม่ถ้วนออกมาจาก ธาตุอากาศ แต่ละตัวถืออาวุธสงครามครบมือที่แตกต่าง กันไปพวกมันต่างจ้องตรงมาที่กลุ่มของพวกเราด้วยความ กระหายการฆ่าฟัน
‘กจะสนุกแล้วสิ ผมได้แต่คิดในใจเมื่อเห็นพวกก็อบลิน โผล่มานับร้อยแบบนี้
“เยอะไปไหนเนี่ยยยย !!!! ” ธีระบ่นออกมา ทุกคนก็ทำ สีหน้าไม่ต่างกัน แต่กระนั้นก็ไม่มีใครหวาดกลัวพวกมันเลย แม้แต่คน และเริ่มเตรียมตัวพร้อมสู้ทันที
“ลุยกันเลยดีกว่านะ” ผมยิ้มได้แต่ยิ้มกับท่าทีของพวก เขา Freezing Lance สกิลของผมถูกเรียกใช้งาน ศร พลันกลายเป็นหอกนํ้าแข็งจํานวนมากได้ถูกยิงออกไปพุ่ง เข้าใส่ฝูงก็อบลิน ส่งผลให้มันดับอนาถกลายเป็นแสงอย่าง รวดเร็วหลายสิบตัว
“โห ถึงจะโหดไปละไอ่คิน โจมตีแค่ทีเดียวเนี่ยนะ!” สิงห์ พูดแหนบแนมที่เห็นผมโจมตีแบบ One Shot One Kill
ลูน่า ไม่รอช้าพุ่งเข้าใส่ฝูงก็อบลินอย่างไม่เกรงกลัวทันที เธอทำหน้าที่แทงค์ได้ดีทีเดียว
Field of Provocation
สกิลของลูน่าถูกเรียกใช้งาน ฝูงก็อบลินในรัศมี 20 เมตร รอบตัวของลูน่าถูกดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเธอ เมื่อพวก มันเริ่มกรูกันเข้ามาจนได้ที่แล้ว เธอจึงเรียกใช้สกิลต่อทันที
Shield Explosion
ลูน่ากระโดดขึ้นไปข้างบน โล่ในมือของเธอพลันเรือง แสงเล็กน้อย จากโล่เล็กๆ พลันกลายเป็นโล่ยักษ์พุ่งลงมา กระแทกใส่ฝูงก็อบลินทำดาเมจมหาศาลแถมยังติดสตั้นอี กด้วย เธอยังไม่หยุดแค่นั้นพร้อมคอมโบต่อด้วยการเรียก ใช้สกิล
Shield Splinter
โล่ของเธอเปลี่ยนรูปร่างคล้ายกงจักรขนาดใหญ่หมุนวน ด้วยความเร็วที่น่ากลัว เธอเหวี่ยงกงจักรไปรอบๆตัวของ เธอส่งผลให้ฝูงก็อบลินกลายเป็นแสงหายไปหลายร้อยตัว อย่าน่าอนาถ
ทางด้านของ ธีระ และ สิงห์ ทั้งสองคนนั้นสู้กันเข้าขากัน พอสมควร คงเป็นเพราะทั้งคู่เล่นด้วยกันมาตลอดทำให้ การประสานงานกันทำได้อย่างดีเยี่ยม ธีระรับหน้าที่ลาก ฝูงก็อบลินให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มๆจํานวนมาก สิงห์ รอ จังหวะอยู่ก่อนแล้วเรียกใช้สกิลเพื่อจัดการพวกมันทันที
Assassinate
เขากลายเป็นเงาพุ่งไปหาฝูงก็อบลิน แล้วเริ่มระดมการฟื้น ใส่พวกมันทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่อาจตาม การเคลื่อนไหวของเขาทัน ส่งผลให้เลือดของพวกก็อบลิ นลดกันเป็นแถบ แต่ก็มีบางตัวทีการโจมตีติดคริติคอลจน กลายเป็นแสงไปทันที ธีระเห็นดังนั้นจึงใช้สกิลซ้ำอีกที
Lightning Slash
เขาควงหอกในมือไปมาอย่างเชี่ยวชาญ เมื่อได้จังหวะ จึงพุ่งเข้าใส่ฝูงก็อบลินอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งวนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นรูปดาว 8 แฉกวนไปเรื่อยๆ ส่งผลให้พวกมัน กลายเป็นแสงไปทันทีที่คมหอกสัมผัสโดน ผมมองเห็น เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ห่างๆได้เป็นอย่างดี ภารกิจของทั้ง สามคนเลื่อนขึ้นไวมากจนน่าตกใจ
(หากคนใดคนหนึ่งในปาร์ตี้สังหารมอสเตอร์ได้ ทุกคนที่ รับภารกิจเดียวกันก็จะได้ไปด้วย)
เมื่อก็อบลินชุดเก่าตายไปจนหมดแล้ว ชุดใหม่ก็เข้ามา แทนที่เรื่อยๆแถมยังแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกด้วย และเมื่อทุก คนเริ่มเหนื่อยกับการต่อสู้แล้ว การเคลื่อนไหวก็จะช้าตาม ทำให้โดนโจมตีได้ง่าย HP ก็ลดลงเรื่อยๆ รวมทั้งความ เหนื่อยล้า ผมเห็นดังนั้นจึงรีบใช้สกิลฮิวหมู่ทันที
Mass Heal
เลือดของทุกคนเพิ่มขึ้นเกือบเต็มหลอด ความเหนื่อยล้า เริ่มหายไป พวกเขาตื่นตกใจไม่นึกว่าจะฮิลได้เยอะขนาดนี้ และไม่คิดว่าผมจะมีความสามารถในการฮิลแบบนี้เช่นกัน
การต่อสู้ดำเนินไปอีกราว 10 นาทีได้ คาดว่าคงเป็นฝูงก็ อบลินรอบสุดท้ายแล้ว เนื่องจากไม่มีตัวไหนเกิดขึ้นใหม่ อีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แข็งแกร่งไม่น้อย เพราะมีระดับ สูงถึง 560 ทำเอาทั้งสามคนถึงกับหืดขึ้นคอเลยทีเดียว
“รีบทำให้จบกันเถอะ เพราะยังมีอีกหลายดันที่เราต้องไป กัน” ผมพูดจบพร้อมเรียกใช้สกิล
Gravity Distortion
พื้นที่ด้านหน้าเกิดบิดเบี้ยวจนแตกออกกลายเป็นหลุม ดำขนาดใหญ่ มันดึงดูดฝูงก็อบลินทั้งหมดเข้าไปข้างใน จุดศูนย์กลางนั้นอย่างช้าๆ จนทั้งหมดหายไปในสูญกาศนั้น ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก เพื่อนสองคนอ้าปากค้าง แต่ลูน่า ไม่ตกใจเท่าไหร่เนื่องจากเธอเคยเห็นสกิลนี้มาก่อนแล้ว
“ไอ่คั้นนนนนน!” เพื่อนทั้งสองเรียกเสียงสูงเมื่อเห็นการ โจมตีสูดเวอร์วังนี้
“กูสู้แทบเป็นแทบตาย มึงแค่ใช้สกิลเดียวพวกมันกลับ ตายกันหมดเนี่ยนะ!” ธีระบ่นออกมาอย่างอิจฉา
“นั่นดิ พวกกูดูกากไปเลยแฮะ” สิงห์เสริม ผมยกไหล่ให้ และเดินไปหน้าห้องบอสอย่างไม่สนใจ
“คิคิ” ลูน่าหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ แล้วเดินตามผมไป ทิ้งให้สองเกลอยืนหน้าเหวออยู่อย่างนั้น
เหตุผลง่ายๆที่ผมไม่อยากใช้สกิลใหญ่แบบนี้เข้าสู่ตั้งแต่ แรกก็เพราะอยากดูศักยภาพของทุกคนดูก่อนว่ามีแค่ไหน และอีกอย่างหากผมช่วยพวกเขาตั้งแต่แรกมันจะไปมีประ โยนช์อะไร ผมรู้นิสัยของเพื่อนทั้งสองดีว่าไม่ชอบอะไรที่ ได้มาง่ายๆ และไม่อยากอาศัยคนอื่นมากจนเกินไป เพราะ หากวันใดที่ขาดคนช่วยเหลือไปแล้วล่ะก็ พวกเขาจะไม่ สามารถยืนด้วยตัวเองได้อีก
พวกเราใช้เวลาสำรวจหาห้องบอสกันเล็กน้อย และไม่ นานก็มาถึง เมื่อถึงหน้าห้องบอส ผมค่อยๆผลักประตูบาน ยักษ์ที่มีลวดลายประหลาดสลักเอาไว้ออกไป แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างช้าๆ ภายในห้องมีแต่ความมืดมิด ไร้ซึ่ง แสง สี เสียงใดๆ บรรยากาศนั้นชวนอึดอัดเป็นพิเศษ แต่ ทันใดนั้นเอง
พรีบบบ!!
โคมไฟรอบห้องพลันลุกโชนขึ้นมา แสงจากโคมไฟส่อง แสงสว่างไปทั่วทั้งห้อง ความมืดถูกปัดเป่าออกไปด้วยแสง จากโคมไฟ เผยให้เห็นพื้นที่รอบห้อง และหน้าตาของบอส ได้อย่างชัดเจน
บอส ราชาก็อบลิน ธาตุลม Class 5 Lv.599 ปรากฏตัวค่ะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ