ตอนที่8 .6.
แสงแดดยามเช้าเริ่มทอแสงอ่อนๆส่องทะลุผ่านก้อนเมฆ เกิดเป็นภาพที่ดูสวยสดงดงาม แสงแดดอ่อนๆตกกระทบ ใส่ใบหน้าของหญิงสาวนามว่าลูน่า จึงทำให้เธอค่อยๆเปิด เปลือกตาตื่นขึ้นมา
“อืมมม……. น่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูงัวเงีย ผมเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ “นี่คุณ ถึงอาณาจักรสายลมแล้วนะ”
ตอนนี้เบื้องล่างได้ปรากฏเป็นทิวทัศน์ที่น่าชวนมอง อาณาจักรสายลมเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และอันตราย พอสมควร เนื่องจากพื้นที่โดยรอบจะมีลมพัดอ่อนๆ ถึง แรงมากพัดอยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือนปราการรอบรอบ ขนาดใหญ่เลยทีเดียว เมืองของอาณาจักรนี้คล้ายกับเมือง โบราณ พื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นทะเลทราย กลางวัน จะร้อนมาก และกลางคืนจะหนาวเย็น สภาพอากาศค่อน ข้างที่จะเลวร้ายเลยทีเดียว มันทั้งสวยงาม และอันตรายใน ขณะเดียวกัน
‘ยัยนั่นจะยังเป็นราชันย์ที่เมืองหลวงอยู่รึป่าวนะ ผมพลัน นึกถึงเพื่อนราชันย์แห่งลม เธอเป็นราชันย์รุ่นเดียวกับผม แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอจะยังคงเป็นอยู่รึเปล่า
“พอมองจากข้างบนนี้แล้ว สวยเหมือนกันนะ อาณาจักร แห่งนี้” ลูน่าบอก
“นั่นสินะ เราไปลงไปข้างล่างกันเถอะ” ผมบอกลูน่า จาก นั้นผมก็ให้นิก ส่งพวกเราที่ทะเลทรายนอกเมืองที่ห่าง ไกลจากผู้คน เพราะผมไม่อยากให้ใครเห็นนิกซ์ เดี๋ยวจะ กลายเป็นเรื่องใหญ่อีก จกานั้นพวกเราก็เริ่มเดินทางทันที ใช้เวลาเดินสลับกับวิ่งไม่นานก็ถึงเมืองเป้าหมายแล้ว
ภายในเมืองเต็มไปด้วยผู้เล่นมากมาย แต่ละคนสวมแต่ ของดีมีราคาทั้งนั้น ผมกับลูน่าพากันไปที่ร้านอาหารแห่ง หนึ่งซึ่งไม่ใหญ่มาก ระหว่างทางที่เราเดินกันนั้นมีแต่คน จ้องไปที่ลูน่า อาจเป็นเพราะเธอสวยน่ารักสะดุดตาเกินไป ผมที่เดินคู่กับเธอ กลับถูกสายตาดูถูกเหยียดหยามว่าไม่ คู่ควรที่จะเดินข้างกับเธอ อาจเป็นเพราะผมใส่ชุดระดับต่ำ ก็ได้ ผมไม่ใส่ใจสายตาพวกนั้น และเดินผ่านไป เราหาโต๊ะ นั่ง และสั่งอาหารกัน แต่แล้วสิ่งที่ผมเบื่อที่จะเจอก็เกิดขึ้น จนได้ ชาย 5 คนหน้าตาชวนเรียกเท้ากำลังมุ่งหน้ามายัง โต๊ะของเรา ดูท่าทางเก่งเอาเรื่อง แต่ละคนสวมชุดเกราะ ระดับคงไม่ต่ำกว่า A แน่ เลเวลของทั้ง 5 คน เฉลี่ยกันเกือบ 700 คงเป็นผู้เล่นของกิลด์ใหญ่จากซักเมืองที่อณาจักรนี้ล่ะมั้ง (ที่ผมรู้ระดับ ของมันเพราะกำไลระบบ SSS)
“ไงจ๊ะ น้องสาว” หนึ่งในพวกมันเอ่ยทักลูน่า พร้อมเก๊กท่า
“คะ?” ลูน่าตอบด้วยใบหน้าที่เฉยชากลับไป
“โปรดให้เกียรติกินข้าวกับผมซักมื้อได้มั้ยครับ?” มันพูด พร้อมทําท่าทางหน้าหมั่นไส้ คุกเข่าราวกับกําลังขอสาว เดท
“ขอโทษนะคะ คือฉันกำลังทานข้าวกับเพื่อนอยู่น่ะ คงกิน กับคุณไม่ได้” ลูน่าปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
เมื่อลูน่าทําท่าทางเย็นชากับมัน มันเลยเสียหน้าเล็กน้อย ให้กับผู้หญิงตรงหน้า รวมถึงพรรคพวกของมันเอง มัน ตัดสินใจคว้ามือของลูน่าอย่างรุนแรง แต่ลูน่ากลับสะบัดมัน ออกอย่างไม่ใยดี
“เฮ้ๆๆๆ ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอพี่ชาย” ผมยิ้ม พูดกับชายตรงหน้า
“แล้วจะทําไม เอ็งอยากมีเรื่องกับพวกข้าหรอวะ! รู้มั้ยแถ ว กิลด์ของพวกข้ามเว้ย! มันพูดโอ้อวด
ใช่ๆ แถวนี้ก็ลด์ ลมกรด ของพวกข้ามเว้ย ” ลูกน้องของ มันช่วยลูกพี่มันเต็มที่
“หืม…ชื่อกิลด์นี้คุ้นๆแฮะ” ผมทำหน้านึกอยู่พักหนึ่งโดย ไม่สนใจพวกมันที่กำลังทำท่าอวดเบ่งอยู่เลย
“ไงล่ะ ได้แค่ยินชื่อถึงกับทำหน้าช็อคเลยหรอ ฮ่าๆๆๆๆ
“ป่าวหรอก ไม่รู้จักน่ะ” ผมตอบออกไปหน้าตายสร้าง ความหมั่นใส่ให้พวกมันเพิ่มขึ้นอีก
หนอยแก” 1 ใน 5 ของพวกนั้นพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมชัก ดาบในมือหมายจะตัดหัวของผมอย่างรวดเร็วให้ตายๆไป เสีย แต่ก็ยังช้ากว่าผมอยู่มากนัก ผมเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย พร้อมทั้งคว้าแขนของมันหมุนเหวี่ยงร่างย้อนคืนกลับไป อย่างแรง มันกระอักเลือดออกมาคำโต แต่กระนั้นมันก็ยัง ทำท่าที่จะพุ่งเข้ามาอีกรอบ รวมถึงเพื่อนๆของมันเช่นกัน แต่แล้วพวกมันก็ต้องหยุด เนื่องจากหัวหน้าที่กำลังเข้าร้าน มาใหม่ของพวกมันเข้ามาห้ามไว้ก่อน
“เห้ย! พวกแกทำมาไรที่นี่วะ! เดี๋ยวก็โดนหัวกิลด์เล่น หรอก” หัวหน้าสบถ าลูกน้อง พวกมันได้แต่ยอมทำตาม แต่โดยดี
“เหอะ! ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไว้เจอนอกเมืองเมื่อไหร่ ถึง ไม่ตายดีแน่!” มันพูดอย่างอุ่นเคือง คล้ายจะไม่ยอมจบเรื่อง นี้ง่ายๆ
“ฉันบอกให้หยุดไง!” หัวหน้าของพวกมันพูดย้ำอีกครั้งจน ลูกน้องของเขาได้แต่ก้มหน้ารับผิดกันไปตามระเบียบ
“ผมต้องขอโทษด้วยที่ลูกน้องของผมสร้างความเดือด ร้อนให้พวกคุณ อย่าถือสาพวกมันเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เราก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรตรงไหน”
“ถ้างั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงข้าวพวกคุณเอง เพื่อเป็นการขอโทษ เรื่องลูกน้องของผม” พอพูดจบเขาหันไปจ่ายเงินกับ NPC เรื่องค่าข้าว และค่าเสียหายทั้งหมด จากนั้นก็เดินออกจากร้านพร้อมพวกไปทันที
ผมไม่ใส่ใจอะไร และย้ายไปห้อง VIP ทันที เพราะไม่ อยากกลายเป็นจุดสนใจมากกว่านี้อีกแล้ว ผมเห็นลูน่าทำ หน้านิ่งไม่ไหวติงจึงเริ่มชวนเธอคุย
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ลูน่า” ผมถามเธอ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่กำลังคิดว่ากำลังทำให้คุณเดือดร้อน เปล่า?” ลูน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ กินข้าวกันเถอะ” ผมบอกกับลูน่า และเริ่มกินข้าวทันที ผมได้แอดเพื่อนของ ธีระ และสิงห์ ไว้ ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อนัดมาคุยเรื่องภารกิจเลื่อน Class กัน ที่นี่ และไม่นานเกินรอทั้งสองก็มาถึง
ก๊อกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !!!…..
เสียงเคาะประตูดังขึ้น “เข้ามาได้ครับ” ผมตะโกนบอก
ปรากฏเป็นชายสองคน คนแรกเป็นหนุ่มผมสีแดงยาว ถึงกลางหลัง สวมชุดเกราะหนักสีแดงเลือด มีลวดลาย สวยงามคงเป็นไอเทมระดับสูง ในมือถือหอกยาวกว่า 2เมตร รอบๆหอกมีประกายสายฟ้าช็อตอยู่ตลอดเวลา ชาย คนนี้คงจะเล่นอาชีพ Knight เป็นแน่ และแน่นอนเขาก็คือ เพื่อนของผม ธีระนั่นเอง
ส่วนอีกคนผมสั้นสีแดงเช่นกัน ใส่ชุดเกราะหนังสีแดง ระดับสูง เพื่อสะดวกในการเคลื่อนไหว ในมือถือมีดคู่เล่ม สั้น และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก สิงห์
ไง ไอ่ภาคิน” เพื่อนทั้งสองทักผมอย่างสนิทสนม คงนึก ว่าผมอยู่คนเดียวจึงไม่ทันสังเกตว่ามีลูน่านั่งอยู่ในห้องด้วย พวกมันทําสีหน้าตกใจเล็กน้อยทันทีที่เห็นผมนั่งกับสาว สวย
“ไง นั่งก่อนสิ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก” ผมบอกเพื่อนทั้งสอง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่ลูน่า เพื่อนของฉันเอง เธอเป็นหัวกิล ปักษาสวรรค์ ที่ เมืองเริ่มต้นน่ะ จะมาทำภารกิจเลื่อน Class ด้วยกัน” ผม แนะนำลูน่าให้เพื่อนรู้จัก “และนี่ ธีระ กับ สิงห์ เพื่อนผมเอง ครับลูน่า” ผมพูดพร้อมชี้ไปที่เพื่อนทั้งสอง
“สวัสดีค่ะ คุณธีระ คุณสิงห์” ลูน่ายิ้มทักทาย
“สวัสดีครับ คุณลูน่า” เพื่อนทักสองทักตอบ พวกมันรู้จัก ชื่อของลูน่าดี เพราะกิลด์ของลูน่านับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย เลยในทวีปเริ่มต้น
พวกเราเริ่มคุยกันเรื่องภารกิจเปลี่ยนคลาส และปรึกษาถึง สถานที่ของดันเจียนว่ามีที่ไหนบ้าง ระดับเท่าไหร่ ยากง่าย เพียงใด และดันเจียนไหนที่เหมาะกับพวกเรา พวกเราพูด คุยเรื่องพวกนี้กันเกือบชั่วโมง ซึ่งภารกิจของเพื่อนรักทั้ง สองยังไม่ถึงไหนเลย เพราะพึ่งจะรับภารกิจกันมาไม่นาน นัก
(ธีระ)
เควสเปลี่ยน Class 6
สังหารบอส
Class 5 จำนวน 6/40 ตัว
สังหารมอสเตอร์
Class 5 จำนวน 5,569/50,000 ตัว
เคลียร์ดันเจียนระดับ A จำนวน 4/20 ดันเจียน (ห้ามตาย รวมถึงสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน)
(สิงค์)
เควสเปลี่ยน Class 6
สังหารบอส
Class 5 จํานวน 6/40 ตัว
สังหารมอสเตอร์
Class 5 จํานวน 5,654/50,000 ตัว
เคลียร์ดันเจียนระดับ A จำนวน 4/20 ดันเจียน (ห้ามตาย รวมถึงสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน)
“ก่อนอื่นเลย เราต้องหาคนเพิ่มซักหน่อย ซัก 20 คนพอ
มั้ย?” ธีระเสนอ
“ค่ะ ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้เพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการเคลียร์ดันเจียนด้วย” ลูน่าเห็นด้วย
“นั่นสิ แต่ขอเป็นคนที่น่าไว้ใจละกัน พวกระดับสูงยิ่งหยิ่งๆ กันซะด้วยสิ” สิงห์เสริม
ธีระเห็นผมทำหนานิ่ง จึงทักถาม “ เห้ย ไอ่คิน มึงว่าไง?”
“ไม่อะ ไม่เห็นด้วย” ผมตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม่เห็นด้วยเรื่องไหนว่ะ” สิงห์พูดบ้าง
“ทุกเรื่องอ่ะ” ผมตอบ
“เอ้า แล้วมึงจะเอาไง” ธีระถาม
“ไปกันแค่นี้แหละ!” ผมยิ้มตอบ
ธีระ และสิงค์ ทำสีหน้าตกใจ ส่วนตัวลูน่าเองไม่ตกใจเท่า ไหร่นัก เธอรู้ถึงความสามารถของผมดีเพราะผมเป็นถึงราชันย์ ต้องมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาแน่ แต่ เพื่อนผมยังไม่รู้เรื่องที่ผมเป็นราชันย์เนื่องจากผมยังไม่ได้ บอก แต่คงต้องบอกตอนนี้เพราะไม่อย่างนั้น มันคงไม่ยอม เชื่อว่าผมจะพาพวกมันผ่านดันเจียนด้วยคนแค่นี้แน่
“ธีระ สิงห์………เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ววะ?” ผมถามเพื่อน ทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง
“จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้วะ 15 ปี แล้วมั้ง ตั้งแต่กจําความได้ ก็รู้จักมึงแล้วอ่ะ ” สิงห์ ธีระ และ ภาคิน เป็นเพื่อนบ้านกัน ตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว ทั้งสามจึงสนิทกันมาก และน้อยมาก ที่จะมีความลับต่อกัน
“กูไว้ใจพวกมึงได้ใช่มั้ย?” ผมถามต่อ
“เออ ได้ดี ทำไมถึงถามแบบนี้วะ?” ธีระเป็นคนตอบแม้จะ ไม่เข้าใจว่าจะถามเรื่องนี้ทำไม
“งั้นกูมีไรจะบอก” ผมพูดพร้อมกดกำไลของระบบขึ้นมา แล้วเรียกเปิดใช้งาน ฉายาของราชันย์ ทันที ด้วยความ สามารถของกำไลระบบระดับ SSS ผมจึงสามารถปิด-เปิด ฉายาได้ตลอด ตอนนี้ ฉายาแห่งราชันย์ ได้ขึ้นแสดงอย่างเด่นสง่าอยู่บนหัวของผมเรียบร้อย ตัวฉายามี เปลิวเพลิงอ่อนๆลุกอยู่ตลอดเวลา
“เห้ยยยยย นี่มัน” เพื่อนทั้งสองอุทานออกมาอย่างตกใจ มันไม่นึกว่าผมจะเป็นคนที่กำลังมีข่าวดังใหญ่โตที่เมืองเริ่ม ต้นเมื่อหลายวันก่อนได้
“หรือว่ามึงคืออออ…” ผมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้า เบาๆ แล้วปิดฉายาไว้ดังเดิม
“คราวนี้จะไปกันได้รึยัง” ผมพูดต่อ ก่อนที่จะชวนทุก คนเข้าปาร์ตี้ และแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเพื่อลุยภารกิจ เลื่อนคลาสกันในวันพรุ่งนี้ เพราะผมจะพาพวกเขาลงดัน มาราธอนแบบไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ