โซ่รักใยพิศวาส

บทที่ 4 สายเลือดมาเฟีย 4



บทที่ 4 สายเลือดมาเฟีย 4

กรุงโรม ประเทศอิตาลี

ราซิเอลโล่ในวัยสามสิบแปดปีก้าวเดินลงมาจากรถสปอร์ต หลังจากน้ำมันมาจอดในโรงจอดรถของบ้าน เขาก้าวเดินเข้าไป ในบ้านหลังใหญ่ ที่ในความรู้สึกของเขาตอนนี้คิดว่า มันใหญ่ เกินไป ใหญ่จนรู้สึกถึงความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงา เข้ามาในบ้าน ไม่เจอสมาชิกในครอบครัวที่ต่างมีหน้าที่ด้วยกันทั้งสิ้น คนที่เขา เจอกลับเป็นคนรับใช้ บางครั้งเขาคิดว่า อยากมีบ้านหลังเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

“ไงไอ้เสือ วันนี้กลับบ้านได้ไม่หิวผู้หญิงไปกกเหรอ” นานโอ อาหนุ่มวัยสี่สิบเจ็ดปีทักหลานชาย

“แล้ววันนี้ทำไมคุณอาอยู่บ้านได้ ปกติไม่เห็นอยู่” หลานชาย

ไม่ตอบ แต่ถามกลับ

“ฉันก็กลับบ้านทุกวัน มีแต่แกนี่แหละนานๆ ทีจะโผล่หัวกลับ มาบ้าน” ราซิเอลโล่หยักไหล่ เดินไปนั่งบนโซฟา “แกเตรียมจัด กระเป๋าหรือยัง”

ราซิเอลโล่ยนคิ้วกับคำถามของอาหนุ่ม “จัดกระเป๋า จัดทำไม จัดไปไหนครับ”

“แกอย่าบอกนะว่าแกลืม” นานโอสายศีรษะช้าๆ ก่อนทวน ความจำให้หลานรัก “แกลืมจริงๆ ด้วย ฉันกับแกต้องไปเมืองไทยวันมะรืนนี้ ฉันบอกให้แกรู้เป็นอาทิตย์แล้วนะ แกดันลืมซะ ได้”

“ผมลืมไปเลย แต่ไม่เป็นไร จัดกระเป๋าแปปเดียวก็เสร็จ” ราชิ เอลโล่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต

“แล้ววันนี้แกนึกยังไงถึงกลับบ้าน เวลานี้แกน่าจะอยู่กับสาวๆ

ไม่ใช่เหรอ” นานโอถามอย่างรู้นิสัยหลานรัก

“เบื่อ” ราชิเอลโล่ตอบสั้นๆ “อยู่ๆ ก็เบื่อขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับ ว่า ไม่ถูกใจผู้หญิงคนไหนเลย พอเห็นหน้า หมดอารมณ์ซะงั้น

“ฉันก็เพิ่งรู้ว่าคนอย่างแกเบื่อผู้หญิงก็เป็นด้วย จะว่าไปอายุแก ก็สมควรมีครอบครัวได้แล้วนะ อย่าปล่อยให้อายุเลยมาไกล เหมือนฉัน เพราะบางทีแกอาจเสียโอกาสอะไรไปในชีวิตก็ได้ นานโอเตือนหลานชาย

“ที่ว่าเสียโอกาสอะไรไป มันคืออะไรคุณอา

“โอกาสที่แกเจอผู้หญิงดีๆ ไงล่ะ บางทีอาจผ่านเข้ามาในชีวิต แก แต่แกเพิกเฉยไม่ใส่ใจ ปล่อยผ่านเลยไป พอนึกถึงมันก็สาย เกินไปอะไรทำนองนี้

ค่าตอบของนาน โอกระแทกใจราซิเอลโล่อย่างจัง ราซิเอลโล่ อาจเจอผู้หญิงดีๆ เหมาะจะมาเป็นแม่ของลูก ทว่าเขากลับไม่ใย ดี ไม่ใส่ใจความรู้สึก จนหล่อนหลุดมือไป และเขาก็ไม่คิดวิ่งตาม หล่อนกลับคืนมา สตรีที่เขากำลังนึกถึงคือ เพชรหอม หญิงสาวที่ ก่อกวนใจเขามาตลอดเจ็ดปี ราซิเอลโล่มีความรู้สึกว่า ตนเองมี อะไรติดค้างเพชรหอมอยู่ ทว่าเขาก็ไม่คิดค้นหาคำตอบคาใจ
“คุณอาพูดเหมือนกับว่า เคยพลาดโอกาสนั้นไป

“ฉันไม่เคยเจอหรอก และคิดว่าไม่เจอด้วย เลยวัยแล้วมั้ง ฉัน อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว เหงาบ้างบางเวลา แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาความ เหงาก็หาย” นานโอพูดอย่างคนเข้าใจชีวิต และยอมรับชีวิตที่ตน เป็นอยู่ “ฉันอยากให้แกมีครอบครัว เพราะมันถึงวัยแล้ว เลยจาก นี้ไปบางทีแกอาจไม่อยากมีชีวิตคู่ เพราะคิดว่าอยู่คนเดียวได้ แต่ ไม่ใช่ว่าแกไปเมืองไทยแล้วจะหิ้วผู้หญิงไทยกลับมาเป็นเมียนะ ถ้าแกทำอย่างนั้นแม่แกมาถลกหนังหัวฉันแน่ แกก็รู้ว่าแม่แกไม่ ชอบสาวไทย แถมยังมองหาผู้หญิงให้แกด้วย”

เมื่ออาหนุ่มพูดถึงสาวไทย คนเดียวที่ราซิเอลโลนึกถึงคือเพชร หอม หญิงสาวที่ยังคงรบกวนจิตใจเขาเนืองๆ และไม่หลุดออก จากความทรงจําง่ายๆ ด้วย และพานานโอพูดถึงมารดาบังเกิด เกล้า คนเป็นหลานถึงกับไม่อยากพูด

“คุณอาอย่าพูดถึงคุณแม่เลย เพราะคุณแม่นี่แหละที่ทำให้ผม ไม่อยากกลับบ้าน รบเร้าให้ผมไปหาแบร์รี่อยู่ได้ รู้ๆ อยู่ว่าผมไม่ ชอบ” ราซิเอลโล่ ทําเสียงหงุดหงิด

“แต่จะว่าไป ฉันว่าแบร์รี่ก็น่ารักดีนะ แกก็ลองเปิดใจ เผื่อจะ รักแบร์รี่ได้” นานโอแนะนำ

“ไม่เอาดีกว่า” ราซิเอลโล่ปฏิเสธทันควัน “ผมขอตัวก่อนนะ ครับคุณอา อยากพักผ่อน

ราซิเอลโล่ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนทันทีที่พูดจบ นานโอมองตาม ร่างหลานชายไปอย่างจับสังเกตได้ว่า ราชิเอลโล่กำลังมีเรื่องบางอย่างกวนหัวใจ แต่จะเรื่องใดนั้นเขาไม่ถาม เพราะหากราช เอลโล่อยากบอกก็จะบอกให้ตนรู้เอง

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัว ราซิเอลโล่นอนแผ่หลาบนเตียง ในสมองเขานึกถึงเพชรหอม การไปเมืองไทยครั้งนี้ เขาจะได้เจอ หล่อนหรือไม่ หล่อนจะเป็นเช่นไร สบายดีไหม มีครอบครัวหรือ ยัง เขาคิดสะระตะ จนรู้สึกว่า เพชรหอมกำลังมีอิทธิพลกับตน มากเกินไป

“จะคิดถึงทำไมวะก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ผู้หญิงที่คิดจะจับเรา คิดให้เปลืองสมองเปล่า”

ราชิเอลโล่พูดกับตัวเอง ก่อนตัดความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ลุกเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สบายตัวสบายใจ จากนั้นก็กลับมา นอนบนเตียงอีกครั้ง เพื่อดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา

ช้องนางเดินถือถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าชุดสวยอยู่ในนั้นหลาย ชุดมายังห้องล็อกเกอร์ หล่อนหันซ้ายหันขวาราวกับว่าจะมองหา ใครบางคนอยู่ แล้วเมื่อเห็นว่าคนที่ตนกำลังต้องการพบนั่งแต่ง หน้าอยู่ตรงบานกระจกบานใหญ่ที่มีไว้สำหรับให้พนักงานหญิง เสริมความงาม หล่อนปรี่เดินไปหาเพชรหอมทันที

“อ๊ะ! เสื้อผ้า” เพชรหอมมองถุงกระดาษ ก่อนเงยหน้ามองหน้า เพื่อน

“เสื้อผ้าอะไร” เพชรหอมถามอย่างสงสัย

“ก็เสื้อผ้าที่แกต้องใช้ระหว่างเป็นล่ามไง ฉันไปขอเมลมาให้ นางจัดให้แกห้าชุดเลย” คนถามเยี่ยมหน้ามองเสื้อผ้าในถุงกระดาษที่หล่อนรู้ดีว่า มีแต่ยี่ห้อราคาแพง ราคาที่หล่อนเอื้อมไม่ ถึง

“โห ไม่เอาหรอก ถ้าฉันทำเสื้อผ้าพิมลเสียหาย ฉันไม่มีปัญญา ใช้หรอกนะ ตัวนึงตั้งหลายพัน” เพชรหอมปฏิเสธความหวังดีของ เพื่อน

“แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เสื้อผ้าพวกนี้เมลโละทิ้งแล้ว นางให้ แกเลย ให้แล้วให้เลย แกจะทำเสียหายยังไงก็ไม่ต้องชดใช้ ขณะซ้องนางพูด เพชรหอมหยิบเสื้อขึ้นมาดู

“ตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลยนะ ดูสิยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อู้หู…ตัว ละตั้งเจ็ดพันแน่ะ” เพชรหอมทำตาโตเมื่อเห็นป้ายราคาค่า เสื้อผ้า

“ตัวนี้ยังถูก เมื่อวานนางซื้อชุดเดรสราคาหมื่นสองมาหนึ่งชุด ฉันก็นั่งมองชุดนะก็ไม่เห็นว่ามันจะเลิศเลอเพอร์เฟคตรงไหน แบบก็เรียบ ฉันว่านะ ชุดบางชุดของนางตามตลาดนัดสวยกว่า เยอะ” ช้องนางนินทาพี่สาวต่างแม่ให้เพชรหอมฟัง แน่นอนว่านี่ ไม่ใช่ครั้งแรก “แกไม่ห่วงเรื่องเสื้อผ้านางเลย นางมีล้นตู้ ทิ้งไปก็ เยอะ ไม่ได้ใส่ก็แยะ ไม่รู้จะซื้อมาทำไมหนักหนา ซื้อแล้วก็ไม่ใส่

“แกก็ใส่แทนสิ”

“ถ้าฉันใส่ได้ฉันใส่ไปแล้ว แต่นี่มันติดนม นมฉันดันใหญ่กว่า นาง ใส่ของนางแล้วมันรัตนมหายใจไม่ออก เฮ้อ! เกิดมาหนักอก ก็ต้องหนักใจอย่างนี้แหละ ฉันเลยขอเสื้อผ้านางมาให้แกไง แก ใส่ไปโลด สวยๆ แพงๆ ทั้งนั้น นางรวยแค่ไม่กี่ชุดนางไม่ยี่หระหรอก”

มารดาของวรรณวิมลมีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีทางภาคเหนือ ที่คนเรียกติดปากกันว่าแม่เลี้ยงสาย วรรณวิมลจึงมีนิสัยใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย พักอยู่ในตอนโดสุดหรูราคาห้องละเกือบเก้าล้านบาท ดูแลกิจการร้านผ้าไหมและร้านทองในกรุงเทพ ไม่แปลกที่วรรณ วิมลจะใช้ชีวิตแบบหรูหรา ต่างกับช้องนางที่ใช้เงินอย่าง ประหยัด ตามฐานะของบิดามารดา แต่ยังดีที่ความสัมพันธ์ ระหว่างช้องนางกับวรรณวิมลเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน บ่อยครั้งที่ วรรณวิมลหยิบยื่นเงินให้ใช้สอย รวมถึงส่งเสียให้ช้องนางเรียน จนจบมหาวิทยาลัย ช้องนางจึงรักและเคารพวรรณวิมลมาก

“แกโชคดีนะที่เกิดมานมใหญ่ ไม่ต้องศัลยกรรมให้เปลือง เงิน”

“นมใหญ่ไม่ดีหรอก มันหนัก ฉันไม่ชอบ ฉันชอบแบบพอดี

มากกว่า”

“แกไม่ชอบ แต่ผู้ชายชอบนะ” เพชรหอมเย้าเพื่อน

“เลิกพูดเรื่องนมฉันดีกว่า ค่ำนี้ฉันมีนัดกับต้าร์ แต่ไม่อยากไป คนเดียว แกไปกับฉันหน่อยนะ”

เพชรหอมทำหน้าแปลกใจกับการถูกชวนไปเที่ยว เพราะปกติ ช้องนางจะไปไหนมาไหนกับไกรศรสองต่อสองเสมอ แต่ครั้งนี้ ทําไมถึงชวนตน

“ทำไมแกถึงไม่อยากไปกับตาร์ตามลำพังล่ะ ต้าร์เป็นแฟน แกนะ”
“ไม่รู้สิ ใจมันบอกมั้ง พูดไม่ถูกอ่ะ” ช้องนางพูดอย่างไม่เข้าใจ ตัวเองว่า เหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้ “แกจะไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”

“ได้ แต่กลับดึกไม่ได้นะ เต็มที่ไม่เกินสี่ทุ่ม”

“สองทุ่มฉันก็บินแล้ว ไม่อยากอยู่ดึก

“เลิกงานเจอกันนะ” เพชรหอมสรุป

“อืม ฉันไปก่อนนะ” ช้องนางบอกเพื่อน ก่อนจะเดินออกไปจาก ห้องล็อกเกอร์หญิง เพชรหอมจึงหันมาแต่งหน้าให้แล้วเสร็จ จาก นั้นจึงเดินออกจากห้องดังกล่าวเพื่อไปทำหน้าที่ของตน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ