แม่ทัพหญิงของจวนหลง

บทที่ 7 ชื่อเสียงบารมีในกองทัพสร้างลำบาก (1)



บทที่ 7 ชื่อเสียงบารมีในกองทัพสร้างลำบาก (1)

เฮ้อ ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบตามไปแล้วล่ะ! พอฝูหลิงได้สติ ก็รีบปรับสีหน้าท่าทาง ก่อนตามหลังม้าของ

หลงเส้าจิ้นไปใหม่อีกครั้ง

ตลอดทางที่เคลื่อนทัพนั้นน่าเบื่อขาดสีสัน หลงเส้าจิ้นนำอยู่ ข้างหน้าสุด กองทัพหนึ่งหมื่นกว่านายแถวยาวเหยียด ยากที่จะ ไม่มีทหารบางส่วนเสาะหาความเพลิดเพลินได้

“เช้าวันนี้ เริ่มเคลื่อนพลตั้งแต่เช้าตรู่ ข้ายังไม่ทันได้นอนเต็ม อิ่มเลย!” ทหารนายหนึ่งกระซิบกระซาบเสียงเบา หาวอย่างไม่ หยุดหย่อน เกือบจะทำธงนำทัพในมือหล่นลงบนพื้น

“ใช่แล้ว เมื่อคืนนางมาเดินลาดตระเวน หากเดินผ่านยังต้อง แสดงความเคารพนางด้วย คงนึกว่าตนเองเป็น คุณหนู จริง ๆ” ทหารอีกนายหนึ่งได้ยินคำตำหนิของทหารผู้นั้น ก็เข้ามาผสมโรง ด้วยทันที รีบนำเรื่องที่ตนไม่พอใจมาพูดวิจารณ์ไปหนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม พอมีคนตำหนิแล้ว อย่างช้า ๆ เรื่องที่นินทาก็มี มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อหาเริ่มจะยกระดับจากการบ่นตำหนิเป็นความ อาฆาตแค้นแล้ว

ไม่รู้ว่านับตั้งแต่เมื่อใด ในกองทัพก็เริ่มมีค่าพวกนี้แพร่งพราย ออกไป

“นางไม่รู้จักมองดูตัวเองเลยว่านางเป็นใคร! ถือสิทธิ์อันใดมาควบคุมท่านนายอย่างพวกข้า

“นางเป็นเพียง คุณหนูของขุนนาง นี่ นางรู้ว่าจะเคลื่อนทัพออก

รบอย่างไรหรือ!! “ท่าที่เหมือนคนถูกตามใจมาแต่เด็ก เคลื่อนพลแล้วยังขี่ม้า

คิดว่าตนเองเป็นแม่ทัพจริง ๆ หรืออย่างไรกันนะ”

“สาวใช้ที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังคิดจะนำทหารออกรบ ดู ท่าคงจะไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินเสียแล้ว!”

ทหารเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งดุเดือด อย่างช้า ๆ ก็มาพูดอยู่ต่อหน้า หลงเส้าจิ่นแล้ว

“คุณหนู! ! !” ฝูหลิง โมโหสุดขีด คนพวกนี้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ต่อแล้วใช่ไหม! พวกเขาคิดว่าคุณหนูของตนสมัครใจมาเป็น แม่ทัพอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะถูกพระราชโองการบังคับต่าง หาก!

หลงเส้าจิ่นไม่ได้ตอบคำฟูหลิง ยังคงอยู่บนหลังม้าที่ตนเอง มุ่งหน้าไปยังหนทางข้างหน้า ประหนึ่งมิได้ยินเสียงกระซิบ กระซาบเหล่านั้นก็มิปาน

เหล่าทหารที่อยู่ข้างหน้าเห็นหลงเส้าจิ้นไม่ตอบโต้ ก็กำเริบ เสืบสานยิ่งกว่าเดิม พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ค่าพูดที่กล่าวก็ชักจะเลวร้ายขึ้นไปทุกที

ฝูหลิงโกรธจนทนไม่ไหว นางคิดจะออกไปจัดการอยู่หลายหนแต่ถูกคุณหนูถลึงตาใส่ นางทำปากจู มองคุณหนูที่เดินทางต่อ อย่างไม่ทุกข์ร้อนอยู่ด้านหน้าตนด้วยความโมโห โกรธจนแทบ จะระเบิด

คุณหนูไม่ให้นางลงมือ ฝูหลิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริง ๆ จึงขย่าฝ้ายเป็นก้อนกลมสองก้อน ยัดเข้าไปอุดหูทั้งสองข้างของ ตน แค่ฝ้ายยังไม่เพียงพอ จึงใช้กำลังภายในปิดกั้นประสาทรับรู้ การได้ยินของตน

เห็นท่าทีของผู้หญิง หลงเส้าจิ้นก็ไม่อยากจะไปสนใจมาก จึง ปล่อยนางไปเลยตามเลย ฟังถ้อยคำนินทาจากเบื้องหลัง ประโยคแล้วประโยคเล่า ในหัวของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

ดูท่าแล้ว ความตั้งใจของฮ่องเต้ ไม่ใช่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่าง สงบสุขในค่ายทหารนี้ แต่เขาคิดจะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศ ของนางปนอย่างนั้นหรือ?

แม่นางที่ยังไม่ได้ออกเรือนนางหนึ่ง กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ยก ทัพออกรบ ต่อให้ถูกพระราชโองการบีบบังคับมาก็ตาม แต่มา อยู่ร่วมกับกลุ่มบุรุษทั้งวันเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรอย่าง ที่สุด หากรบพ่ายแพ้ นางก็มีความผิดโทษฐานเคลื่อนทัพไม่ ประสบผลสําเร็จ สร้างความวุ่นวายในค่ายทหาร

หากว่าได้ชัยชนะกลับมา เกรงว่านางคงมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ว่า เป็นสตรีร้าย แล้วจะไม่มีคนกล้ามาขอนางแต่งงาน ในเมืองหลวง หญิงสาวที่ไม่ได้ออกเรือนทั้งหมดจะต้องเข้าวังไปเป็นนางกำนัล ไม่ก็ออกบวชเป็นแม่ชี มีถ้อยคำที่สละสลวยว่า บุตรสาวบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ไม่ควรทำให้พ่อแม่เดือดร้อน ไม่ควรเป็นภาระให้ บิดามารดา’

จึงจะเป็นการกตัญญู

หึหึ จุนหลินเย่ วางแผนการมาได้แยบยลเลยทีเดียว ทว่า เจ้า วางแผนไว้อย่างดีเลิศถึงเพียงนี้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะหาวิธี ทําลายแผนเจ้าไม่ได้นะ

มุมปากของหลงเส้าจิ้นยิ้มเย้ยหยัน มองสีของท้องฟ้าที่ค่อย ๆ มืดลง กองพลของนางควรตั้งมั่น ณ ที่แห่งนี้และหยุดพักผ่อนกัน แล้ว

ระหว่างทางที่เคลื่อนทัพช่างน่าเบื่อไร้สีสัน ทุกวันนอกจากรีบ เร่งเดินทางก็ไม่มีอันใดอีก มิอาจเปรียบกับความสะใจของการ สังหารข้าศึกในสนามรบได้เลย และสันดานของคนที่มีด้านที่น่า รังเกียจ เช่น ในยามนี้

ในค่ายทหาร ส่วนใหญ่เป็นพวกท่านนาย บุรุษที่แข็งแกร่ง หยาบกระด้าง คนพวกนี้คิดอะไรไม่ซับซ้อน ตัวใหญ่บึกบึน ตอน รบหากว่าพลิกแพลง ใช้ให้เหมาะสม จะล้มศัตรูสิบคนด้วยตัวคน เดียวก็ไม่มีปัญหาอันใด

แต่ก็เป็นคนพวกนี้ เลือดที่พลุ่งพล่านนั้นทำให้ถูกคนยั่วยุให้ โมโหได้ง่าย แม้ในเรื่องที่ไม่ควรจะโมโห อย่างเช่น ในยามนี้ ที่ ด้านนอกกระโจมของหลงเส้าจิ๋น บุรุษแข็งแกร่งผู้หนึ่งที่ไว้หนวด เคราและจอนเต็มหน้ากำลังดื่มสุราพลางด่าทอไปด้วยอยู่พอดี

“หลงเส้าจิ่น หญิงสาวอย่างเจ้านะ! ตอนที่ 1 ออกรบเจ้ายังไม่เลยด้วยซ้ำไป เจ้าถืออันอยู่บนตำแหน่งของ แม่ทัพ

อีก อีก บุรุษร่างกำยำเช็ดปาก แล้วค่าอีก

แม่หญิงมาจากเมืองหลวงเข้ามาข้าของเจ้าจะสอนเองอะไรคือการรบ

“รบไม่ได้ พวกกุ อยู่ค่ายทหารอย่างลำบากมาหลาย เดือน ถ้าเจ้ายินดีออกมาให้อย่างพวกข้าเบิกบานใจกัน ยอม ให้

แข็งแกร่งผู้ยิ่งด่ายิ่งล่วงเกิน ขนาดใช้ถ้อยคำ หยาบคายสกปรกเกินกว่าจะได้

ทว่า กระโจมของแม่ทัพมีความเคลื่อนไหวใด ๆ โดยตลอด พวกเห็นนั้นก็

ดูเอาสมแล้วเป็นสาวน้อยมาจากเมืองหลวง ปากยัง สิ้นกลิ่นนม คิดเพ้อเจ้อจะเป็นแม่ทัพของพวกฮ่องเต้ไม่โดนของเข้า ถึงได้ให้เจ้าเด็กมาเป็น แม่ทัพของพวก

ทหารเหล่านั้นนึกว่าหลงเส้าจิ้นหวาดกลัว อย่างไรเสีย ใครก็ คงได้ว่า ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารมาก่อน ไม่เคยประสบการณ์ทัพ แล้วยังเป็น งามหยาดหยด คนถ้าพูดข่มขวัญหน่อย นางคงหวาดหวั่นจนต้องที่ซ่อนแล้ว
ภายในกระโจม ฝูหลิงถูกหลงเส้าจิ้นกดมือทั้งสองข้างไว้ ปาก ของฝูหลิงก็ถูกหลงเส้าจิ้นปิดไว้ด้วย แต่หลงเส้าจิ้นยังอ่านสาย ตาของผู้หญิงออก “คุณหนู! ปล่อยนะเจ้าคะ ข้าจะไปฆ่าพวกเขา เสีย!

น่าโมโหยิ่งนัก! คุณหนูของพวกเขา ใช่คนที่คนพวกนั้นพูดจา

ดูถูกเหยียดหยามได้ตามอำเภอใจเช่นนี้หรืออย่างไร

ทว่า เสียดายที่ฟูหลิงถูกหลงเส้าจิ๋นใช้กำลังกดไว้อย่างแน่น หนา ไม่มีแรงเหลือจะไปต่อต้านหรือสลัดออกได้เลยแม้สักนิด นางทำได้เพียงเบิกตามองคุณหนูที่มัดตน ทั้งยังอุดปาก อุดหูนาง เอาไว้อีกด้วย เป็นวาจาที่สกปรกหยาบคายเกินทนจากด้านนอก ของพวกคนที่ชอบใช้กำลังพวกนั้น

“อื้อ! อื้อ!” ฝูหลิงคิดจะขอร้องให้คุณหนูปล่อยตนเสีย! คุณหนู ทนได้ แต่นางทนไม่ไหวแล้ว นางจะต้องฆ่าพวกเขาให้จงได้

“รออีกสักหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม” หลงเส้าจิ่นดู รายงานสถานการณ์การรบที่มาจากทางด้านหน้าอย่างสงบนิ่ง เหมือนมีแผนรับมือ ไม่ว่าข้างนอกจะด่าทอสาดเสียเทเสีย อย่างไร คิ้วของนางก็ไม่ได้ขมวดเข้าหากันแม้แต่น้อย

และที่ค่ายทหารนี้ ในมุมที่ไม่เตะตาคนมุมหนึ่ง คนสองคนที่ดู คล้ายกับทหารกำลังกระซิบกระซาบอะไรกันบางอย่าง ทว่า สอง คนนี้ดูไปแล้ว มีคนหนึ่งที่มีตำแหน่งต่ำกว่าอีกคนอยู่ระดับหนึ่ง อย่างชัดเจน

“เจ้านาย ข้างนอกวุ่นวายกันถึงเพียงนี้แล้ว ทำไมนางยังไม่ออกมารับมืออีกเล่า” หมิงที่คอยสังเกตการณ์สถานการณ์รอบ ข้างทุกรอบด้านอย่างไม่หยุดหย่อน คำพูดพวกนั้น เรื่องราวพวก นั้น เป็นพวกเขาที่ปลุกปั่นกันขึ้นมา หมิงนึกว่า สำหรับสตรีนาง หนึ่ง ถ้อยคำพวกนั้นก็ถือว่าหนักหนาสาหัสพอแล้ว

“คงไม่ใช่ว่านางจะกลัวอย่างที่คนพวกนั้นพูดกันหรอกนะ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ไม่เคยได้เห็นโลกกว้างมาก่อน!” อู๋ห มิงพูดขึ้นอย่างคาดเดา ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ค่อยเชื่อข้อสรุปที่ ว่าหลงเส้าจิ๋นร้ายกาจมาก

“พวกข้าลงมือกันเองเลยเถอะ” พอหมิงกล่าวจบ เขาก็ตัดสิน ใจเช่นนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ