แม่ทัพหญิงของจวนหลง

บทที่ 5 ออกรบ (2)



บทที่ 5 ออกรบ (2)

“เอาล่ะคุณหนู พวกข้าออกเดินทางกันเถอะ!” หลิงเคลื่อนไหว อย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าในชั่วพริบตาที่หลงเส้าจิ้นพยักศีรษะ นางก็ใช้ทาปลาหลีฮือกระโจนขึ้นมาจากพื้น น้ำตาในดวงตา หยุดไหล โดยพลัน มายืนข้างกายหลงเส้าจิ้นราวกับคนที่ไม่ทุกข์ ร้อนอันใด

เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ หลงเส้าจิ้นเหงื่อตก ลอง ถามดูว่า ตอนใดที่สาวใช้ข้างกายตนสามารถแบ่งอนได้เช่นนี้

ไม่พูดอันใดให้มากความอีก หลงเส้าจิ้นก็ให้คนจูงม้ามาตัว หนึ่ง นางในยามนี้ก็ถึงเวลาที่ควรออกเดินทางได้แล้ว

“แยกย้ายกันเถิด แยกย้าย พวกข้าจะออกเดินทางกันแล้ว” เพราะก่อนหน้านี้หลิงโหวกเหวกโวยวาย หน้าประตูจวนจึงมี คนใช้ในจวนหลงมารวมตัวกันหนาแน่น ผู้หญิงไล่ออกไปทีละคน ให้คนใช้พวกนั้นสลายตัว

พลิกตัวขึ้นขี่หลังม้า หลงเส้าจิ้นหันศีรษะปราดตามองดูจวน หลงในยามนี้ ร่างกายของหลงลุยยังเปราะบางมาก ดังนั้น จึง ไม่ได้มาส่ง หันตัวกลับไป หลงเส้าจิ๋นก็ออกเดินทางไปรบ

ฝูหลิงมองคุณหนูของตนที่อยู่สูงส่งเหนือผู้คน คุณหนูในชุด ทหารแลดูใจกล้าอาจหาญ ความกระตือรือร้นราวกับลุกโชติช่วง ขึ้นมาในใจของนาง ใครบอกว่าเป็นสตรีแล้วสู้บุรุษไม่ได้เล่า คุณ หนูของพวกเขาเผยท่วงท่าสง่างามแล้วก็ดูโหดเหี้ยมพอตัวเลย“ยังไปอีกหรือเหม่อลอย อดน้ำเสียงเยือกสักหน่อยได้ จริง พาไปด้วยแล้วจะลำบากเปล่า หรือไม่

ผู้หญิงเก็บความคิดของไปโดยพลัน ลิ้นอย่างเล่น จากนั้นก็ตามหลังม้าศึกของหลงเส้าไปอย่างกระตือรือร้น

ที่ประตูผ่าเผย เรียงกองแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ประหนึ่งเป็น หมาป่าล่าเนื้อตัวเดียวกัน แววตาเกรียงไกร หากข้าศึกอยู่เบื้อง หน้า เกรงว่าคงจะถูกพวกฉีกเป็นชิ้น ๆ ได้ในชั่วพริบตา

เบื้องหน้ากองทัพ มีคนสวมเสื้อแพรเหลืองสดเตะตาไม่ทันเข้าไปใกล้ เส้าก็ใจเต้นแรง

ท้ายที่สุด ก็ได้กันแล้ว

หลงเส้าจิ๋นมองใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น เรื่องราวในอดีตชาติ ก็มาอยู่เบื้องหน้า

ในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ คนนั้นสัญญาตนจะรักกันชั่ว ฟ้าดินสลาย และในเมื่อไม่นานมาคนนั้นขับตนจากที่ ได้รับความอัปยศอดสู ความโปรดปรานใคร่ หรือปองร้ายทำลายช่างเถิด ในชาตินี้ หวังเพียงไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง อันอีก

หลงเส้าไม่ว่าตนเองใช้พละกำลังมากมายเพียงใดจึงทำให้ตนดูเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ นางขี่ม้าไปข้างหน้าอย่าง เฉยชา จนกระทั่งอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้นจึงลงจากม้ามาถวายบังคม “หม่อมฉันหลงเส้าจิ้นถวายบังคมฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมิ่นปี หมิ่น ๆ ปี

“ลุกขึ้นเถิด แม่ทัพหลงไม่ต้องมากมารยาท” จนหลินเย่มอง หลงเส้าจิ่นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตน สายตาที่สงสัยใคร่รู้มอง หลงเส้าจิ้นอย่างประเมินโดยไม่หยุดหย่อน

เหตุใดกัน เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรกแท้ ๆ เขากลับรู้สึกคุ้น เคยกับหลงเส้าจิ้นอย่างแปลกประหลาด ประหนึ่งว่าพวกเขารู้จัก กันมาเนิ่นนานแล้วอย่างไรอย่างนั้น จุนหลินเยตกใจกับความ คิดแปลก ๆ ของตน ทว่า กลับนึกไม่ออกว่าเกิดปัญหาขึ้นที่ใด

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกถึงไอแห่งความแค้นจากร่างของหลง เส้าจิ่นอีกด้วย แม้ว่าหลงเส้าจิ้นจะปกปิดไว้เป็นอย่างดี แต่ยังไม่ อาจหลีกพ้นการรับรู้ของเขาไปได้ เป็นถึงโอรสสวรรค์ ประสาท สัมผัสของเขาอยู่ในขั้นที่สามารถรับรู้ถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

ประหลาดเสียจริง ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ จุนหลินเก็ไม่ได้ แสดงอาการใดออกมาแม้แต่น้อย คนนอกมองดูแล้ว เขาเพียง แค่มีท่าทีของสุภาพบุรุษผู้หนึ่งที่ข่มขู่บ้างเอ็นดูบ้าง มีทั้งใจดีและ แข็งแกร่ง

แต่หลงเส้าจิ่น ฝ่ามือกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าเริ่มเปลี่ยน เป็นซีดขาว หลงเส้าจิ้น นี่เจ้าเปราะบางเช่นนี้เชียวหรือ หลงเส้าจิ๋นเหยียดหยามตนเองในใจไปหนหนึ่ง

“แม่ทัพหลง? เหตุใดถึงเหม่อลอยเช่นนั้นล่ะ”จุนหลินเยจ้อง หลงเส้าจิ้นอย่างไม่กะพริบตา

“ทูลฮ่องเต้ เหล่าทหารควรออกเดินทางแล้ว” หลงเส้าจิ้นไม่ พูดอันใดอีก พลิกตัวขึ้นขี่หลังม้าในทันใด สะบัดบังเหียนไปอยู่ เบื้องหน้าทหารชั้นยอดทั้งหมื่นนาย

ท่าทีเช่นนี้ของหลงเส้าจีน มีความเป็นเฉยตีตัวออกห่างได้ อย่างงดงามจริง ๆ กายสวมชุดทหารทั้งตัว ปรากฏเสน่ห์อันเป็น เอกลักษณ์ของนางให้เห็นเด่นชัด

ในชั่วพริบตา จุนหลินเย่มองจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทว่า ก็ปรับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ ได

จุนหลินเย่ให้คนหิ้วสุรามากาหนึ่ง ในจนเต็ม ส่งให้หลงเส้าจิ้น จอกหนึ่ง “ขอให้แม่ทัพหลง ชักธงรบก็ชนะศึก กลับคืนมา ในเร็ว วัน”

“ขอให้ทหารกล้าของข้าห้าวหาญนั่งพยัคฆา ปกป้องชาติบ้าน เมือง!” จากนั้นก็ยกแก้วให้กับทหารชั้นยอดหมื่นนายในทันใด กล่าวจบ จุนหลินเย่ก็ดื่มสุราในจอกหมดภายในอีกเดียว

“ปกป้องชาติบ้านเมือง!

“ปกป้องชาติบ้านเมือง!
“ปกป้องชาติบ้านเมือง!

ต้องบอกเลยว่า จุนหลินเยเป็นเจ้านายที่มีความสามารถใน การปลุกใจทหารมาก เขาพูดเช่นนี้ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ แก่ทหารชั้นยอดทั้งหมื่นนาย เพียงครู่เดียว คำขวัญปกป้องชาติ บ้านเมืองก็ทะลวงไปถึงขอบฟ้า ทรงพลังยิ่งนัก

หลงเส้าจิ้นก็ยกสุราดื่มในอีกเดียว “ขอน้อมรับคำมงคลของ ฮ่องเต้

หลงเส้าจิ้นหมุนตัว เผชิญหน้ากับทหารจำนวนมาก “แคว้น หลิวสืบทอดมาร้อยปี หรือว่าแคว้นเล็ก ๆ อย่างหานเช่นนั้นคิดจะ รังแกก็รังแกได้เล่า เหล่าทหารกล้าฟังคำสั่ง การออกรบครั้งนี้ จักต้องให้แคว้นหานเย่นชดใช้ เลือดต้องล้างด้วยเลือด ชำระ แค้นให้กับพี่น้องร่วมท้องของเราที่ต้องตายไป

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

ทหารกล้าจํานวนมากร้องตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน ตะโกน ความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในอกของพวกเขามานานออกมา! ด่าน ชายแดนของแคว้นถูกแคว้นที่เป็นศัตรูล่วงละเมิดย่ำยี พี่น้องท้อง เดียวกันเป็นร้อยล้านคนต้องตายอย่างอนาถบนลานทราย จะให้ พวกเขาไม่โกรธแค้น สงบจิตสงบใจอยู่ได้อย่างไรเล่า

ในเรื่องปลุกขวัญกำลังใจทหาร หลงเส้าจิ้นก็ได้เรียนรู้จากท่านพ่อมาไม่น้อย เห็นเหล่าทหารขวัญกำลังใจดีแล้ว หลงเส้า นก็สะบัดบังเหียนไปข้างหน้า ไม่หันไปมองจนหลินเยอีกแม้สัก

เศษดินปลิวว่อน ทหารชั้นยอดหมื่นนายค่อย ๆ เคลื่อนออกไป ไกล จนกระทั่งมองไม่เห็นร่องรอยใด ๆ

จุนหลินเยี่ยืนอยู่ที่เดิม ริมฝีปากบางเม้มแน่น จากนั้นก็คลาย ออกในทันใด มองไปยังทิศทางที่เหล่าทหารจากไป นัยน์ตา ลึกล้ำ ดวงตาทั้งสองข้างสงบนิ่งราวกับบ่อน้ำ ไม่มีคลื่นอันใด มารบกวนได้

หลงเส้าจิ่น ข้ารอให้เจ้าคว้าชัยกลับมา ข้าจะรอเจ้า ตลอดทางที่หลงเส้าจิ้นนำทัพเหล่าทหาร นางไม่กล้าโอ้เอ้แม้ สักนิด

คราวนี้ ด่านชายแดนที่พวกเขาต้องไปเป็นกองหนุน คือ ด่าน ชายแดนสุดขอบฝั่งตะวันออกของแคว้นหลิวที่ชื่อว่า ด่าน ชายแดนเมืองโม่ จากเมืองหลวงไปถึงที่นั่น หากรีบออกเดินทาง โดยไม่หยุดพักก็ต้องใช้เวลาเกือบสิบวัน

หลงเส้าจิ่นนำแผนผังเส้นทางการเคลื่อนทัพออกมาดูรอบแล้ว รอบเล่า ท้ายที่สุดก็วางลงอย่างหมดหนทาง ยามนี้เส้นทางการ เคลื่อนทัพของพวกเขาเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จากความเร็วของการเคลื่อนพล ในตอนนี้ ไปถึงที่นั่นอย่างน้อยก็ ต้องใช้เวลาเก้าวัน

“ฝูหลิง ประกาศคำสั่งลงไป ให้กองพลทั้งหมดตั้งค่ายพักผ่อนกันที่นี่” ดูสีท้องฟ้าแล้ว หลงเส้าจิ้นก็พลิกตัวลงจากหลังม้า กำชับ ลงไปในทันใด

พอจัดหาที่พักให้ทหารทั้งหมื่นนายเหล่านั้นได้แล้ว หลงเส้าจิ้น จึงจะมีเวลาเดินลาดตระเวนในค่ายทหาร เร่งเดินทางมาสิบกว่า ทหารพวกนั้นแต่ละคนล้วนมีท่าทีที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย เห็นหลงเส้าจิ้นเดินลาดตระเวนในค่าย แต่ละคนก็แสดงความ เคารพอย่างไม่สมัครใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็รีบนั่งพัก

“แม่ทัพของพวกข้าเดินตรวจสอบค่าย พวกเจ้าก็ทำท่าทีเช่นนี้ หรือ!” ไม่รู้ว่าเป็นคนที่เท่าใดที่แสดงความเคารพต่อหลงเส้าจิ้นอ ย่างขอไปที ในที่สุด ผู้หญิงก็โมโหแล้ว นางคว้าคอเสื้อของทหาร ผู้นั้นไว้ ก่อนยกทหารผู้นั้นขึ้น

หลงเส้าจิ๋นคิดจะห้าม แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ