บทที่ 6 ออกรบ (3)
“นี่มันอะไรกัน! พวกข้าเร่งเดินทางมากันทั้งวัน เหนื่อยจะแย่อยู่ แล้ว ยังจะหวังอะไรจากพวกข้าอีกหรือ!” ทหารผู้นั้นก็อารมณ์ร้าย นอกจากในชั่วพริบตาที่ถูกฟูหลิงยกคอเสื้อขึ้นมาเมื่อสักครู่จน ทำตัวไม่ถูกแล้ว ก็ตั้งสติขึ้นมาได้ในทันใด ต่อปากต่อคำกลับ เสียงดัง
ฟูหลิงโมโหจัด นางนึกไม่ถึงเลยว่า ทหารยศเล็ก ๆ ผู้หนึ่งจะ ทำตัวโอหังได้ถึงเพียงนี้ “กองทัพก็มีกฎเกณฑ์ของกองทัพ ใน กองทัพได้อนุญาตให้พวกเจ้าพูดจากับแม่ทัพเยี่ยงนี้หรือ อย่างไร!”
ฝูหลิงสังเกตเห็นเพียงว่าทหารเหล่านั้นไม่ให้ความเคารพหลง เส้าจิ่นเลย แต่กลับไม่รู้เลยว่า เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ หลงเส้าจิ๋น แลเห็นภัยพิบัติของกองทัพ ทหารไม่เชื่อฟังแม่ทัพ กองทัพจะถูก พ่ายแพ้แตกไม่เป็นขบวน
ทันใดนั้นเอง หลงเส้าจิ้นก็ขัดขวางฝูหลิงไว้ นางสายศีรษะใส่ฝู หลิง บอกเป็นนัยให้ฝูหลิงหยุด
ฝูหลิงมองคุณหนูของตนอย่างไม่เข้าใจ นางไม่รู้ว่าทำไมคุณ หนูถึงต้องมาทนกับคนพวกนี้ ในเมื่อเห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าคุณหนู เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ใช่ไหมเล่า?
“ไปเถอะ กลับไปที่กระโจมกัน” หลงเส้าจิ่นไม่พูดอะไรอีก หยุดการเดินลาดตระเวน
“ท่านแม่ทัพ! ท่าน ทำไมท่านถึง!” หลังโกรธจนพูดไม่ออก นางไม่เข้าใจเลย แม้คุณหนูของตนจะไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ ทว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของ คุณหนูในกองทัพหลังจากนี้ไป
หากว่าจัดการไม่ดี ในกองทัพบารมีและชื่อเสียงของคุณหนู
คงไม่เหลืออยู่สักนิดแน่!
ฝูหลิงเดิมทีก็เป็นสาวใช้ที่มองอะไรทะลุปรุโปร่ง ดังนั้น พอ เห็นท่าทีที่ทหารผู้นั้นมีต่อหลงเส้าจิ้นแล้ว นางจึงรู้สึกโกรธเป็น ฟืนเป็นไฟ บรรยากาศเช่นนี้ในค่าย หากไม่ข่มเอาไว้บ้าง คุณหนู ของนางก็อาจจะต้องตายบนลานทรายอย่างน่าอนาถ!
ผู้หญิงยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่น แต่คุณหนูมีคำสั่งลงไปแล้ว หาก ตนไม่เชื่อฟังคำบัญชาการ เช่นนั้น หลงเส้าจิ้นคงไม่มีบารมีอันใด อีกแล้ว ดังนั้น ฟูหลิงจำต้องตามหลังหลงเส้าจิ๋นไปอย่างอุ่นเคือง แต่ละก้าวที่เดินตามหลงเส้าจิ้นไปก็หันกลับมาถลึงตาใส่ทหาร ด้วย
กลับมาถึงที่กระโจม หลงเส้าจิ้นก็นั่งลงอย่างเอ้อระเหย “ฝู หลิง นั่งลงเถิด”
“เฮอะ!” ฝูหลิงโมโห นางไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดคุณหนู ของตนจึงอ่อนแอถึงเพียงนั้น
หลงเส้าจิ่นมองฝูหลิงที่โกรธไม่สบอารมณ์อยู่ ก็หยิบกระบอก น้ำออกมาด้วยตนเอง ไม่สนใจท่าทีที่ไม่สบอารมณ์ของสาวใช้ หลิง พอดื่มน้ำเสร็จก็นำกระบี่เล่มที่นางพกติดตัวไว้มาเช็ดทําความสะอาด
เก็บกระบี่เข้าในฝัก หลงเส้าจิ๋นเงยศีรษะขึ้น “เจ้ารู้สึกว่าคุณ หนูของเจ้าอ่อนแออย่างนั้นหรือ
“เปล่าเจ้าค่ะ คุณหนูอ่อนแอที่ใดกัน คุณหนูเป็นใต้เท้าไม่ ควรไปถือความผู้น้อย ไม่ควรไปยึดติดกับเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ อยู่แล้ว” ท่าทีของฝูหลิงดูฝืนธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง สองมือกอด ไว้ที่หน้าอก คล้ายกับ 3 ขี้โมโห
หลงเส้าจิ้นไม่กล่าวอันใด มองดูท่าทีของผู้หญิง นางก็เอ่ยเพียง “รีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ยังต้องรีบเดินทาง
“คุณหนู!” ฝูหลิงไม่สบอารมณ์ จ้องหลงเส้าจิ้นอย่างเข้มงวด
“เอาล่ะ เจ้าไปเถิด ข้าก็จะพักผ่อนแล้ว” หลงเส้าจิ่นประหนึ่งว่า ไม่เห็นท่าทีของผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น พอถอดเสื้อเกราะออก ก็ ขึ้นไปบนเตียงไม้ที่ท้ายกระโจมแล้ว
ฝูหลิงหงุดหงิดจนยืนกระทืบเท้า แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้ เพียงเดินจากไปอย่างเชื่องช้า กลับไปที่กระโจมนอนของตน
นี่เป็นคืนแรกที่หลงเส้าจิ้นเคลื่อนพลตั้งทัพ พวกเขาตั้งค่ายอยู่ ป่ารกร้างที่ห่างจากด่านชายแดนไปสามร้อยกว่า ค่ำคืนดึกดื่น ทหารจํานวนหลายนายยังคงหลับใหลอยู่ กลับไม่รู้ว่า ในค่าย ทหารนี้ มีคนผู้หนึ่งเดินไปมาจนทั่วทุกที่ วรยุทธ์ของคนผู้นั้นสูงส่ง ทหารที่เดินลาดตระเวนกลับไม่มีใครค้นพบเขาเลย
หลงเส้าจิ้นกำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีกระแสลมหายใจไม่จิ๋นสวมชุดลุกขึ้นในทันที ประสาทการรับรู้ทั้งหมดค่อย ๆ ถูกเปิดออก บุกเข้ามาธรรมดา
ตอนที่หลงเส้าจิ้นเตรียมตัวจะออกไปจับกุมคนที่บุกรุกเข้ามา
คิ้วของนางกลับขมวดเข้าหาแน่น
หาย หายตัวแล้วหลงเส้าตื่นตกใจ ใดกันแน่ ดึกดื่นมืดบุกเข้ามาในค่ายทหาร แต่กลับจากไป โดยไม่ได้อะไรทั้งนั้น
หลงเส้าจิ้นเดินไปนอนบนเตียงอีกครั้ง นอนทั้งสวม
คืนหลงเส้าจิ้นนอนไม่หลับอีกต่อไปแล้ว กองของนางถูก คนลึกลับนั้นจับตาดูเป็นปัญหาหนาของฝ่ายหากเป็นมิตรยังดี แต่หากเป็นศัตรู เช่นก็จัดการง่ายแล้ว
หลงเส้าไม่ได้นอนทั้งคืน และยังอีกคนหนึ่งไม่ได้นอนทั้ง คืนเช่นเดียวกันกับนาง
เจ้านาย เหตุใดจึงไม่ลงมือเล่า” หมิงมองที่ยืนอยู่เบื้อง หน้า ถามขึ้นอย่างพวกเขาหากระโจมแม่ทัพเจ้า
ที่ถูกเรียกว่าเจ้านาย สองมือไพล่หลัง แววตาลึกล้ำ เขามองสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป สถานที่นั้นคือที่ที่เขาเพิ่งรุกล้ำเข้าไป ก่อนหน้านี้ ที่นั่น คือกระโจมของหลงเส้าจิ้น แม่ทัพของทั้ง กองพล
“อู๋หมิง ฝีมือเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” คนที่ลึกลับถาม หมิงขึ้น
“เรียนเจ้านาย ในหมู่ผู้แสวงโชคสมัยนี้ หมิงก็เป็นรองแค่ เพียงผู้แสวงโชคหมายเลขหนึ่งคุณชาย ชวนเท่านั้น แต่คุณชา ยชวนก็หายตัวอย่างไร้ร่องรอยไปหลายปีแล้ว หมิงเชื่อมั่นว่า ตนมีความสามารถไม่ธรรมดา” หมิงไม่ได้แข็งกร้าวจนดูเย่อ หญิงหรือถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ แต่ก็ฟังออกได้โดยไม่ยากถึงความ ภาคภูมิใจที่ปิดไว้ไม่อยู่ในน้ำเสียงของเขา
อู๋หมิงกล่าวจบ เจ้านายผู้ลึกลับผู้นั้นกลับไม่ได้ตอบอันใด เขา มองไปยังที่ที่หลงเส้าจิ้นอยู่ พูดขึ้นอย่างทอดถอนใจว่า “คืนนี้ เจ้ารู้ไหม นับตั้งแต่เราสองเข้าใกล้กระโจมนั้น ข้างในก็มีกระบี่ เล่มหนึ่งคอยพวกข้าอยู่แล้ว เพียงแค่กระโจนเข้าไป ต่อให้ไม่ ตายในทันที แต่ก็คงไม่อาจถอยกลับมาในสภาพที่สมบูรณ์ได้”
“! ! !” หมิงตื่นตระหนก เขามองเจ้านายของตน ก่อนมองไป ยังกระโจมแม่ทัพแห่งนั้น แววตาไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้านาย ประสาทการรับรู้ของท่านอาจจะผิดพลั้งไปหรือเปล่า ข้าน้อย ไม่ได้สังเกตเห็นภัยคุกคามใด ๆ ในกระโจมนั้นเลย!” หมิงไม่อยากจะเชื่อ กำลังภายในของเขามีไม่น้อย ประสาทการ รับรู้ก็อยู่ในระดับไม่เลว จะเป็นไปได้อย่างไรที่มีคนถือกระบี่คอย เขาอยู่โดยที่เขาไม่รู้ตัว?
“หึหึ” ไม่พูดอันใดอีก คนลึกลับผู้นั้นก็มอง ข้าน้อย ของตน แล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไปในทันใด เขาประเมินคนผู้นั้นเกินไป แล้ว นับจากนี้ ต่อไปควรจะทำอย่างไร คงจะต้องหารือกันให้ ละเอียดรอบคอบ
“แม่ทัพหญิงผู้หนึ่ง จะเก่งกาจอย่างที่เจ้านายพูดจริงหรือ” อู๋ห มิงรู้สึกสับสน แต่เห็นเจ้านายตนลุกไปแล้ว เขาก็ไม่อาจรั้งอยู่ นาน รีบตามไปในทันใด
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะมีแสงรุ่งอรุณขึ้นที่ขอบฟ้า ฟ้าทางทิศ ค่ายทหารตั้งอยู่กลับมีบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความ กระตือรือร้น
“ไป ไป รีบออกเดินทาง!” ทหารพวกนั้นฝึกซ้อมกันมาเป็น อย่างดี พอเสียงแตรสัญญาณเริ่มออกเดินทางดังขึ้น ทุกคนก็ เตรียมตัวออกเดินทางกัน เริ่มเคลื่อนทัพได้ทันเวลา
หลงเส้าจิ่นที่อยู่บนหลังม้า สายตานิ่งลึกล้ำนั้นมุ่งเป้าไปยัง ทิศทางข้างหน้าอย่างแน่วแน่ นำทัพกองพลทหารกรีธาทัพไป อย่างช้า ๆ
ฝูหลิงติดตามอยู่ข้างหลังหลงเส้าจิ้น เดินทางย้อนแสงอาทิตย์ ที่เพิ่งจะขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ ในยามนี้ คุณหนูของพวกเขาดูดุจดั่ง เทพเจ้า รุ่งโรจน์เรืองรอง
หากว่าคุณหนูเป็นบุรุษแล้ว จะมีแม่นางในเมืองหลวงมากมาย ถึงเพียงใดที่ต้องยอมสยบให้กับความเพียบพร้อมของคุณหนู กัน!
คิดไปเพลิน ๆ ฝูหลิงก็ชักจะตามไม่ทันเริ่มทิ้งระยะห่างแล้ว พอ นางตั้งสติได้ หลงเส้าจิ้นก็เดินนำหน้าไปไกลลิ่ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ