แม่ทัพหญิงของจวนหลง

บทที่ 3 มีพระราชโองการมา



บทที่ 3 มีพระราชโองการมา

“เส้าจิ่น เป็นไรไป” หลงเส้าเห็นหลงเส้าจิ๋นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อ กับตัว จึงถามขึ้นในทันใด

หลงเส้าจิ้นสายศีรษะ ไม่ได้ตอบคำถามของหลงเส้าชี นาง มองท่านพ่อที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากแน่ใจแล้วว่าท่านพ่อไม่มี อันตรายถึงชีวิตก็กลับห้องของตนเองไป

เป็นไปได้อย่างไร หลงเส้าจิ๋นฉงนใจ นางนึกถึงเรื่องในอดีต ชาติขึ้นมาได้โดยไม่ตั้งใจ ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดไป เช่นนั้น พระราชโองการก็คงใกล้จะมาถึงแล้ว!

เป็นไปไม่ได้ หลงเส้าจิ้นสายศีรษะ เรื่องนี้กับเรื่องในชาติก่อน

เวลาไม่ตรงกัน ในอดีตชาติ ยามนี้ตนเองควรจะกำลังเตรียมงาน

วันเกิดให้ท่านพ่ออย่างลับ ๆ นี่

ไม่สิ! หลงเส้าจิ่นตื่นตกใจ ถ้าหากว่าคำนวณตามนี้แล้ว นับ ตั้งแต่เธอจัดเตรียมงานวันเกิดให้ท่านพ่อจนถึงตอนที่มีพระ ราชโองการลงมา อย่างน้อยก็มีระยะเวลาห่างกันเป็นครึ่งปีนี้

ยามนี้เป็นเดือนสามอยู่แท้ ๆ จะมีพระราชโองการมาในยาม นี้ได้อย่างไรกัน งานวันเกิดคุณพ่อจัดขึ้นในเดือนสามเป็นแน่ ทว่า พระราชโองการนี้กับเหตุการณ์ที่ท่านพ่อล้มป่วยนั้น ไม่ควร เกิดขึ้นในยามนี้เลยนี่!

หลงเส้าจิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตกใจ ราวกับว่ามีอะไรมาควบคุมชะตานางไว้อยู่ก็มิปาน

หลงเส้าจิ้นค่อย ๆ รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัว นางเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหน้าเตียงอย่างยากลำบาก เพิ่งจะถึง ขอบเตียง ร่างกายก็อ่อนยวบลง หมดสติไปในทันใด

ในพระราชวัง ที่ห้องทรงพระอักษร ร่างสูงใหญ่ ย่าสองร่าง ยืนเคียงกัน ราวกับว่ากำลังหารืออันใดกันอยู่

“เจ้าทำเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ นางจะนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้น

ได้จริงหรือไม่”

ผู้สวมเสื้อแพร ผมดำขลับดุจไหม หลุบตาลงตามอารมณ์ อย่างเกียจคร้าน หันไปมอง ใบหน้าหล่อเหล่าที่เดิมที่ควรชวนให้ คนรู้สึกตกตะลึง แต่กลับถูกหน้ากากเงินบดบังไว้จนมิด เห็น เพียงแค่ดวงตาคู่ที่ลึกล้ำนั้น ปราดตามองดู หากไม่ระวังให้ดีอาจ ถูกดึงดูดให้ถล่ลึกไปได้

คนที่พูดขึ้นก็คือคนผู้นี้ และที่เบื้องหน้าเขาก็คือฮ่องเต้ในยาม นี้ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งแคว้นหลิว จุนหลิว นามหลินเย

ส่วนเขา ก็เป็นพระอนุชาร่วมพระมารดาของจุนหลินเย่ และก็ เป็น อ๋องฝูเจิ้ง ผู้ที่ช่วยดูแลประเทษ) ในยามนี้ จุนหลิว นามจื่อซิว

“บ้านตระกูลหลงมาถึงรุ่นนี้แล้ว มีเพียงหลงเส้าจิ้นที่เป็นผู้มี ความสามารถ แต่น่าเสียดาย ที่นางเป็นบุตรสาว ทว่า หาก ปฏิบัติตนเยี่ยงผู้ปกครอง ยามที่ต้องโหดเหี้ยมโหดเหี้ยมได้ เป็นสตรีแล้วจะเป็นไรไป ข้าต้องการตะกรุด ในมือของบ้าน ตระกูลหลงชิ้นนั้น เพียงแค่ถ่ายทอดพระราชโองการไป ก็ไม่ต้องคิดว่าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแล้ว”

ในแววตาของจุนหลินเย่แฝงความเยือกเย็น พู่กัน ในมือหล่น ลง สีหมึกเปรอะบนผ้าไหมสีเหลืองสด จากนั้นก็เรียกคนรับใช้ หนุ่มคนหนึ่งมานำพระราชโองการไป

“ได้ยินมาว่าหลงเส้าจิ้นมีความสามารถมาก จ่อซิว เกรงว่าจะ ต้องให้เจ้าไปด้วยตนเองแล้ว” จุนหลินเย่หมุนตัวกลับ มองคนที่ มีรูปร่างใกล้เคียงกับตน แต่กลับดูเหมือนเป็นน้องชายผู้ที่เย็นชา และเหินห่างอยู่เสมอ เขาราวกับว่ากำลังใคร่ครวญอะไรบาง อย่างในหัวของเขา

จุนจ่อซิวพยักศีรษะโดยไม่กล่าวอันใด จากนั้นก็ออกจากห้อง ทรงพระอักษรไปในทันใด เขารู้ว่าเสด็จพี่ของตนอยากให้เขาทำ อะไร ไม่มีข้อคิดเห็นคัดค้านอันใด มีภารกิจมา ไปทำก็ถูกต้อง แล้ว

ห้องทรงพระอักษรอันโอ่อ่า หลังจุนจื่อซิวจากไปแล้ว ก็เหลือ จุนหลินเย่แต่เพียงผู้เดียว เขานำหยกแขวนในมือขึ้นมาชม นึกถึงคำที่ พระภิกษุสงฆ์ ในพระอารามหลวงพูดไว้เมื่อไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ ‘ลูกสาวมังกรจะเกิดมาในโลกนี้ วิญญาณไม่ธรรมดา จะทำร้ายทุกคนในโลกนี้ได้

ลูกสาวมังกร? ลูกสาวของบ้านตระกูลหลงอย่างนั้นหรือ วิญญาณไม่ธรรมดา? หึหึ หลงเส้าจิ้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้มีโอกาส ทำร้ายทุกคนในโลกนี้หรอก ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ประตูห้องทรงพระอักษรก็ปิดลงเสียงดังไฟในตะเกียงถูกเป่าจนถึงติดกึ่งดับ ภายใต้แสงไฟนั่น สีหน้า ของจุนหลินเยอึมครึมจนหวาดกลัว ฮ่องเต้ที่เยาว์วัยผู้นี้ ความ โหดเหี้ยมอำมหิตของเขาชวนให้ขุนนางในราชสำนักทุกคนรู้สึก ตกอยู่ในอันตราย เกรงว่าหากไม่ระวังก็จะถูกฆ่าเอาได้

แต่ครั้งนี้ อ๋องเต้ที่เยาว์วัยผู้นี้ เล็งหัวหอกไปยังบ้านตระกูลหลง ที่จิตใจซื่อสัตย์และจงรักภักดีมาหลายชั่วคน บ้านตระกูลหลงที่มี คุณูปการมากมาย

“มีพระราชโองการมา!” ที่ห้องโถงด้านหน้าจวนหลง วันที ใหญ่ผู้หนึ่งอยู่หน้ากลุ่มชนที่ชั้นผู้น้อย ยืนกันอยู่บนพื้นที่ของ จวนหลงอย่างเป็นระเบียบ มองกลุ่มคนที่นั่งคุกเข่าพวกนี้ ในแวว ตาของวันทีใหญ่แฝงประกายความไม่ยินดี

นี่เป็นพระราชโองการ บ้านตระกูลหลงเห็นสิ่งนี้เป็นอันใด กัน คนใหญ่ตระกูลหลงไม่อยู่กันสักคน ไม่เห็นราชสำนักอยู่ใน สายตา หากกลับไปแล้ว เขาจะส่งสาส์นกล่าวโทษให้ฮ่องเต้สัก เล่ม เพื่อรักษาอาการไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของบ้านตระกูล หลง

“หลงเส้าข้าน้อยนำพระราชโองการมา พวกท่านทำเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกัน” น้ำเสียงของวันทีใหญ่ร้ายกาจเป็น ที่สุด เขามองหลงเส้าชีและคนรับใช้บ้านตระกูลหลงที่คุกเข่าอยู่ ที่พื้นด้วยแววตาชั่วร้าย

หากไม่ใช่ว่าพระราชโองการมาด้วย เขาอยากจะสะบัด แขนเสื้อเดินจากไปจริง ๆ คนโปรดข้างกายฮ่องเต้อย่างเขาใต้เท้าคนพบเห็นแล้วไม่รีบก้มหัวประจบเอาใจบ้าง มีใครดังเช่นบ้านตระกูลกัน?

วันใหญ่คนข้างกายฮ่องเต้ที่คอยดูแลการกิจธุระ ต่าง ๆ ไม่เป็นกิจเล็กหรือกิจใหญ่ก็ล้วนแทบจะต้องไปก่อน จะไปถึงยังมือของฮ่องเต้ได้ ดังนั้น ขุนนางชั้น ผู้ใหญ่ราชสำนักต้องอกเอาใจประจบสอพลอเป็น ธรรมดา

แต่ต้องเลยว่า วันที่ใหญ่ผู้กับบ้านตระกูลนั้น ว่าเคยความแค้นต่อกันมา

มีครั้งหนึ่ง แม่ทัพบ้านตระกูลหลงหลงลุย ส่งรายงาน

สถานการณ์การรบขอร้องให้ฮ่องเต้ส่ง

กำลังเสริม เพียงแต่รายงานถึงใหญ่นี้ ก็ถูกชะลอไว้

เพราะมีสินบน ในยามที่ฮ่องเต้ได้อ่านจดหมายความ

ช่วยเหลือ กองทัพของแม่ทัพใหญ่หลงก็คว้าชัยชนะกลับมา

แล้ว

หมื่นนายของแม่ทัพหลง สุดท้ายเหลืออยู่ถึงห้าพันนาย บาดเจ็บตายกันมากถึงเพียงฮ่องเต้พิโรธมาก ท้าย ที่สุดสืบหาความต่อไป ขันใหญ่ถูกลงโทษสถานหนักที่ ควรจะเป็น

และก็เป็นครั้งนั้นขันถูกจนขาไปข้างหนึ่ง จนตอนนี้ เขาก็ยังคงเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ นั้นบัญชีนี้ เขารอชำระกับบ้านตระกูลหลงมาโดยตลอด

“หล็กงกง ต้องขออภัยจริง ๆ ท่านพ่อล้มป่วยหนัก ลุกไม่ได้ น้องสาวข้าก็ไม่อยู่ในจวนในยามนี้ ดังนั้น จำต้องให้ข้ารับพระ ราชโองการไว้เป็นการชั่วคราว ขอหลีกงกง โปรดอภัย” หลงเส้ ชีไม่ได้แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งหรือถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ คำตอบ ของเขารอบคอบไร้ซึ่งช่องโหว่

หลีกงกงเบะปากเล็กน้อย พูดอย่างดูแคลนในบัดดลว่า “หลง เส้า เจ้าเป็นใครถือสิทธิ์อันใดกัน พระราชโองการที่มอบให้ บ้านตระกูลหลงนี้ ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะรับมันไว้?”

คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญนักหรืออย่างไร หลงเส้าชีเป็นเพียง แค่บุตรที่บ้านตระกูลหลงรับมาอุปการะเลี้ยงดู มีใครในเมือง หลวงไม่รู้บ้าง เขาคนนี้จะรับพระราชโองการไว้ เหมาะสมหรือ?

น้ำเสียงเสียดสีชัดเจนถึงเพียงนั้น หลงเส้าชีแม้ว่าจะคุกเข่าอยู่ ทว่า มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นเป็นกำปั้น เส้นเลือด ปูด โปน ราวกับว่า ในวินาทีถัดไปก็สามารถพุ่งไปฆ่าหลี่กงกง ให้ตาย คาที่ได้

“หึ ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ ลูกเลี้ยงก็คือลูกเลี้ยงอยู่วันยังค่ำ เจ้านึกว่าเจ้าใช้แซ่ของบ้านตระกูลหลงแล้ว เจ้าก็จะเป็นหลงเส้าจิ๋ นอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! ฮ่า ๆๆ! พวกเจ้าว่าคนเช่นนี้ ใช่คนโง่ หรือไม่ ฮ่า ๆๆ!”

หล็กงกง หันไปหัวเราะกับเหล่าวันทีที่อยู่เบื้องหลังของเขา อย่างออกท่าที่มากเกินไป
“ฮ่า ๆๆ ใช่เลย ไม่รู้จักดูพื้นเพของตัวเองเสียบ้าง

“คนสภาพอย่างเจ้า ยังคิดสำคัญตัวอีก ฮ่าๆๆ!”

ขันที่ชั้นผู้น้อยพวกนั้นยิ่งพูด วาจาก็ยิ่งบาดหูขึ้นไปทุกขณะ แต่ละคนหัวเราะกันจนท้องแข็ง ตัวโยกไปมา ในช่วงชีวิตพวก เขา จะมีความสุขที่สุดก็ตอนที่เหยียบคนอื่นนี่แหละ

หลงเส้าชีเงยศีรษะขึ้น โทสะในตาของเขาลุกโชน เขาแทบจะ คุมสติตนเองไว้ไม่อยู่แล้ว

“หลี่กงกงมาประกาศพระราชโองการ แต่กลับมาเหยียดหยาม ขุนนางใหญ่ที่นี่ ประสิทธิภาพการทำงานเช่นนี้จะปฏิบัติกิจทัน หรือ?” หลงเส้าจิ่นที่แอบสังเกตการณ์อยู่ทางด้านหนึ่งเดินออก มา มองดูกลุ่มวันทีที่มีท่าทีภาคภูมิใจ นางเอ่ยปากขึ้นอย่างเป็น ชา น้ำเสียงหนาวเหน็บจนชวนให้คนฟังตัวสั่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ