แม่ทัพหญิงของจวนหลง

บทที่ 1 ปรากฏการณ์การเกิดใหม่



บทที่ 1 ปรากฏการณ์การเกิดใหม่

ผนังอิฐแดงกระเบื้องเขียว อิฐราชวงศ์ฉิน กระเบื้องเชิงชาย ราชวงศ์ฮั่น เสาสีม่วง คานหลังคาสีทองที่เรียงต่อกันเป็นชั้น ๆ ล้วนแลดูวิลิศมาหราอย่างเป็นที่สุด ทว่า ในสถานที่ที่คว จะ รุ่งโรจน์ชัชวาลแห่งนี้ กลับมีบริเวณหนึ่งที่แปลกแยกไปจาก สถานที่อันสว่างช่วงโชติ หันไปมองเพียงปราดเดียวก็ชวนให้รู้ สึกอึมครึมน่าสะพรึงกลัวเหลือประมาณ

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา สตรีแห่ง ตระกูลหลงที่ถูกทอดทิ้ง ด้วยความริษยาและความชั่วร้ายที่สร้าง ความยุ่งเหยิงวุ่นวายให้แก่พระราชวัง เดิมทีควรโดนลงทัณฑ์แล เนื้อเถือหนังนำไปย่างในกองไฟ ใช้รถดึงแยกร่าง ตัดเอวออก เป็นสองท่อน วันนี้สวรรค์มีเมตตา ประทานเหล้าพิษหนึ่งออกและ ผ้าแขวนคอ ให้เป็นพิเศษ ให้รีบจากไปในทันใด

เสียงเล็กแหลมของขันที่ดังขึ้นกลางห้องอันมืดมิดแห่งนี้ ใน มุมหนึ่งของห้อง มีสตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงนางหนึ่งนั่งอยู่อย่าง เงียบเชียบ วันทีที่เป็นผู้ถ่ายทอดพระบรมราชโองการนำเหล้า พิษและผ้าขาวไปวางไว้ที่เบื้องหน้าของหญิงสาว ก่อนเตะหญิง สาวทีนิ่งเงียบผู้นั้น

กลิ่นเหม็นคละคลุ้งจากห้องที่ลอยมาเป็นระยะ ทำให้ขันที่ผู้ ถ่ายทอดพระบรมราชโองการปิดปากและจมูกของตนเอาไว้แน่น มองหลงเส้าจิ่นที่สกปรกมอมแมมเกินทน คิ้วของเขาขมวดแน่นเคราะห์ร้ายเสียจริง นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาทำกิจเช่นนี้

“หากพวกเจ้าไม่มีธุระอันใดก็ไปได้แล้ว ขากลัวว่าสภาพตอน ตายของข้าจะน่าอดสูมากเกินไป แล้วพวกเจ้าจะตกใจกลัวจน นอนไม่หลับเอาได้” หลงเส้าจิ้นพูดเสียงต่ำ ขันที่ผู้นั้นเตะนางไป หลายหนถึงเพียงนั้น นางยันตัวเองขึ้นมาได้อย่างยากลำบากก็ ถูกเตะเกลือกกลิ้งลงไปอยู่ที่พื้นอีกหน

บนพื้นนั้น มีคราบเศษอาหาร อุจจาระคน ทั้งสกปรกทั้งเหม็น ทุกอย่างผสมปนเปกัน บางคราวยังมีหนอนชอนไชอยู่ข้างใน ด้วย

ดีที่หลงเส้าจิ้นมองไม่เห็น มิเช่นนั้น ภาพบรรยากาศเช่นนี้ จะ ให้นางยืนหยัดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

“หลงเส้าจิ่น เช่นนั้น ข้าน้อยขอตัวก่อน ยามโหย่วข้าน้อยจะ หาคนมาเก็บศพของท่านเอง ขอให้ท่านจงไปสู่สุคติเถิด” ขันที่ผู้ นั้นถวายคำนับหลงเส้าจิ้น “หลงเส้าจิ่น นี่เป็นความเมตตาของ ราชวงศ์ หลังจากถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็อย่าได้มาหลอกหลอน ขุนนางตัวเล็ก ๆ อย่างพวกข้าเลย” จากนั้นจึงพาเหล่าวันทีที่ ติดตามมาออกจากห้องไปในทันใด

แม้จะพูดว่าเป็นห้อง แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ เป็นผนังอิฐดินเผาล้อมทั้งสี่ด้าน ส่วนด้านบนมีหญ้าฟางคลุมไว้ เท่านั้น สถานที่แห่งนี้คือวังเย็นที่อ้างว้างที่สุดในพระราชวัง

ขันทีเหล่านั้นจากไปแล้ว ในห้องแห่งนี้ก็มีเพียงเสียง เคลื่อนไหวของ “เพื่อนเก่า” พวกนั้นของหลงเส้าจิ๋นดังเดิม
เมื่อเหล่าขันทีพวกนั้นออกไปจนหมด หลงเส้าจิ้นจึงเงยศีรษะ ขึ้นมา

ใบหน้าซีดขาวไร้ซึ่งสีเลือด บริเวณดวงตาที่เดิมทีควรสดใส เปล่งประกายนั้น ถูกแทนที่ด้วย โพรงเลือดใหญ่ ๆ สองโพรง ไม่รู้ ว่าเป็นเพราะเหตุใด ภายใต้เนื้อหนังที่ซีดขาวสามารถมองเห็น บางอย่างที่ขยุกขยิกไปมาไม่หยุดอยู่รำไร นั่นคือหนอนแมลงวัน ที่เกิดจากเนื้อหนังที่เน่า

หลงเส้าจิ้นขยับตัวเล็กน้อย ทว่า ขยับเพียงเท่านั้นก็พาให้ กุญแจมือและโซ่ตรวนที่อยู่บนตัวนางขยับตามไปด้วย ห้องที่ เงียบสงัดนี้มีเสียงสายโซ่กระทบกันดังขึ้น

เมื่อมองต่ำลงไปอีก บริเวณเข่าของหลงเส้าชิ้นนั้นเต็มไปด้วย คราบเลือด บริเวณหน้าแข้งก็ดูผอมแห้งผิดปกติ มองเห็นเพียง สิ่งที่เป็นเส้นยาว ๆ ซึ่งก็คือเท้าทั้งสองข้างของนาง

“แกร๊ก แกร๊ก~”

ตาของหลงเส้าจิ่นมองไม่เห็น เท้าก็ไร้ความรู้สึกไปนานแล้ว

ทว่าได้ยินเสียงเหล่านี้ นางกลับรู้ว่า “เพื่อนเก่า” พวกนั้นของนาง

กำลังมาแล้ว ที่วังเย็นในระยะนี้ “เพื่อนเก่า” พวกนี้มาเยี่ยมเยือน

นางทุกวัน พร้อมทั้งยังมากัดกินเนื้อหนังอันน้อยนิดของนางไป

ด้วย

แม้เสื้อผ้าบนตัวนางจะเปื่อยยุ่ยขาดวิ่น แต่ยังดีที่ยังคง สามารถบดบังเนื้อหนังบางส่วนไว้ได้

ปลายขากางเกงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดนั่น เหลือเพียงโครงกระดูกขาวแข็ง ๆ สองท่อน “เพื่อนเก่า” มาเยี่ยมเยือนกันทุกวัน ขาทั้งสองข้างของนางต่อให้มีเนื้อหนังมากกว่านี้ก็คงรับไว้ไม่ไหว หลงเส้าจิ้นอยากหาอะไรดื่ม มือทั้งสองข้างกวาดหาของบน พื้นอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่า สิ่งที่เธอยื่นออกมานั้น ไหนเลยจะ

เรียกว่ามือได้?

นิ้วทั้งห้าขาดวิ่นตั้งแต่โคนนิ้ว ข้อปลายนิ้วที่ฝ่ามือถึงข้อมือที่ บวมโต บาดแผลกลายเป็นสีดำจนมองสภาพเนื้อหนังที่แท้จริงไม่ ออกแล้ว

หลงเส้าจีน ในสภาพนี้ ช่างดูน่าเวทนาเป็นที่สุด ทว่า แม้จะอยู่ ในสภาพนี้แล้ว นางก็ยังคงไม่อยากตาย ไม่อยากจะต้องตายไป เช่นนี้

จนกระทั่งช่วงก่อนวันที่เหล่านั้นจะออกไปได้มาแอบมากระ ซิบกระซาบที่ข้างหูนางว่า วันนี้ฮ่องเต้ไปเผาบ้านตระกูลหลงแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลถูกริบเป็นของหลวง จวนหลง มีโทษ ประหารเก้าชั่วโคตร ในแคว้นยู่หลิวนี้จะไม่มีบ้านตระกูลหลงอีก ต่อไปแล้ว

“ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆ! บ้านตระกูลหลงถูกเผา จุนหลินเย่ เจ้าไม่ สนใจมิตรภาพระหว่างเราเลยสักนิด มาตัดความสัมพันธ์กันเช่น นี้! ข้าหลงเส้าจิ่นขอสาบาน! ต่อให้ตายกลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อย เจ้าไป! ต่อให้กลายร่างเป็นวิญญาณร้ายก็จะมาทำลายผู้ยิ่งใหญ่ อย่างเจ้า! ทําลายเจ้าเสีย!”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของหลงเส้าจิ้น แม้จะมีน้ำไหลออกมาสองสาย ทว่า นั่นกลับไม่ใช่น้ำตาแต่เป็นเลือดสด ๆ เลือดสีแดงสดร่วงลงบนพื้น กลายเป็นบุปผาโลหิต แลดูคล้าย กับหลงเส้าจิ้นในยามนี้ แม้สิ้นหวังแต่กลับสวยงามยั่วยวนใจ

ในวังเย็น มีเสียงแหลมอันโศกเศร้าแสนรันทดลอยมา ทำให้ นางกำนัลและวันทีที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างตกใจกลัวจนไปแอบหลบอยู่ ในมุมด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว สายตาของพวกเขามอง ไปยังเรือนที่อดีตฮองเฮาพำนักอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน โดยมิได้ นัดหมาย ในแววตามีความหวาดหวั่นและเวทนา

ตามมาติด ๆ เป็นเสียงวัตถุหนักหล่นกระทบพื้น เสียงหัวเราะ อันขมขื่นของคนที่น่าขยะแขยงผู้นั้นหยุดลงในทันใด ไม่มีแล้ว เสียงโซ่ตรวนลากพื้น ในห้องนั้น ไม่มีเสียงใดๆ อีกต่อไป

หลงเส้าจิ้นจากไปอย่างอาฆาตแค้น ที่น่าแปลกก็คือ ในวังเย็น ไม่พบศพของนางเลย ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ล้วน เป็นเพียงภาพลวงตา ราวกับว่านางไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอย่างไร อย่างนั้น จนกระทั่งในภายหลัง วังเย็นนี้ก็มีเรื่องเล่าประหลาด ๆ อยู่ไม่น้อย

เจ็บ! ยังไม่ทันลืมตา ความรู้สึกแรกของหลงเส้าจิ๋นคือความ เจ็บปวดอย่างที่สุด รวดร้าวอย่างยิ่ง นางยืนยกเปลือกตาอันหนัก อึ้งของตนเอง แสงทแยงเข้ามาในตาของเธอ จึงออกแรงหลับตา ลง จากนั้นจึงพยายามปรับสายตา ให้คุ้นชินกับแสงอย่างช้า ๆ พลางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

พอลืมตาขึ้นดี ๆ แล้ว ในหัวของหลงเส้าจิ๋นก็ว่างเปล่า ยิ่งลืมตาขึ้นตาของนางก็ยิ่งเบิกกว้าง พอเห็นสภาพรอบข้างแล้ว ภาพทุกอย่างเบื้องหน้านี้กลับทำให้นางไม่กล้ากะพริบตา

นี่มัน เกิดอะไรขึ้น?

บน ล่าง ซ้าย ขวา นางใช้สายตาประเมินทุกซอกทุกมุมใน ห้องนี้ หลงเส้าจิ๋นบิดขี้เกียจก่อนลุกขึ้นนั่ง แต่พอลุกนั่ง ก็ราวกับ ว่าไปกดทับเส้นประสาทสักเส้นอย่างไม่ตั้งใจ ความเจ็บปวดวิ่ง ขึ้นสมอง ราวจะฉีกสมองของนางให้ขาด

“อ๊า!” หลงเส้าจิ๋นเจ็บจนอดร้องเสียงดังไม่ได้

หลงเส้าจิ้นสองมือกุมศีรษะ นอนลงช้า ๆ จนกระทั่งผ่านไปพัก หนึ่ง ความเจ็บปวดเหล่านั้นจึงค่อย ๆ บรรเทาไป พอลืมตาขึ้นอีก หน ในหัวของนางจึงปลอดโปร่ง

นางยื่นมือทั้งสองของตนออกมา มืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์จน ทำให้แววตาของนางมีประกายความแปลกใจ ค่อย ๆ ยื่นเท้าทั้ง สองออกมา ข้างบนนั้น ไม่มีคราบเลือดใด ๆ เท้าทั้งสองของนาง ก็ยังอยู่ดี

ปัง!

หลงเส้าจิ้นยังไม่ทันตั้งสติได้ ประตูห้องของนางถูกกระแทก เปิดออก เผชิญหน้ากับสาวใช้สวมชุดสีเขียวครามผู้หนึ่งที่พุ่งตรง เข้ามาในอ้อมอกนาง

“คุณหนู! เป็นอะไรไป! เกิดเรื่องอันใดขึ้น!! สาวใช้คนนั้น มองหลงเส้าจิ่นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ลูบหลงเส้าจิ๋นไปทั่วร่าง
หลังแน่ใจแล้วว่า หลงเส้าจิ้นไม่มีความผิดปกติอันใด สาวใช้

ผู้นั้นจึงหยุดมือ แต่พอหยุดมือ นางก็มองเห็นสายตาที่หนาวเหน็บจนฆ่าคน

ใต้ของหลงเส้าจิ้น

“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนู ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว!” สาวใช้ผู้นั้น คุกเข่าลงอย่างรีบร้อน หลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าขยับตัวอีก

ฝูหลิงก้มศีรษะลง แอบโมโหกับความเลินเล่อของตน ลืมไปได้ อย่างไรว่าคุณหนูไม่ชอบให้ใครไปประชิดตัวตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมคนถึงได้ผลีผลามจนลืมไปหมดเช่นนี้ ทว่า เสียงกรีดร้อง ของคุณหนูก็น่าตกใจจริง ๆ ด้วยความร้อนใจจึงทำให้นางทำผิด พลั้งไป!

หลงเส้าจิ้นไม่ได้สนใจสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าหลังตรงอยู่แม้แต่ น้อย ในหัวของนางยังคงไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลับตาลงก่อนลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง พยายามยืนยันอะไรบาง อย่าง พอนางตั้งสติได้แล้ว รอบกายกลับมีรังสีบางอย่างที่กันไม่ ให้คนแปลกหน้าเข้าไปใกล้

“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ข้างกายข้าตั้งแต่เมื่อใด” สายตาของ หลงเส้าจิ่นมีความโหดเหี้ยม นางมองสาวใช้ที่อยู่บนพื้น นางไม่ เคยพบสาวใช้คนนี้มาก่อน หรือว่า มีวงไหนส่งคนมาลอบทำร้าย นางกัน

“คุณหนู ข้าน้อยฝูหลิง เติบโตมาพร้อมกันกับท่านตั้งแต่ยัง เล็ก!” ฝูหลิงรู้สึกฉงนใจ ทว่า ยังคงตอบคำถามไปตามจริง นางคิดจะเงยศีรษะดูว่าคุณหนูเป็นอันใดกันแน่ แต่ก็หวาดกลัว สายตาเย็นชาของหลงเส้าจิ้น จึงต้องคุกเข่าก้มศีรษะต่อไป ฝูหลิงอย่างนั้นหรือ หลงเส้าจิ๋นฉงนใจ เติบโตมาพร้อมกันกับ

ข้าตั้งแต่ยังเล็ก? ข้างกายขาไม่มีสาวใช้คนนี้นี่ “ยามนี้เป็นปีใด

ใครเป็นผู้ปกครอง”

“เรียนคุณหนู ยามนี้เป็นปีที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อู่หลิว ฝ่าบาทจุน หลิว เป็นผู้ปกครอง” ผู้หญิงไม่กล้าถามว่าทำไม ทำได้เพียงตอบ ไปเช่นนี้ นางถูกหลงเส้าจิ้นทำให้ตื่นตกใจจนแทบจะหายใจ ไม่ทันแล้ว จะมีเวลาไปคิดถึงคำพูดที่แปลกประหลาดของหลง เส้าจิ่นที่ไหนกัน

หลงเส้าจิ๋นนิ่งไม่ขยับ ในใจแอบใคร่ครวญข้อมูลสั้น ๆ ที่หล งบอกกล่าว หากว่าที่ผู้หญิงพูดเป็นเรื่องจริง ยามนี้ก็เป็นปีที่หนึ่ง แห่งราชวงศ์อู่หลิว มีจุนหลิวเป็นผู้ปกครอง เช่นนั้น นางก็อายุ 16 ปี เป็นครั้งแรกที่ได้ออกรบ ออกปราบข้าศึกในวัย 16 ปี

ถ้าเรื่องราวเหล่านี้เป็นความจริง เช่นนั้น ก็อาจจะหมายความ ว่า นางหลงเส้าจิ้นยังไม่ตาย และนี่ก็คือการเกิดใหม่เช่นใน ต่านาน

นี่ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ