เล่ห์รักกลกาล

ตอนที่ 3



ตอนที่ 3

ดวงใจอ่อนไหวและอ่อนแอ

เยี่ยเมียหันหน้ามองศพเกลื่อนพื้น สามารถเอาชีวิตคน มากมายขนาดนี้ ในใจต่อให้ไม่เข้มแข็งดุจวัวถูกก็ไม่มีทาง เกี่ยวพันกับคำว่าอ่อนแอแน่

แต่ว่าเขา บาดเจ็บ หรือเปล่า จุดนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขต ความใคร่ครวญของเธอ

ต่อให้รู้สึกถึงจิตสังหารจากด้านหลัง รู้ว่าผู้ชายคนนั้นอาจ ลงมือกับตน เธอก็ยังไม่หันกลับไป สาวเท้าไปด้านหน้า

กระแสเสียงของเยี่ยเมียยังสงบดั้งเดิม “ถ้าจิตใจอ่อนแอ เกินไป คุณสมควรถูกทำร้ายบ้าง เพื่อยกระดับจิตใจของตนให้ เข้มแข็งขึ้นมา อีกอย่างอย่าได้ดูถูกจิตใจของตนเกินไปนัก ไม่ แน่ว่ามันอาจจะเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้มาก อย่างน้อยในสายตา ฉัน มันก็ไม่ได้อ่อนแออะไรขนาดนั้น”

อวี่เหวยมุมปากกระตุก จ้องมองแผ่นหลังของเยี่ยเม่ย นี่ นางกำลังใจดีปลอบโยนเตียนเซียหรือ

สายตาเปียเงินเสียเยี่ยนฉายแววประหลาดใจ ต้องเงา หลังเบี้ยเมียที่เดินห่างออกไปสิบกว่าก้าว

ลมปราณเตรียมเข่นฆ่ากลางมือค่อยจางลงในชั่วพริบตาเขายกมืออย่างสง่างาม คล้ายสายลมอ่อนในฤดูใบไม้ผลิก่อ ตัว พัดเป็นลมวูบหนึ่ง

สายลมที่ดูอ่อนโยนกลับทำให้เยี่ยเม่ยขมวดคิ้วแน่น

เธอพบว่าขาของตนเวลานี้คล้ายถูกตรึงไว้ ไม่อาจก้าวต่อ ไปได้ ร่างกายถูกสายลมคล้ายอ่อนโยนสายหนึ่งหยุดรั้ง หาก เธอยืนไม่มั่น อาจถูกดึงดันให้ถอยกลับไปหลายก้าว

เธอหันขวับกลับไปมองเขา

ทว่าไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสอง เผชิญหน้ากัน ระยะห่างไม่เกินครึ่งก้าว

เยี่ยเมียใจกระตุก เขาถึงกับเข้าใกล้เธอโดยไม่ให้สุ่มให้

เสียง นั่นหมายความว่าอย่างไร

สิ่งเดียวที่บอกได้ก็คือความสามารถของเขาไม่น้อยกว่า เธอ ถึงกระทั่งสูงกว่าเธอด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือ สายลมนั้นคืออะไรกันแน่ พลัง

พิเศษอย่างนั้นเหรอ

ระหว่างเธอกำลังสงสัย ผู้ชายเบื้องหน้าค่อยๆ ยื่นมือออก

มา

สายตาเป็นประกายเย็นเยียบ เพียงเสี้ยววินาทีมีดสั้นใน แขนเสื้อก็กวัดแกว่งอยู่เบื้องหน้าเขา

ส่วนใบหน้างดงามราวปีศาจของเขานั้นพลันปรากฏรอย ยิ้มสนุกสนานขึ้นมา เรียวนิ้วดุจหยกสลักรวบข้อมือของเยี่ยเม่ยด้วยความรวดเร็ว

เขาออกแรงกระชากครั้งเดียวดึงเขี่ยเม่ยเข้ามาอยู่ใน

อ้อมอก

เขาคลายมือที่ถือมีดสั้นของเธอ รั้งเอวเยี่ยเมียไว้ ส่งผล ให้มีดสั้นในมือเขี่ยเม่ยขวางอยู่ที่หว่างเอวเขา ทว่าเขาไม่ใส่ใจ

เยี่ยเม่ยกระแทกถูกร่างกายของเขารับรู้ถึงกล้ามเนื้อทรง พลัง เธอสมาธิแตกซ่าน กลิ่นอายบุรุษเพศพุ่งเข้ามาปะทะ กลิ่น อายชั่วร้ายทว่าสง่างามแต่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ราวกับยาพิษ มีพลังดึงดูดอย่างแรงกล้าสายหนึ่ง

เธอยังไม่ทันได้สติ เขาก็ใช้มืออีกข้างเชยคางเธอขึ้นมา

ทั้งสองจ้องหน้ากัน

อากัปกิริยาสง่างามของเขา ทว่าใบหน้ากลับเผยความชั่ว ร้ายเหมือนปีศาจ เอ่ยช้าๆ “แม่นาง ยามไร้กำลังเอาชนะ บางที เจ้าสมควรใคร่ครวญที่จะเก็บเขี้ยวเล็บแหลมคมของตนเสีย อย่างไรก็ตามเยี่ยนเป็นคนใจเสาะ หวังให้โลกสงบสุข เกรง กลัวอาวุธคมดาบ”

พูดจาเช่นนี้ ทว่าบนร่างเขามีวี่แววของความใจเสาะที่ไหน

เยี่ยเมียกลับเห็นสายตาของเขามีประกายสนใจเพิ่มขึ้น มีดสั้นอยู่ระหว่างเอวเขา หมุนควงในมือ เก็บกลับเข้าแขน

เสื้อ
ผู้ชายคนนี้น่าสนใจไม่น้อย แน่นอนว่าหมายถึงก่อนที่เขา ใช้คำพูดพัวพันเธอแบบนี้

เยี่ยเม่อมองเขา เธออยู่ในอ้อมกอดเขา กลับไม่รีบร้อน ถอยห่าง เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ถ้าใจเสาะจริง คุณก็อ่านเรื่อง สยองขวัญให้มากหน่อย สามารถช่วยเพิ่มความกล้าได้ ดูท่า คุณไม่ตั้งใจจะแลกชีวิตกับฉัน ถ้าอย่างนั้น…พูดมาเถอะ คุณจะ เอายังไงกันแน่”

อวี้เหว่ยได้ฟังมุมปากกระตุกขึ้น องค์ชายสี่ของเขาเป็นคน น่ากลัวที่สุดในสายคนทั้งใต้หล้า ยังต้องอ่านเรื่องสยองขวัญ เพื่อเพิ่มพูนความกล้าอีกด้วยหรือไร

ขณะที่เปียเงินเสียเยี่ยนกำลังจะเอ่ยปาก พลันได้ยินเสียง

ฝีเท้าดังขึ้นมา

ไม่ช้าทหารจำนวนมากพุ่งออกมาจากทั่วสี่ด้านแปดทิศ ยังมีผู้นำเป็นแม่ทัพสองคน

แม่ทัพดูแข็งกร้าวผู้หนึ่ง ใบหน้าดูมีคุณธรรม นอกจากดูมี คุณธรรมแล้ว ยังมีอารมณ์โกรธขึ้ง

เขาหยุดลงที่เบื้องหน้า คนทั้งหมดคุกเข่าลง “องค์ชายสี่

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดสายตามองพวกเขา คลายมือที่ โอบเขี่ยเม่ยออก สายตาปีศาจจองเธอ สีหน้าน่าชมทั้งเย้ายวน “คนงาม ก่อนขาหมดความสนใจเจ้า อย่าได้หนีห่างจาก สายตาขา อย่างไรเสียความอดทนของข้ามขีดจำกัด มีขีด จำกัดเป็นพิเศษ ไม่ชอบเล่นแมวจับหนู
เยี่ยเมยย่อมเข้าใจการข่มขู่ในน้ำเสียงเขา ทว่าไม่มี อารมณ์เอาเรื่อง ใครเป็นหนูใครเป็นแมวยังไม่แน่

เธอหันกลับไปมองเหล่าทหารคุกเข่าอยู่เต็มพื้น

ทหารส่วนมากอดใจแอบมองไปทางเปียเงินเสียเงี่ยนไม่

ได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ตัวสั่น

เยี่ยเม่ยเห็นคนทั้งหมดหวาดกลัว สายตามองไปยังบุรุษ รูปงามราวปีศาจ นอีกครั้ง เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี “ที่นี่คือที่ไหน กัน ตอนนี้เป็นช่วงสมัยไหน

เบี้ยเงินเสียเยี่ยนไม่ย้อนถาม นัยน์ตาใสกวาดมองนาง น้ำเสียงอ่อนโยน “ที่นี่คือชายแดนระหว่างเบี้ยเงินกับต้ามั่ว ตอนนี้หรือ ข้าขอคิดดูก่อน อืม เป็นปีที่สามร้อยยี่สิบหลังจาก สถาปนาราชวงศ์เป่ยเฉิน”

เยี่ยเมียมั่นคิ้ว ราชวงศ์เป่ยเฉินเหรอ นี่เธอย้อนเวลาแล้ว จริงๆ เหรอเนี่ย

แม่ทัพหน้าตาโมโหโทโสคุกเข่าอยู่ที่พื้นได้ฟังถึงตอนนี้ก็ อดเอ่ยเดือนขึ้นไม่ได้ว่า “เดี๋ยนเซีย ตอนนี้เป็นปีที่สี่ร้อยเจ็ดสิบ หลังจากสถาปนาราชวงศ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ

เขาพูดประโยคนี้จบ เบี้ยเงินเสียเยี่ยนก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น

เขายังคงจัดแจงชุดตัวเองด้วยท่วงท่าน่าชม มุมปาก กระตุกยิ้ม เอื้อนเอ่ยว่า “อ้อ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ สำคัญนักหรือไร สถาปนาราชวงศ์มากี่ปีแล้ว ก็แค่ตัวเลขเท่านั้น คนที่ไม่ลืม เลือนผลงานของของผู้อาวุโสในอดีตจำนวนนับไม่ถ้วนล้วน หมกมุ่นกับอดีต แต่ตัวข้านั้นไม่เหมือนกัน คนมีความสามารถ สายตามองการณ์ไกล คนไร้ความสามารถไม่อาจลืมอดีตได้ แม่ทัพหยวน เจ้าไม่มีความคิดก้าวหน้าเช่นนี้ สำนึกผิดหรือยัง”

อวี่เหว่ยกลอกตา คิดในใจ “เตียนเซีย ไม่รู้ท่านยอมรับว่า ตนเองจําผิดไปเลยดีกว่า

เยี่ยเม่ยกระตุกมุมปาก เห็นท่าทางไม่คล้ายแสดงละคร ของพวกเขา เริ่มใช้ความคิด ย้อนเวลาแล้ว อยู่ในยุคสังคม ศักดินา ผู้ชายคนนี้ยังเป็นองค์ชาย ทั้งยังมีเหล่าทหารอยู่ที่นี่ ก้าวต่อไปเธอควรทําอย่างไรดี

ในระหว่างใช้ความคิด สายตาคมกริบของเธอก็เห็นนาย ทัพที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพหยวน เส้นเอ็นที่ขมับปูดบวมเต้นตุบตับ ด้วยความโกรธเพราะคำพูดของเบี้ยเงินเสียเงี่ยน

แม่ทัพหยวนหน้าคล้ำลงไป ในที่สุดก็กัดฟันก้มหน้า น้ำ เสียงโมโห “หากเตียนเซียต้องการเอาผิด ข้าน้อยไม่มีความ เห็น แต่ทว่าทหารต้ามั่วบุกประชิดเมือง เดี๋ยนเซียช่วยอธิบาย หน่อยได้หรือไม่ เมื่อคืนท่านสั่งการอย่างชัดเจนว่า เช้าวันนี้ เตรียมกำลังพล ท่านนำทัพออกเมืองไปรับศึก เหตุไฉนเช้านี้ ข้า กับเหล่าทหารเตรียมพร้อมแล้ว เดี๋ยนเซียยังไม่ปรากฏกาย ท่านยังอยู่ที่นี่อีก

ทั้งๆ ที่ขอเพียงเตี้ยนเซียแสดงฝีมือ ด้วยความสามารถของเขา ต่อให้เตียนเซียยืนบนกำแพงเมือง พวกตามั่วกลุ่มนั้น ต้องหวาดกลัวจนปัสสาวะราด แต่ทว่า…ช่างเถอะ เขาลืมไปได้ อย่างไรว่าอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร แต่ในสายตาของแม่ทัพที่เห็น ผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาอันดับแรก ความโกรธเขา กล้ำกลืนไม่ลง

เบี้ยเงินเสียเยี่ยนชะงักไป กลับเลิกคิ้ว มองอวี้เหว่ย “เมื่อ คืนผ้าสั่งการไปจริงหรือ

“สั่งการไปจริงพ่ะย่ะค่ะ” อวี้เหว่ยสีหน้าเย็นชา เช้าวันนี้เขา เตือนเตียนเซียแล้ว แต่ยามนั้นเตี้ยนเซียตอบเขาว่าอย่างไรกัน

อ้อ จริงสิ เตี้ยนเซี่ยตอบว่า “ทหารบุกประชิดเมือง เรื่องน่า เบื่อเช่นนี้ วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์ใส่ใจ

เบี้ยเงินเสียเยี่ยนได้ฟังก็โคลงหัวยิ้มแย้ม มองแม่ทัพ หยวน เอ่ยด้วยเสียงไพเราะว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เขียน ใคร่ครวญมาทั้งคืน รู้สึกว่าเรื่องนำทหารรับข้าศึกจะทำให้ ทหารส่วนหนึ่งล้มตายท่ามกลางสงคราม ทำให้ครอบครัวของ พวกเขาเสียใจสิ้นหวัง เนื่องจากความรักห่วงใยเหล่าทหาร เช้า วันนี้ข้าจึงไม่ปรากฏกาย ยามนี้เขียนถูกแม่ทัพหยวนซักไซ้ เอาผิด เหตุไฉนความเมตตากลับไม่ได้รับผลตอบแทน ไฉน ความรักห่วงใยถึงได้ถูกบิดเบือน เหตุไฉนศีลธรรมของเยี่ยน ในสายตาพวกเจ้าคือความต่ำช้าเสียเล่า แม่ทัพหยวน ยอมรับ เสียเถอะ เจ้ารีบร้อนออกรบเช่นนี้ ก็ทำเพื่อตอบสนองใจที่อยาก ได้ผลงานของเจ้าเท่านั้น ใช้ชีวิตของเหล่าทหารแลกเปลี่ยนกับ อนาคตของเจ้า เจ้าไม่รู้สึกผิดหรือไร
แม่ทัพหยวนกระตุกไป โมโหเขาเสียงจนหน้าแดงก่ำ “กระหม่อม… ” เขาอึกอัก กลับพูดไม่ออกสักคำ

บ้านเมืองมีภัยอยู่ต่อหน้า ต้องการให้พวกเขานำทัพออก ศึกอย่างแท้จริง คำพูดของเบี้ยเงินเสียเยี่ยน เขากลับแย้งกลับ ไปไม่ได้ก็เพราะเขาคิดอยากสร้างความชอบจริงๆ แต่ว่าสอง อย่างนี้ขัดแย้งกันหรือไร

เห็นแม่ทัพหยวนไม่พูดจา เบี้ยเงินเสียเยี่ยนค่อยๆ ยื่นมือ ออก พลังไร้รูปสายหนึ่งรัดคอแม่ทัพหยวนไว้

เขาถอนใจเบาๆ เอ่ยเสียงเนิบ “ดูสิ เจ้ามันคนเห็นแก่ตัว ชั่วร้าย วาจาโฉดชั่วการกระทำเลวทรามของเจ้าทำร้ายเขียน แล้ว ทำให้จิตใจอันดีงามของเยี่ยนเจ็บปวดแสนทน เขียน ตัดสินใจฆ่าเจ้า เพื่อกันไม่ให้การกระทำชั่วร้ายของเจ้าไป ทําร้ายผู้อื่นอีก”

ขณะที่เขาบอกว่าเจ็บปวดแสนทน ทว่าใบหน้านั้นผ่อน

ดลายประดุจปุยเมฆ

แม่ทัพหยวนถูกบีบคอ ไม่อาจหายใจ เลือดไหลออกจาก

ปาก

บรรดาทหารที่ถูกเบี้ยเงินเสียเยี่ยนฝัน รักใคร่ห่วงใย ในเวลานี้ตัวสั่นเทิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ นายทหารข้างกายแม่ทัพ หยวนอีกคนหนึ่งถึงกับตกใจจนปัสสาวะราด กลัวถูกลากไป

เกี่ยวด้วย

มองบุคคลน่าหวาดกลัวของราชวงศ์เป่ยเงิน เยี่ยเม่ยเข้าใจว่าภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ในใจของคนอื่นว่าเป็นเช่น ไร เกรงว่าคำว่าปีศาจยังไม่พออธิบาย ดูท่าเมื่อครู่เขาเกรงใจ เธอมากแล้ว

เธอเห็นสายตาของคนทั้งหมดรวมอยู่ที่มือเปียเงินเสียเยี่ย นบีบคอแม่ทัพหยวนก็ค่อยๆ ถอยรั้งไปสองก้าว หมุนกาย เตรียมตัวหนีความวุ่นวาย

คิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้คล้ายรู้สึกได้ เสียงกร๊อบดังขึ้น บีบคอ แม่ทัพหยวนหักอย่างง่ายดาย

จากนั้นภายใต้ท่าทางหวาดกลัวของคนทั้งหมดก็หันหน้า มองเธอที่ก้าวเท้าออกไปได้สองก้าวแล้ว

ใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์เปื้อนรอยยิ้ม ชุดยาวพลิ้วไหว สองมือไพล่หลัง ท่วงท่าสง่าราวทวยเทพ เอ่ยปากเสียงอ่อน โยน “แม่นาง หยุดฝีก้าวอัน เยมโหดของเจ้าเสีย เจ้าทนให้ หัวใจที่เชื่อมั่นว่าเจ้าจะไม่จากไปไหนของเยี่ยนเจ็บปวดเหมือน โดนมีดนับพันกรีดได้เชียวหรือ

เยี่ยเมียสายตาเย็นเยียบ หันกลับไปมองเขา น้ำเสียง เฉยเมย “ถ้าจะไปให้ได้ล่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ