เมียลับนายหัว

บทที่ 4 ย้อนอดีต 4



บทที่ 4 ย้อนอดีต 4

ณ บ้านเถ้าแก่สันต์

บ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านบนเนื้อที่กว่าสองไร่ เป็นบ้านที่ ปลูกสร้างมาแล้วสองปี พื้นที่ใช้สอยในบ้านร่วมเจ็ดร้อยตาราง เมตร พื้นที่โดยรอบเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกให้ความร่มรื่น มี สนามหญ้าไว้สำหรับนั่งพักผ่อนยามเช้าหรือเย็น

ภายในบ้านตกแต่งเรียบง่าย ส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์จาก บ้านหลังเก่าถูกนำมาไว้ที่นี่ รวมถึงของโบราณหายากที่เจ้าของ บ้านสะสมมาหลายสิบปีก็ย้ายมาไว้บ้านหลังนี้เช่นกัน จะซื้อเพิ่ม เติมก็คงเป็นโคมไฟระย้าราคาเรือนแสน และของตกแต่งบ้านอีก สามสี่อย่าง

ยามบ่ายของทุกวันเถ้าแก่สันต์เจ้าของบ้านจะนั่งดูทีวีอยู่ใน ห้องนั่งเล่น นั่งดูไปจิบชาไป บางครั้งปานวาดหรือที่ใครๆ เรียก ว่าเถ้าแก่เนี้ยจะเข้ามานั่งข้างๆ ชวนคุยและดูทีวีไปด้วยกัน ทว่า บ่ายวันนี้ต่างกับทุกวัน เพราะในห้องนอกจากจะมีภรรยานั่งร่วม ห้องด้วย ยังมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่ใกล้ๆ และกำลัง ตกใจกับเรื่องที่บิดากำลังให้ทำ

“พ่อว่าไงนะ จะให้ผมแต่งงานมีเมียงั้นหรอ”

สิงหนาทหรือนายหัวสิงห์ วัยสามสิบห้าปีลูกชายคนเดียวของ เถ้าแก่สันต์และนางปานวาดเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจที่รู้ว่า บิดา ต้องการให้ตนทําสิ่งใด
“แกจะตะโกนทำไม ทำเป็นตกอกตกใจไปได้” เถ้าแก่สันต์ อยู่แล้วว่าสิงหนาทต้องตกใจและคงด้านหัวชนฝา แต่ไม่ว่าจะ ค้นหนักแค่ไหน คราวนี้เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด “แค่ฉันให้แก แต่งงานมีเมียแค่เนี่ย ทำหน้าอย่างกับให้ไปตาย

“ไม่เอานะพ่อ ผมไม่อยากมีเมีย” สิงหนาทปฏิเสธทันที

“ทำไมถึงไม่อยากมี เมื่อก่อนแก้กระหายจะมีเมียมากไม่ใช่ เหรอ หรือว่าแกเปลี่ยนใจเป็นเกย์”

คนฟังถึงกับของขึ้นที่ถูกกล่าวหาแบบนี้ โดยเฉพาะออกมา จากปากบิดาที่รู้ทั้งรู้ว่า ตนนั้นแมนทั้งแท่ง

“พ่อก็รู้ว่าผมไม่ใช่เกย์ แล้วพ่อก็รู้ด้วยว่าทำไมผมถึงไม่ อยากมีเมีย” สิงหนาท โต้บิดา “ผมอายุแค่สามสิบห้าเองนะพ่อ ผมไม่อยากมีเมีย ถ้าเมียคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมหามา ผมซื้อกิน อย่างทุกวันนี้ก็ไม่เห็นเดือดร้อน

“มันไม่เดือดร้อนแกแต่เดือดร้อนฉันกับแม่แกไงล่ะ”

“เดือดร้อนยังไงพ่อ” สิงหนาทถามกลับ

“ก็กว่าจะรอแกมีเมียเองอีกกี่ปีกว่าจะมีหลานให้ฉันอุ้มอีก ฉันก็แก่ขึ้นไปทุกปี ฉันรอแกอย่างไม่มีกำหนดไม่ได้หรอก แก ต้องมีเมียตามที่ฉันบอก แกจะได้มีหลานให้ฉันกับแม่แกเลี้ยง

เถ้าแก่สันต์ไม่เคยบังคับลูกชาย เขาปล่อยให้ทำตามใจอิสระ มาตลอด แต่คราวนี้เขารอต่อไปไม่ได้จึงต้องบังคับให้ทำตาม ความต้องการของตนบ้าง
“ไม่ ผมไม่ทําตามที่พ่อบอกแน่นอน ยังไงผมก็ไม่มีเมีย ถ้าเมีย คนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกเอง

น้ำเสียงสิงหนาทแข็งจึงไม่ต่างกับบิดา ตามองตาอย่างไม่มี ใครยอมใคร

“สิงห์ลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เหรอลูก แม่ไม่เคยขอร้อง อะไรสิงห์เลยนะ ตามใจมาตลอด แต่ครั้งนี้แม่ขอนะลูก แม่อยาก มีหลาน แม่อยากเลี้ยงหลาน…ฮือ” ปานวาดที่นั่งฟังอยู่นานพูด ขึ้นบ้าง พูดไปน้ำตาไหลไป สิงหนาทใจอ่อนยวบเมื่อเห็นมารดา ร้องไห้ และยิ่งได้ยินคำขอร้องของมารดาด้วยแล้ว เขาใจไม่ดี เอาเสียเลย “แล้วหลานที่แม่อยากได้ก็ต้องเกิดกับผู้หญิงที่พ่อหา ให้ด้วย แกก็รู้นี่ว่า ถ้าพ่อไม่เลือกเองผลจะเป็นยังไง

ประโยคนี้เองที่ทำให้สิงหนาทสะอึกไปคำโต

“ดูสิดู แม่แกเคยร้องไห้ไหม แต่ต้องมาร้องไห้ขอร้องแกเนี่ย นะ” เถ้าแก่สันต์เห็นเมียร้องไห้ก็โวยใส่ลูกชาย โอบบ่าภรรยา สุดที่รักแล้วปลอบโยน ไม่ต้องร้องไห้นะคุณ มันไม่ทำตามก็ช่าง หัวมัน ถือว่าเราบุญน้อยคงไม่มีโอกาสเลี้ยงหลาน อีกปีสองปีเรา ไปบวชกันดีกว่า ปลงซะใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยให้มันอยู่คน เดียว”

“อือ…พี่สันต์…ฮือ…ฉันไม่อยากบวช ฉันอยากเลี้ยง หลาน…ฮือ” ปานวาดร้องไห้โฮกอดและซบหน้ากับอกของสามี

“โธ่วาด…เราคงไม่มีบุญเลี้ยงหลานแน่ๆ ลูกของเราไม่ยอมมี

เมีย ไม่ยอมเป็นตัวผู้หญิงที่เราหาให้ แล้วจะมีหลานได้ยังไง ปลงเถอะนะวาด ปลง ”

เถ้าแก่สันต์น้ำตาไหล มือเหี่ยวย่นตามวัยเช็ดน้ำตาตนเอง ก่อนไปเช็ดน้ำตาของเมียรัก

“ฮือ…พี่สันต์” ปานวาดร้องไห้หนักขึ้น สิงหนาทเห็นบิดา มารดากอดกันร้องไห้ก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดยาว รู้สึกว่าตนเอง เป็นคนอกตัญญูไปในทันที “อ๋อ..ฮือ ฉันคงมีบุญมาแค่นี้ แค่ได้ เลี้ยงลูก แต่ไม่ได้เลี้ยงหลานเหมือนคนอื่นเขา…ฮือ…ใจเหลือ เกิน…ฮือ”

เสียงร้องไห้ของปานวาดดังมากขึ้น กรีดหัวใจคนเป็นลูกเหลือ เกิน

“ไม่เอานาปาน ไม่ร้องไห้นะ เราเข้าวัดทำใจและปลงเรื่องนี้ดี กว่า กว่าจะได้อุ้มหลานเราคงเลี้ยงหลานไม่ได้แล้ว เพราะแก่หง่ เหงือก” เถ้าแก่สันต์พูดต่อ ร้องไห้ตามเมีย สิงหนาทยิ่งได้ยินและ เห็นน้ำตาพ่อกับแม่ก็ยิ่งสำนึกผิด

“พี่สันต์…ฮือ”

“โอเคครับ มีก็มีเมียน่ะ” สิงหนาทจำยอมและจําใจ

“จริงนะ” ปานวาดหยุดร้องไห้ดีดตัวนั่งหลังตั้งตรง ถาม 1 ลูกชายด้วยรอยยิ้มสีหน้าต่างกับก่อนหน้านี้ลิบลับ

“จริงครับ” สิงหนาทตอบ

“ไม่หลอกแม่นะสิงห์” คนเป็นแม่ถามไม่เลิก
“ไม่หลอกครับ” คนเป็นลูกตอบ แต่ต้องมีข้อแม้นะครับ” “ข้อแม้อะไร” สองสามีภรรยาถามขึ้นพร้อมกัน

“จะไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีการป่าวประกาศให้ใครรู้ทั้งนั้นว่า ผมกับผู้หญิงคนนั้นเป็นผัวเมียกัน ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแค่เมียลับ ของผมเท่านั้น พอเธอท้องแล้วคลอดลูกออกมา พ่อก็ให้เงินเธอ ไปตั้งตัวสักก้อน ผมจะเลี้ยงลูกของผมเอง แล้วต่อจากนั้นพ่อกับ แม่ก็ไม่มีสิทธิ์บงการชีวิตของผมอีกต่อไป ตกลงไหมครับ” สิงหนาทยอมอ่อนให้บิดามารดามากแล้วก็ต้องมีข้อแม้กันบ้าง จะได้ไม่รู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ย่อยยับ

“ได้สิ ไม่มีปัญหา ขอแค่แกยอมก็พอ” เถ้าแก่สันต์ตกลง ปาน วาดมองหน้าสามีที่หยักคิ้วให้ “เอาตามนี้นะ วันมะรืนคือวัน ส่งตัว แกเตรียมตัวเป็นพ่อพันธ์ได้เลย”

“พ่อทำไมมันเร็วจัง บอกปุ๊บปั๊บ” ลูกชายทำเสียงตกใจ

“ก็พอใจร้อน จะว่าไปมีวันไหนแกก็ต้องมีเมียเหมือนกัน”

“ตามใจพ่อล่ะกัน งั้นผมไปทำงานต่อนะครับพ่อ

สิงหนาทลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างไม่สบ อารมณ์ ทันทีที่ประตูห้องนั่งเล่นปิดสนิท ปานวาดรีบพูดในเรื่องที่ ตนอยากพูดแทรกใจแทบขาด

“มันจะดีหรือพี่สันต์ไปตกลงกับสิงห์แบบนั้น

“เอาน่า ตกลงไปก่อนแล้วค่อยตลบหลังทีหลัง” เถ้าแก่สันต์ กระหยิ่มยิ้ม
“แน่ใจนะพี่” ปานวาดถาม

“เชื่อหัวเถ้าแก่สันต์เถอะทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดไว้ แน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ “อ้อ…แล้วอย่าลืมล่ะ เดี๋ยวแพรมา ทำตามแผนด้วยนะ สิงห์ยอมแล้วเราก็ต้องทำให้แพรยอมด้วย

ก่อนหน้าสิงหนาที่จะเข้ามาในห้องนั่งเล่นหนึ่งนาที พจน์ โทรศัพท์มาหาเขาว่า กัญญาภรณ์กำลังมาหาตนที่บ้าน ซึ่งอยู่ ห่างกันมากพอสมควร กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สองสามีภรรยาจึงพูดคุยกันว่า อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องทำให้ สิงหนาทยอมตกลงมีเมียให้ได้ ผลออกมาคือทั้งสองทำได้

“จ้ะพี่ เชื่อฝีมือฉันเถอะ”

ปานวาดรีบเช็ดน้ำตา หยิบทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่นแล้วเช็ด หน้าเช็ดตา หยิบตลับแป้งมาซับตามใบหน้าให้ดูเป็นปกติ กลบ คราบน้ำตาก่อนหน้าจนสิ้น แล้วนั่งรอการมาของกัญญาภรณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ