เมียลับนายหัว

บทที่ 2 ย้อนอดีต 2



บทที่ 2 ย้อนอดีต 2

ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีหกเดือนก่อน

ร่างสมส่วนท่าทางทะมัดทะแมงสวมเสื้อยืดสีชมพูอ่อนทับ ในกางเกงยีนทรงเดฟสวมรองเท้าผ้าใบ เส้นผมยาวตัดเป็นลอน ใหญ่ช่วงปลายผมถูกรวบมัดเป็นหางม้าสูงกว่าท้ายทอยเล็กน้อย ก้าวลงมาจากรถบขส. เมื่อนำเธอมาถึงท่ารถอย่างปลอดภัย เธอ กระชับเป้ที่สะพายอยู่บนหลัง ก่อนเดินไปยังหน้าสถานีขนส่ง

ระหว่างเดินเสียงมือถือได้ดังขึ้น กัญญาภรณ์ไม่ได้หยุดเดิน เธอก้าวเดินไปด้วยก้มหน้าหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายข้าง จึง ไม่ทันระวังคนที่วิ่งหน้าตั้งราวกับหนีใครมาชนตัวเธอมือถือ เกือบหลุดมือ ส่วนคนชนล้มลงไปนั่งกับพื้น ก่อนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่ง เผ่น

“เฮ้ย! อะไรวะ” กัญญาภรณ์หัวเสียเล็กน้อยที่ไม่ได้รับคำ ขอโทษจากคนชน วินาทีต่อมาเธอเข้าใจแล้วว่า เหตุใดคนชนจึง ไม่มีค่าขอโทษให้

“จับมันให้ที มันกระชากสร้อยทองฉัน”

เจ้าของเสียเป็นสตรีวัยห้าสิบกว่าปีร้องตะโกนไปด้วยวิ่งไป ด้วย ทว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ คนที่ได้ยินเพียงแค่มองดู ชายหนุ่มที่บอกว่าเป็นคนร้ายกระชากทองวิ่งผ่านไปเท่านั้น จะมี เพียงคนเดียวที่พร้อมช่วยเหลือ เมื่อได้ยินเสียงพูด กัญญาภรณ์ รีบวิ่งตามคนกระชากทองทันที เป็นความโชคดีของเธอที่คนร้ายวิ่งชนคนอื่นจนล้มลง ทำให้เธอวิ่งมาถึงตัวคนร้ายได้ทัน แล้วสิ่งที่ คนร้ายเจอคือ

“มีมือมีเท้าไม่ทำมาหากิน อย่างนี้สมควรโดน

กัญญาภรณ์กระชากคอเสื้อคนร้ายที่กำลังยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนปล่อยหมัดเข้าไปถึงปากถึงจมูกสองครั้ง คนร้ายเป็นผู้ชาย รูปร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้ให้สาวหมัดหนักทำร้ายตนฝ่ายเดียว มี ปล่อยหมัดและเตะไปที่ขาของกัญญาภรณ์ หมดพลาดเป้า เนื่องจากเธอหลบทัน แต่การเตะโดนเต็มๆ

“มึงเตะกูเหรอ มึงเจอกูแน่” กัญญาภรณ์โมโห ชกหน้าอีกฝ่าย หนึ่งครั้ง ยกเท้าขึ้นถีบไปตรงท้องของคนร้ายเต็มแรง คนร้าย ถอยร่นไปสองสามก้าว กัญญาภรณ์ใช้โอกาสนี้ปล่อยหมัดเลย ปลายคางชนิดที่ว่า ครั้งเดียวน็อกกลางอากาศ “ไม่รู้จักแพรซะ แล้ว”

เหล่าไทยมุงต่างมองวีรกรรมของสาวหน้าหวาน แต่หมัดหนัก อย่างยิ่ง ไม่คิดว่าร่างบอบบางจะซัดคนร้ายเสียอยู่หมัด หนึ่งใน หลายคนที่มุงดูคือ ชุติมาลูกพี่ลูกน้องของกัญญาภรณ์ที่รีบมายืน ข้างพี่สาว

“ขอบคุณมากค่ะน้อง ขอบคุณค่ะ” เจ้าของสร้อยคอกล่าวของ คุณกัญญาภรณ์ที่ส่งยิ้มให้ มองดูเด็กหนุ่มที่คิดว่าคงเป็นลูกไป ล้วงหยิบสร้อยคอทองคำในกระเป๋ากางเกงของคนร้ายนำมาให้ มารดา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีขนส่งวิ่งมา สมทบเป็นกลุ่มสุดท้าย ช่วยกันรวบตัวคนร้ายไปส่งสถานีตำรวจละแวกนั้น “พี่ขอบคุณน้องอีกครั้งนะคะ น้องเก่งจังเลยค่ะ”

เจ้าของสร้อยหันมาพูดกับกัญญาภรณ์อีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะ เห็นแบบนี้ไม่ช่วยไม่ได้ค่ะ” กัญญาภรณ์ตอบ กลับ “หนูขอตัวก่อนนะคะ โชคดีนะคะน้า

“จ๊ะ ขอให้หนูโชคดีนะ ขอให้เจอแต่สิ่งดีดี” เจ้าของสร้อยทอง อวยพร กัญญาภรณ์ยิ้มให้ก่อนเดินจากไปพร้อมชุติมา

“พี่แพรยังห้าวเหมือนเดิมนะ ซัดมันซะสลบเลย” ชุติมาพูดขึ้น

“ก็มันสมควรโดนไหมล่ะ มีมือมีเท้าแถมยังหนุ่มอยู่แต่ดันไม่ ทำมาหากิน เป็นขโมยเป็นตัวเหี้ยก็ต้องเจอแบบนี้แหละ

เหตุผลที่กัญญาภรณ์มีฝีมือทางด้านการต่อสู้เป็นเพราะกว่า ห้าปีที่เธอเป็นบอดี้การ์ดให้ชาวอาหรับผู้ร่ำรวย แต่เมื่อหนึ่งปีหก เดือนก่อนเกิดเหตุหนึ่งขึ้น เมื่อลูกชายเจ้านายพยายามจะข่มเหง เธอ กัญญาภรณ์เลยวางหมัดมวยเข้าใส่จนกรามหัก ม้ามแตก และหัวแตก เจ้านายไม่กล้าเอาเรื่องเพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี ส่วน กัญญาภรณ์ไม่ขอทนทำอยู่จึงขอลาออกในวันนั้นและกลับเมือง ไทย มาทำงานกับเพื่อนสนิทที่เปิดโรงเรียนสอนการต่อสู้จนมา ถึงวันนี้

“รีบไปเถอะพี่ ลุงกับป้ารออยู่

“ที่บ้านมีเรื่องอะไร ทำไมต้องเรียกฉันมาด่วนขนาดนี้ ถามใคร ก็ไม่มีใครตอบสักคน บอกแค่ว่ามาถึงก็รู้เอง” กัญญาภรณ์ยัง ติดใจเรื่องนี้ไม่หาย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ละคนเหมือนมีลับลมคมในทั้งนั้น ชุติมาตอบตามจริง “รีบกลับบ้านดีกว่าพี่แพร ฉันเองก็อยากรู้ เหตุผลที่เรียกตัวกลับบ้านเหมือนกัน

สองสาวพากันเดินไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่ ลานจอดรถหน้าขนส่ง ชุติมาขับรถพากัญญาภรณ์กลับบ้านที่อยู่ ห่างจากสถานีขนส่งยี่สิบห้ากิโลเมตร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ