เพื่อเจ้า

5 แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง



5 แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง

เมื่อนางเย่วแต่งเข้าเป็นภรรยาอีกคนของเฉิน พฤติกรรมก เริ่มเปลี่ยนไปกลับกลายเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก

ตอนท่านพ่อเงินเฟินกลับมาเยี่ยมบ้านภรรยาใหม่ของเขา ก็จะทำเป็นรักใคร่ดูแลเอาใจใส่ลูกเลี้ยงเป็นอย่างดี

แต่พอลับหลังสามีตอนเดินทางไปทำงาน แม่เลี้ยงก็เริ่ม พูดจาประชดประชันเงินเป็นเป็นต้นว่า

“อีกหน่อยข้าก็จะมีลูกกับท่านพี่แล้วพอถึงตอนนั้นคุณหนู เช่นท่านก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครสนใจอีกทำไมคุณ หนูไม่ตายตามมารดาไปเลยล่ะเจ้าคะ จะได้ไปอยู่กับท่านไง

หรือไม่ก็ “คนอย่างคุณหนูเฉินน่ะอยู่ไปก็ขวางหูขวางตา คนอื่นเขาช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี มารดาก็ไม่มีบิดาก็ไม่สนใจคุณ หนูแล้ว ถ้าเป็นข้านะ ข้าจะหนีออกนอกจวนไปไกลๆแล้วให้ นายท่านออกตามหาดูซิว่าบิดาของท่านจะตามหาไหม”

เมื่อเดินเฟินเจอคำพูดแบบนี้บ่อยๆจากที่ทำเป็นไม่สนใจ ก็เริ่มลังเลคิดว่าบิดาไม่รักตนแล้วพอบิดากลับมาบ้านนาง พยายามหาเวลาส่วนตัวคุยกับท่านพ่อของนางแต่ก็มีฮูหยินรอง เข้ามาขัดขวางตลอดทำให้นางแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับท่านพ่อ เลย

ความห่างเห็นทําให้เกิดช่องว่างในใจระหว่างพ่อลูก คนเป็นพ่อก็คิดว่าบุตรสาวโตแล้วทำให้ไม่กล้าเจ้ามาออดอ้อน ตนเองเหมือนอย่างเคยซึ่งเขาเข้าใจได้

ส่วนคนลูกก็คิดว่าพ่อแต่งภรรยาใหม่แล้วคงไม่ใส่ใจ ตนเองอีก ต่างคนต่างก็คิดไปคนละด้าน

ทำให้เช่าอาศัยช่องว่างนี้แทรกตัวเองเข้าไปเพื่อจะได้ใจ สามี แต่สามีของเธอก็ตายด้านไม่ยอมเรียกนางไปปรนนิบัติรัก ครั้งช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย

นิสาแทบปรี๊ดแตกเธอค่ายายแม่เลี้ยงไปต่างๆ นานาที่ทำ ตัวแย่ๆแบบนี้ใส่เด็กค่าเองอารมณ์เสียเองเพราะไม่มีใครได้ยิน เสียงเธอ

นอกจากนั้นเธอยังพยายามพูดปลอบเด็กหญิงตัวน้อยไม่ ให้เธอคิดมากถึงแม้เธอรู้ว่าเป็นเงินไม่ได้ยินเสียงเธอก็ตาม เธอไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องมาเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้เธอไม่รู้ ว่าทำไมตัวเองถึงฝันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ด้วย

ทางด้านเฉินเฟ้นด้วยความอึดอัดและน้อยใจทำให้นาง กลายเป็นคนเก็บตัวไม่ออกไปทานอาหารนอกเรือนตนเองขัง ตัวอยู่แต่ในห้องนอนของตัวเองเพราะหากออกไปก็ต้องเจ อกับฮูหยินรองแม่เลี้ยงปากคอเราะร้ายมิให้นางนอนเล่น คิดถึงท่านแม่อยู่ในห้องนี้ดีกว่า

จากวันเป็นเดือนจากเตือนเป็นปีตอนนี้เงินเป็นนางอายุ สิบขวบแล้ว วันนี้ท่านพ่อจะพานางไปทดสอบปราณธาตุที่ ตำหนักจัตุรัสกลางเมือง
ซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบของคนรุ่นเยาว์ที่มีอายุครบสิบปีขึ้น ไปโดยการโดยสารนั่งรถม้าเทียมอาชาสีหมอกซึ่งเป็นอสูร ระดับสามพวกมันมีความเร็วอย่างมากบ่งบอกถึงฐานะและ ตำแหน่งของผู้ครอบครองว่ามิใช่ชนชั้นสามัญชนทั่วไปเพราะ ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนจะมีเงินมากขนาดซื้ออาชาสีหมอกหนึ่ง ตัวที่มีราคาแพงเท่ากับบ้านขนาดใหญ่สองหลังได้

ท่านพ่อพานางแวะเข้าร้านขายเสื้อผ้าพร้อมกับยื่นถุงให้ นางหนึ่งใบ

“เอานี่รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ใส่หมวกคลุมใบหน้าเอาไว้

ด้วยนะลูก”

นางยื่นมือไปรับถุงใบนั้นมาไม่ได้ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน ชุดเมื่อกลับออกมาก็พบว่าท่านพ่อเองก็ใส่ชุดที่ปกปิดใบหน้า มิดชิตเช่นกัน

นางกระตุกมือท่านพ่อให้หันมาสนใจนาง

ท่านพ่อลูกมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ”

“เอาไว้กลับจากการทดสอบปราณธาตุเราค่อยคุยกันนะ

“แต่…เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”

เมื่อเดินทางมาถึงตำหนักจัตุรัสกลางเมืองนางเห็นผู้คน มากมายบ้าง แต่งกายปกปิดตัวตนบ้างก็แต่งตัวมอซอท่านพ่อ ของนางเดินนำไปพร้อมกับยื่นป้ายแสดงชื่อ ให้คนเฝ้าประตูตู พร้อมกับลงชื่อเข้ารับการทดสอบปราณธาตุ
จากนั้นก็มีคนนำทางไปยังห้องๆหนึ่งในห้องนี้เป็นห้อง โล่งๆ ตรงกลางมีลูกแก้วขนาดใหญ่สีใสบางอยู่บนแท่นศิลาส มะเมื่อมข้างๆกันนั้นมีชายชราผมสีขาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“คาระวะท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

“มาๆเอามือวางไว้บนลูกแก้วใบนี้หลับตาลงทำจิตใจให้ ผ่อนคลาย”

ชายชราไม่อยากเสียเวลามากเมื่อมีเด็กมาเข้ามาทดสอบ เขาก็บอกวิธีการไปตามปกติเหมือนดั่งเคย แต่แล้วก็ต้องตก ตะลึงเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น

เหตุการณ์นั้นจะเป็นอะไรโปรดกดไปตอนต่อไปอิอิ….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ