บทที่ 4 รับปากข้าเพียงเงื่อนไขเดียว
บทที่ 4 รับปากข้าเพียงเงื่อนไขเดียว
“ได้ ขอเพียงเจ้าไม่ก่อเรื่อง ข้าจักปล่อยเจ้าไปขาย หนุ่มคิดแล้วคิดอีกอย่างเงียบๆ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอน ใจออกมาและกล่าวตอบ สำหรับหญิงสาวผู้นี้ อันที่จริง ตนเองก็มิอาจคิดชั่วต่อนางได้ลงคอ
“ดี”
ตอบอย่างว่องไวตรงไปตรงมา
ชายหนุ่มคลายกริซในมือออก มองไปยังหญิงสาวที่ ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสงบเสงี่ยมตั้งแต่ศีรษะจรดหาง เปิด ปากเอ่ยถาม
“เจ้ามีนามว่าอันใด? ”
“คุณชายบุกเข้ามาในเกี๊ยวเจ้าสาวของหวั่นเอ๋อในงาน แต่งหวั่นเอ๋อครานี้ ไม่ทราบว่ามีเจตนาอันใด? “โอวหยาง หวั่นเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามชายหนุ่มไปโดยตรง กลับจ้อง มองไปยังใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความใคร่รู้สงสัย
“เดิมทีเจ้าก็คือโอวหยางหวั่นเอ๋อ หญิงที่อัปลักษณ์ในได้หลา
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจความรู้สึกของโอวหยางหวั่นเอ๋อ แม้แต่น้อย กล่าวถึงสีคำที่ตนเข้าใจเกี่ยวกับโอวหยาง หวั่นเอ่อออกมาอย่างหน้าตาเฉย
โอวหยางหวั่นเอ๋อได้ยินชายหนุ่มกล่าวอย่างไร้มรรยาท ถึงตนเองต่อหน้าว่าเป็นหญิงสาวที่อัปลักษณ์ในใต้หล้า เป็นคนแรก ก็อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว
จึงได้เปิดปากตอบโต้กลับ
“คุณชายบุกเข้ามาในเกี๊ยวเจ้าสาวเช่นนี้ ไม่ใช่ต้องการ ทำให้ความบริสุทธิ์ของข้าต้องแปดเปื้อนหรอกหรือ?
เจ้าเข้าใจที่จะทิ่มแทงเท้าที่เจ็บของข้า ข้าก็ไม่ใช่คนที่
เจ้าจะรับมือได้ง่ายๆเช่นกัน
นี่คือกฎของโอวหยางหวั่นเอ๋อ ขอแค่เจ้าดีต่อนาง นางก็ จักปฏิบัติต่อเจ้าดีอย่างแน่นอน
หากว่ามีใครมาหาเรื่องนาง นางก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่อง
ได้ง่ายๆเช่นกัน
หากเอาแต่อดทนอดกลั้น ยิ่งทำให้คนที่รังแกตนเองกำเริบเสืบสานมากยิ่งขึ้น แล้วเหตุใดตนเอง จะต้องยอม ให้ผู้อื่นมาเหยียดหยามคนได้ตามใจชอบ?
“นี่…”ชายหนุ่มนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูเหมือนไม่มีความ สามารถในการปกป้องตนเองแม้แต่น้อยท้ายที่สุดจะกล้า แข็งข้อกับตน ทำให้อดตะลึงอย่างเสียไม่ได้
กล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึม
“เจ้าไม่กลัวข้าฆ่าเจ้าหรืออย่างไร? ”
กริซในมือของชายหนุ่มกำแน่นมากยิ่งขึ้น พลางมองไป ยังหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ที่มีท่าทีเงียบสงบ
“ในเมื่อท่านอ๋องอยากให้งานแต่งของตนเองเลือดสาด ปะทุ ทำให้เกียรติของราชวงศ์ได้รับความอับอายขาย หน้า เช่นนั้นหวั่นเอ๋อมิบังอาจยับยั้งท่านอ๋องเพคะ?
โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าคล้ายกับหยก ดวงตาคล้ายกับดวงดาว ดูจาก ภายนอกแล้วช่างเป็นชายหนุ่มที่งดงาม
คิ้วรูปดาบคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและหนักแน่นที่ เป็นลักษณะของบุรุษโดยเฉพาะ
ส้นจมูกที่สูงมากจนทำให้ผู้คนอดที่จะชื่นชมความ พิถีพิถันและความฉลาดหลักแหลมของผู้สร้างไม่ได้
ปากได้รูปรับกับดวงตาที่แสดงสีหน้าท่าทางคุกคาม ทว่ากลับทำให้ผู้คนใจเต้นตามอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ชายหนุ่มเช่นนี้ หากหญิงสาวได้พบ เกรงว่าจะไม่ยอม ปล่อยมือเป็นแน่? โอวหยางหวั่นเอ๋อทอดถอนใจด้วย เสียงที่แผ่วเบา อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเกี่ยวกับตนเองใน ภายภาคหน้าขึ้นมา
แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขในแต่ละวัน แต่ดู แล้ว เรื่องราวคล้ายว่าจะไม่ใช่อย่างที่ตนเองวาดหวังไว้ เช่นนั้นเสียแล้ว
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นท่านอ๋อง?
ชายหนุ่มได้ฟังคำพูดที่เรียบนิ่งของโอวหยางหวั่นเอ๋อ กลับขมวดคิ้วอย่างตะลึงพรึงเพริศ มองไปทางโอวหยาง หวั่นเอ๋อและกล่าวขึ้น
“ท่านอ๋อง คราหน้าหากจะปล้นสวาทหญิงสาวตระกูลใด รบกวนท่านนำหยกห้อยที่อยู่ตรงเอวออกก่อนเถิด มิเช่น นั้น ข่าวที่เกี่ยวกับว่าท่านอ๋องแสร้งสติฟั่นเฟือน ข้าเชื่อว่า ไม่ช้าไม่เร็ว ผู้คนในใต้หล้าจักต้องได้ทราบอย่างแน่นอน
โอวหยางหวั่นเอ๋อถอนหายใจพลางมองไปยังหยกห้อย ที่อยู่ระหว่างเอว กล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
ในเมื่อเป็นท่านอ๋องแล้วอย่างไร? ในเมื่อชายหนุ่มที่ อยู่ตรงหน้าคือผู้ที่จะเป็นสามีในอนาคตของตนเอง แล้ว อย่างไรเล่า?
ตนเองอัปลักษณ์เช่นนี้ น่ากลัวแล้วอย่างไร? ไม่เห็นจะ
เป็นอันใด?
ชายหนุ่มก้มหน้ามองไปยังระหว่างเอวของตนเอง ด้าน บนใช้ทองสรรค์สร้างเป็นหยกห้อย สลักอักษรตัวใหญ่ อัน ไว้ตรงกลาง ทั้งสี่ทิศต่างก็ประดับด้วยมังกรที่กำลัง แยกเขี้ยวยิงฟัน มองดูแล้วมีท่าทางดุร้าย
“ฮ่าฮ่า หวั่นเอ๋อ เจ้าไม่รู้หรือว่า สตรีมิควรฉลาดมาก เกินไป? สตรีที่เฉลียวฉลาด นั่นมิใช่เป็นเรื่องที่ดี “ชาย หนุ่มกล่าวเสียงขรึมอยู่ในลำคอ มองแววตาของโอว หยางหวั่นเอ๋อทว่ากลับมองไม่เห็นถึงความโกรธแม้แต่ น้อย
“หวั่นเอ๋อเข้าใจเพคะ นับตั้งแต่บัดนี้ หวั่นเอ๋อจะมีสติ และปกป้องตนเอง จะไม่อยากรู้อยากเห็นเพคะ หวังว่า ท่านอ๋องจะสามารถคุ้มครองหวั่นเอ๋อให้ปลอดภัยชั่วชีวิต หวั่นเอ๋อจะซาบซึ้งเป็นอย่างมากเพคะ”
โอวหยางหวั่นเอ๋อย่อกายลง คารวะชายหนุ่มที่อยู่ตรง ข้าม แสดงถึงความรู้สึกซาบซึ้งใจของตนเอง
“แต่ไหนแต่ไรข้าไม่ต้องการคนที่ไม่มีผลประโยชน์ ที่ยิ่ง กว่านั้น เจ้าเป็นเพียงแค่หญิงอัปลักษณ์ที่ถูกละทิ้งผู้หนึ่ง เจ้ามีคุณสมบัติอันใดถึงได้มายื่นข้อเสนอเช่นนี้?
ตงฟางอ้าวมองไปยังสตรีที่มีอากัปกิริยาสุภาพสง่างาม ทุกการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหน้า จึงอดไม่ได้ที่จะยั่วยุ นางขึ้นมา
“หวั่นเอ๋อสามารถทำอาหารให้ท่านอ๋องทานได้และเย็บ ปักถักร้อยเพคะ “โอวหยางหวั่นเอ๋อควบคุมโทสะที่ปะทุ ขึ้นในใจของตนเอง เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
เบื้องหน้าของตน คือสามีที่ตนเองต้องแต่งงานด้วย แม้ว่าตนจะหยิ่งผยองเพียงใด ฝั่งตรงข้ามก็คือบุรุษที่หยิ่ง ผยองเช่นกัน มิจำเป็นต้องก้มศีรษะให้ นี่มิใช่การยอมรับ ความพ่ายแพ้ เพียงแค่ขณะที่ตนอยู่ในจวนโอวหยาง ตนเองก็เรียนรู้ที่จะอดกลั้นหลังจากที่ใบหน้าของตนถูก ทําลายลงไป
“งานใช้แรงงานเช่นนี้ จวนของข้ามีคนทำเป็นประจำอยู่ แล้ว ข้าไม่ต้องการ”
ตงฟางอ้าวปฏิเสธคำพูดของโอวหยางหวั่นเอ๋ออย่างเย็นชา
“มิเช่นนั้น ท่านอ๋องก็จัดการให้หวั่นเอ๋อทําเรื่องอื่นเถิด เพคะ หวั่นเอ๋อจะทำอย่างสุดความสามารถ”
“เจ้าทำอันใดได้? เจ้าเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง? อุ่น เตียงให้ข้า? มองไปยังใบหน้าเจ้า ตัวเจ้าเองก็น่าจะรู้ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ตงฟางอ้าวไม่ได้สนใจความรู้สึกของโอวหยางหวั่นเอ๋อ แม้แต่น้อย วิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ของโอวหยางหวั่น เอ่ออย่างยโสโอหัง
ว่ากันตามจริง สำหรับการอภิเษกสมรสที่เสด็จพี่มอบให้ เป็นรางวัล ตนเองมิใช่ว่าไม่โกรธ ชัดเจนว่าควรจะเป็นพี่ สะใภ้ที่อัปลักษณ์ของตน กลับถูกเสด็จพี่รังเกียจปัดความ รับผิดชอบมาที่ตน
ในปีเดียวกัน เสด็จพ่อออกพระราชโองการพระราชทาน งานอภิเษกสมรส คาดไม่ถึงว่า เสด็จพี่สุดท้ายแล้วจะ กล้าคัดค้านพระราชโองการอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
เพียงแค่ไม่มีวิธีการ บัดนี้เสด็จพี่เป็นฮ่องเต้เรียบร้อย แล้ว ไม่เพียงมิกล้าที่จะอกตัญญูต่อพระประสงค์เสด็จพ่อ กลับนำหญิงอัปลักษณ์ที่น่ารังเกียจผู้นี้พระราชทานให้แก่เขา แม้ว่าเข้าจะไม่ได้สนใจรูป ลักษณ์ภายนอก แต่ว่าเรื่องเช่นนี้ ทำให้ตนเองรู้สึก สะอิดสะเอียนต่อโอวหยางหวั่นเอ๋อที่ไม่เคยพบกันมา ก่อนผู้นี้
การที่โอวหยางหวั่นเอ๋อมีอากัปกิริยาสง่างามทำให้ ตนเองมีความรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ไม่ได้หมายความว่า ตนเองจะชอบภรรยาอัปลักษณ์ผู้นี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านอ๋องสามารถออกหนังสือหย่า ให้แก่หวั่นเอ๋อ หวั่นเอ๋อจะไม่มีข้อเรียกร้องใดๆแน่นอน เพคะ”
โอวหยางหวั่นเอ๋อก้มศีรษะลง กำหมัดของตนแน่นอย่าง หักห้ามใจ และควบคุมอารมณ์ของตนเอง พยายามอย่าง ยิ่งเพื่อที่จะให้ตนเองสงบนิ่งมากขึ้น
อย่างไรเสีย คนที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ก็จำเป็นต้องก้ม ศีรษะลงให้
ตนเองแต่งงานออกมาแล้ว ที่เรียกกันว่า หญิงสาวที่ แต่งงานออกไป ก็คล้ายกับน้ำที่สาดออกไป ส่วนความ สัมพันธ์ในครอบครัว ก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน
ทุกอย่างทำได้เพียงอาศัยพึ่งพาตนเองและให้สามี ตนเองเป็นผู้ตัดสินใจแต่เพียงเท่านั้น
ทว่าบัดนี้ โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังชายหนุ่มที่ไร้ความ รู้สึกเบื้องหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะให้แก่ตนเอง
ตนเองยังมีสามีให้พึ่งพาได้ด้วยหรือ?
บ้านฝ่ายหญิง? อย่าได้พูดถึงครอบครัวตนเองเลย ถือ เสียว่าตนเองไม่มีครอบครัวแล้วกัน ตนเองนั้นมิอาจพึ่งพา ครอบครัวฝ่ายตนได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น สถานที่เช่นจวนโอวหยาง ไม่เพียงแต่ไม่สามารถ ให้ความช่วยเหลือตนเองได้ ยังทำให้ตนเองอับอายขาย หน้าตามอำเภอใจอีกด้วย เหตุใดตนเองต้องมาพบกับ ความอับอายขายหน้าเช่นนี้ด้วยเล่า?
ในเมื่อรู้ผลลัพธ์ เช่นนั้นตนเองยิ่งมิต้องไปแบกรับความ อัปยศอดสู้ด้วยตนเอง นี่คือศักดิ์ศรีและขีดจำกัดของโอว หยางหวั่นเอ๋อ
“เจ้าทราบถึงผลลัพธ์หลังจากที่ข้าออกหนังสือหย่า ให้แก่เจ้าหรือไม่? “ตงฟางอ้าวหรี่ตา และมองไปยัง โอวหยางหวั่นเอ๋อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพินิจ พิเคราะห์ หญิงผู้นี้ อันที่จริงเกินความคาดหมายจากที่ ตนเองคิดเอาไว้เป็นอย่างมาก
นับแต่โบราณ มีหญิงสาวผู้ใดบ้าง ที่เป็นฝ่ายริเริ่มขอหนังสือหยา? นอกจากนี้ยังกล่าวในวันแต่งงานของตน อีกทั้งเสนอหนังสือหย่าอย่างราบเรียบเช่นนี้ นี่อยู่นอก เหนือความคาดหมายของเขาเสียจริง
สตรี อยู่บ้านเชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี สามีจาก ไปเชื่อฟังบุตรชาย
นับแต่โบราณ เหล่าสตรีปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนด เช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรตนเองไม่เคยได้ยินสตรีผู้ใดกล่าวขอ หนังสือหย่าอย่างง่ายดายและราบเรียบเช่นนี้มาก่อน
ดังนั้น สายตาที่มองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อ เต็มไป ด้วยการไตร่สวน
“หากท่านอ๋องนึกถึงรูปลักษณ์ของหวั่นเอ๋อ หวั่นเอ๋อก็มิ อาจทำให้สายตาของท่านอ๋องแปดเปื้อนเพคะ และจะนำ หนังสือหย่าจากไปด้วยตนเอง นับจากนี้เป็นต้นไป เป็น เพียงคนแปลกหน้าต่อกัน”
โอวหยางหวั่นเอ๋อยังคงตอบอย่างราบเรียบเช่นเดิม ราวกับสิ่งที่ตนกล่าวไปเป็นเพียงแค่การบรรยายถึงสภาพ อากาศที่ดีของวันนี้ก็มิปาน
ชีวิตประจำวันของครอบครัวที่เอาแต่ตามอำเภอใจ
“ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ในใจของเจ้า ข้าคือผู้ที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกหรอกหรือ? “ตงฟางอ้าว ขมวดหัวคั่ว จ้องไปยังสตรีที่สงบนิ่งประดุจน้ำเฉกเช่น เดิม และเอ่ยถามด้วยเสียงที่เป็นเยียบ
ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นที่ตรงนั้น ตรงที่โอวหยางหวั่น เอ๋อกำหมัดแน่นอยู่ เฝ้าบอกตนเองในใจว่าอย่าได้เกรง กลัว และสูดลมหายใจลึกๆเพื่อให้ตนพยายามสงบเงียบ ได้ต่อไป
“ท่านอ๋องเป็นบุคคลที่สง่างาม หวั่นเอ๋อรู้ดีว่าตนเองมิ คู่ควรท่านอ๋อง”
เหอะ เจ้าคือพระชายาหวั่นที่เสด็จพี่แต่งตั้งให้ หากว่า ข้าออกหนังสือหย่าให้แก่เจ้า เกรงว่าวันที่สองเสด็จพี่จัก ต้องลงโทษข้าข้อหาอกตัญญูต่อบิดามารดาเป็นแน่ ข้าม บังอาจ? โอวหยางหวั่นเอ๋อ เจ้าช่างกล้าหาญมาก”
ตงฟางอ้าวกัดฟันพลางมองไปยังสตรีที่ยังคงหยิ่งผยอง เช่นเดิม จึงเอ่ยเสียงเย็นชา
“หวั่นเอ๋อมิบังอาจเพคะ”
โอวหยางหวั่นเอ๋อมุ่นคิ้ว เหลือบไปมองบุรุษเบื้องหน้า ไม่รู้ว่าอ๋องอันเล่อสุดท้ายแล้วกำลังวางแผนคิดจะทำ อะไร
ผู้คนต่างก็กล่าวกันว่า ย่องขึ้นเมื่อเป็นเพียงคนโง่ผู้หนึ่ง มิใช่หรือ?
แต่ทำไม ฮ่องอันเล่อที่โอวหยางหวั่นเอ๋อเห็นผู้นี้ มิใช่ เพียงแต่ไม่ได้โง่เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังรวดเร็วและ ดุดันอีกด้วย?
สวรรค์ ไม่ยอมปล่อยนางไปหรือ? ปล่อยนาง ให้ไปใช้ ชีวิตอย่างสงบสุข?
“เหอะ ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ หากเจ้ารับปากข้าแล้ว ข้า ก็สามารถให้เจ้าครองตำแหน่งพระชายาได้ ถ้าหากว่า มิอาจทำได้ เช่นนั้น ก็ถือว่าเจ้าเป็นคนของข้า แม้ว่าจะ สิ้นชีพวิญญาณก็ยังเป็นของข้า โอวหยางหวั่นเอ๋อ เจ้า ฉลาดเช่นนี้ เข้าใจใช่หรือไม่? –
ตงฟางอ้าวจ้องไปยังใบหน้าที่ราบเรียบไร้อารมณ์ของ โอวหยางหวั่นเอ๋อ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ในใจกลับชื่นชมภรรยาอัปลักษณ์ที่เพียบพร้อมไปด้วย คุณธรรมอย่างที่เล่าลือกันของโอวหยางหวั่นเอ๋อขึ้นมา
เสด็จพ่อกล่าวไม่ผิด หญิงสาวผู้นี้ มีท่าทีเมินเฉยและ สงบนิ่ง อากัปกิริยาสง่างาม แต่ทว่าเหมาะสมกับสมญา นามหญิงสาวปาฏิหาริย์เสียจริงสตรีผู้นี้ เขายอมรับแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ