เพียงใจเดียว

บทที่ 15 ความโหดเหี้ยมของตงฟางอ้าว



บทที่ 15 ความโหดเหี้ยมของตงฟางอ้าว

บทที่ 15 ความโหดเหี้ยมของตงฟางอ้าว

“เสด็จแม่ ตงฟางอ้าวขออวยพรให้ท่านพระชนมายุ อ่อนเยาว์เช่นนี้ถาวร พระพักตร์ไม่แก่ชรา” ทันใดนั้น เสียงเผด็จการของผู้ชายก็เข้ามาขัดจังหวะสถานการณ์ คุกคามที่บีบเข้ามาทีละก้าว ตงฟางอ้าวรีบเดินเข้ามา เห็น โอวหยางหวั่นเอ๋อที่คุกเข่าอยู่ ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วย ไม่ได้ กล่าวสอบถาม

“เสด็จแม่ไม่พอใจพระชายาของลูกหรือ? หรือเป็นเพราะ ว่าพระชายาของลูกทำอะไรผิดไปทำให้เสด็จแม่ทรง กริ้ว?”

“พระชายาเจ้าคนนี้ จะไม่รู้จักพิจารณาสถานการณ์โดย รวมมากเกินไปแล้ว แม้แต่ข้าก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เจ้าว่า ความดื้อรั้นเช่นนี้ เสด็จแม่สมควรจะลงโทษหรือไม่?

ไทเฮามองตงฟางอ้าวอย่างมั่นใจในตนเอง ไม่มีความ ละอายต่อการบิดเบือนข้อเท็จจริงเลยแม้แต่น้อย

“ไทเฮา ไม่ใช่แบบนี้ เป็น…..” ตงฟางจิ้งซูแทบรอไม่ไหว ก้าวมาข้างหน้าเพื่อต้องการอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจน กลับถูกเสียงดุของไทเฮาหยุดเอาไว้
“จิ้งซู รางกายของเจ้าอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ไปนั่งด้าน ข้างซะ อย่าเข้ามายุ่ง

คำพูดนี้ แสดงถึงความเฉียบขาดเล็กน้อย ห้ามไม่ให้ตง ฟางจิ้งซูเข้ามายุ่ง คนที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนแต่ดูออก ว่า วันนี้ ไทเฮามุ่งมั่นที่จะทำให้โอวหยางหวั่นเอ่อลำบาก แน่นอนแล้ว แต่ละคนต่างพากันนิ่งเงียบ ไม่กล้าเอ่ยปาก วิงวอนขอร้องเพื่อโอวหยางหวั่นเอ๋อ

“ถ้าอย่างนั้น ไทเฮาต้องการลงโทษพระชายาของข้า เช่นไร?” ตงฟางอ้าวเอ่ยปากสอบถามราวกับเป็นเรื่องที่ ธรรมดามาก

ไม่ได้เอ่ยปากวิงวอน ไม่มีอาลัยอาวรณ์ เพียงแต่ ธรรมดาอย่างมาก น้ำเสียงราวกับว่ากำลังสอบถามไทเฮา ว่าวันนี้อยากกินอะไร

ไทเฮาต้องการลงโทษพระชายาของข้าเช่นไร?

“ก็ทำตามที่เสี้ยวเสี้ยวบอก ลดขั้นสามระดับเห็นแก่ท่าที ที่พระชายาหวั่นยอมรับผิดถือว่าไม่เลว ข้ายกให้ แต่ ว่าการโบยห้าสิบทีนี้.…….…….

ไทเฮาเป็นคนที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งมากประสบการณ์ฉลาดมาก จริงๆ เดิมที ตนจะโบยโอวหยางหวั่นเอ๋อตรงนี้ ไม่ว่า อย่างไร คำติฉินนินทาตนก็ต้องมีอย่างแน่นอน แต่ว่าหลังจากได้รับการเห็นชอบจากตงฟางอ้าวแล้ว ทุกอย่างก็ จะไม่เหมือนกันแล้ว คนเป็นสามี จะลงโทษภรรยาตนเอง นั่นก็แตกต่างกันแล้ว ไม่ว่าจะพูดกันอย่างไร ก็ไม่สามารถ พูดมาถึงตนได้

ดังนั้น ไทเฮาตั้งใจหยุดคำพูดเอาไว้รอดูท่าทีของตงฟาง อ้าว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำตามรับสั่งไทเฮาเถอะ” น้ำเสียงยัง ดงราบเรียบเช่นนั้นเหมือนเดิม ราวกับว่ากำลังเห็นด้วยกับ เรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง

โอวหยางหวั่นเอ๋อมองตงฟางอ้าวที่ยังคงเย็นชาเหมือน เดิมอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา เดิมนึกว่าตงฟางอ้าวรีบร้อน เข้ามา ตนยังพอมีความหวังนึกว่า ตงฟางอ้าวจะวิงวอน เพื่อตน เพียงแต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ตงฟางอ้าว ก็แค่มาดู ตนถูกโบย

ยิ้มออกมาอย่างโศกเศร้า โอวหยางหวั่นเอ๋อปล่อยให้ ทหารสองคนลากตนไปบนไม้สำหรับลงทัณฑ์ กัดฟันเอา ไว้แล้วมองออกไกลออกไป ไม่ไปมองหน้าตาตงฟางอ้าว แม้แต่น้อย เพราะว่าโอวหยางหวานเอ๋อรู้อยู่แก่ใจ ตงฟาง อ้าวผู้ชายคนนี้ โหดเหี้ยมไร้น้ำใจเสมอ ไม่เคยรู้สึกเป็น ห่วงตนอยู่แล้ว แล้วทำไมตนจะต้องไปทำให้ตนเองอัปยศ อดสู? ทำไมตนจะต้องไปมีความหวังจอมปลอมเช่นนั้น
ไม้กระดานโบยลงมาบนตัวของตนทีละไม้ โอวหยาง หวั่นเอ่อเคยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ที่ไหน มีหลายครั้ง ที่ทนไม่ไหวร้องออกมา แต่กลับกัดฟันทนเอาไว้ ควบคุม ตนเองเอาไว้ไม่ให้ตนร้องออกมา นานๆไป ตนก็ได้ลิ้มรส เลือดตรงมุมปากของตน จำไม่ได้แล้วว่าตกลงตนถูกโบย ไปกี่ทีแล้ว โอวหยางหวั่นเอ๋อเพียงแต่รู้สึกปวดแสบปวด ร้อนที่หลังเท่านั้น ทำให้ตนค่อยๆหมดสติไป

ตอนที่สะลึมสะลือดูเหมือนจะได้ยินตงฟางจิ้งซูตะโกน ว่าหยุดโบยได้แล้ว ห้ามโบยต่ออีก ไม้โบยบนตัวถึงหยุด เอาไว้แค่นั้น แต่ว่าหลังของตนกลับเจ็บ เจ็บอย่างปวด แสบปวดร้อน

ตอนที่โอวหยางหวั่นเอ๋อตื่นขึ้นมาพบว่าตนนอนอยู่ใน ห้องที่ไม่รู้จัก หญิงรับใช้คนหนึ่งกำลังดูแลตนอย่างใส่ใจ ที่หลังยังคงเจ็บแบบปวดแสบปวดร้อนเช่นเดิม เจ็บจนตน รู้สึกว่าตนเองใกล้จะตายอยู่แล้ว

หญิงรับใช้ตัวเล็กมองหลังของตนอย่างเป็นกังวล ถอน หายใจแล้วกล่าวว่า

“พระชายาหวั่น จะต้องดูแลรักษาแผลให้ดี กลัวว่า….……. สาวน้อยลังเลไม่ยอมพูด กลัวจะทำให้โอวหยางหวั่นเอ๋ อเสียใจ
“กลัวว่าอะไร ข้าทนไหว เจ้าพูดเถอะ”

“กลัวว่า อีกหน่อยจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้” สาวน้อย มองไปบนหลังที่น่ากลัวเปื้อนไปด้วยเลือดของโอวหยาง หวั่นเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเห็นใจ อดรู้สึกอกสั่น ขวัญแขวนไม่ได้ บาดเจ็บสาหัสหนักเช่นนี้ พระชายาหวั่น ทนมาได้อย่างไร?

ถึงแม้ตนจะไม่ได้เห็นตอนที่พระชายาหวั่นถูกลงโทษกับ ตา แต่กลับได้ยินมาว่า มือที่หนักเช่นนั้น พระชายาหวั่น ไม่ร้องออกมาแม้แต่คําเดียว คนในวังมากมาย ต่างก็พา กันแอบนับถือโอวหยางหวานเอ๋อ ต่างพากันขนานนาม โอวหยางหวั่นเอ๋อว่าเป็นพระชายาเหล็ก คิดถึงตรงนี้ สาว น้อยตัวเล็กอดรู้สึกเคารพเทิดทูนโอวหยางหวั่นเอ๋อที่นอน อยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ยังคงราบเรียบจากใจไม่ได้

“ออ” เพียงแต่ตอบกลับมาเรียบๆคำหนึ่ง โอวหยางหวั่น เอ๋อไม่แสดงอารมณ์ใดๆ รอยแผลเป็นเท่านั้น ในเมื่อ หน้าของตนก็เสียโฉมไปแล้ว จะมีมากขึ้นมาอีกหน่อยจะ เป็นไรไป

“ข้าเพียงแต่ต้องการให้แผลหายเร็วๆ เรื่องอื่นไม่เป็นไร” สั่งหมอหญิงอย่างแผ่วเบา โอวหยางหวั่นเอ๋อหลับตาลง ดูเหมือนกับว่ากำลังพักผ่อนสายตา แต่ในความจริงคือ กําลังอดทนต่อความเจ็บปวดบนแผ่นหลัง
นอนอยู่ในวังหลังไปสามวัน ตงฟางอ้าวกลับไม่เคยมาดู โอวหยางหวั่นเอ๋อแม้แต่ครั้งเดียว

ตรงรอยแผลเกิดเนื้อใหม่คือความเจ็บปวดที่ยากต่อการ อดทนแล้ว และยังทําให้คนเกิดอาการคันจนทนไม่ได้ โดยเฉพาะเวลากลางดึก อาการคันเพิ่มมากขึ้นจนยากแก่ การอดทน คนที่คอยปรนนิบัติรับใช้โอวหยางหวั่นเอ๋อเห็น ว่าท่านอ๋องห้าไม่ได้ใส่ใจเป็นห่วงพระชายาคนนี้ซักเท่า ไหร่ การปรนนิบัติรับใช้ก็หละหลวมไปมาก

คนที่อยู่ในวังหลัง ทุกคนล้วนแต่อยากไต่เต้าไปสู่ความ สำเร็จ เบื้องหลังขุนนางฝ่ายในทุกคน คนไหนบ้างไม่ได้ เหยียบหัวคนนับไม่ถ้วนปีนขึ้นมาทีละก้าว?

วังหลัง ไม่เคยมีความเห็นอกเห็นใจและความเมตตา คน ที่ไร้เดียงสาแต่ละคนล้วนแต่จะกลายเป็นคนซับซ้อนมาก ประสบการณ์ทั้งนั้น

ดังนั้น ในเวลากลางคืน ตำหนักที่โอวหยางหวั่นเอ๋อพัก อยู่ไม่เคยมีแม้กระทั่งเวรยามที่ต้องคอยรักษาการอยู่เลย

โอวหยางหวั่นเอ๋อนอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ ความเจ็บ ปวดและอาการคันของเนื้อที่เกิดใหม่บนหลังทำให้หัวของ ตนเต็มไปด้วยเหงื่อ
กัดฟันเอาไว้อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผล โอ วหยางหวั่นเอ๋อคิดอยากจะลุกขึ้นมา อยากดื่มน้ำชักค่า ไม่มีคนมาสนใจดูแลตนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว และไม่ ได้สัมผัสกับน้ำแม้แต่น้อยมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วเช่นกัน ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดจากบาดแผล อาศัยความ ปรารถนาจากการเอาชีวิตรอด โอวหยางหวั่นเอ๋อดิ้นรน ลุกขึ้นมา อยากจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ

ร่างกายที่นอนอยู่บนเตียงมาหลายวันอ่อนแอไร้ เรี่ยวแรงตั้งนานแล้ว ไม่มีความสามารถในการขยับเข ยื้อนใดๆ โอวหยางหวั่นเอ๋อกลิ้งตกจากเตียงลงไปกับพื้น อย่างแรง

เพราะว่ากลัวว่าบาดแผลจะอักเสบ หมอหญิงจึงใช้เพียง ผ้าขาวบางคลุมหลังของโอวหยางหวั่นเอ๋อเอาไว้เท่านั้น ตอนนี้กลิ้งตกลงมากะทันหัน ทำให้แผ่นหลังของโอว หยางหวั่นเอ๋อแบกรับแรงกระแทกและน้ำหนักทั้งหมด ของตน ความเจ็บปวดกะทันหันทำให้โอวหยางหวั่นเอ๋อ เจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

แผลที่กว่าจะติดกันได้ไม่นานก็ปริออกและเลือดค่อยๆ ซึมออกมาอีก โอวหยางหวั่นเอ๋อที่ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่ก่อน แล้วอดทนต่อไปอีกไม่ไหว นอนอยู่บนพื้นแล้วก็สลบไป

หญิงสาวนอนจมกองเลือดด้วยความอ่อนแอ เลือดถึงกับ ทำให้เสื้อผ้าของหญิงสาวเปียก หญิงสาวกลับนอนจมอยู่ในกองเลือดด้วยหน้าที่ขาวซีดไร้ซึ่งสีเลือด หลับตา ลงอย่างเงียบๆ หายใจรวยรินเหมือนใกล้จะหมดลม……..

ตอนที่ตงฟางอ้าวผลักประตูออกอยากจะมาดูโอวหยาง หวั่นเอ๋อ สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นภาพเช่นนี้

ตงฟางอ้าวขมวดคิ้วอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา ก้าวสอง ก้าวในสามก้าวรีบเดินเข้าไป อุ้มโอวหยางหวั่นเอ๋อขึ้นมา เลือดเปื้อนเต็มเสื้อผ้าของตงฟางอ้าว เต็มไปด้วยเลือดสี แดงสด ตงฟางอ้างกลับไม่สนใจอะไรมากแล้ว มองคนที่ อยู่ในอ้อมแขน รู้สึกเจ็บปวดพลุ่งพล่านในใจ

โอวหยางหวั่นเอ๋อ เจ้าดูแลตัวเองไม่เป็นเช่นนี้เลยหรือ? ข้าไม่อยู่ เจ้าก็ทำลายตัวเองเช่นนี้หรือ? ตงฟางอ้าวขมวด คิ้วแน่น

“ท่านอ๋อง ข้าน้อย……. หญิงรับใช้คนหนึ่งที่บุกเข้ามา มองตงฟางอ้าวอย่างตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่าตั้งแต่พระ ชายาหวั่นบาดเจ็บตงฟางอ้าวที่ไม่เคยมาดูเลยสักครั้ง ตอนนี้กลับปรากฏตัวที่นี่ เห็นตงฟางอ้าวที่โกรธอยู่เต็ม หน้า รู้ได้ทันทีว่าตนก่อเรื่องใหญ่แล้ว มองตงฟางอ้าวตัว สั่น กลัวว่าตงฟางอ้าวจะออกคำสั่งทำอะไรกับตน

“เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าปฏิบัติกับพระชายาของข้าเช่น นี้” ตงฟางอ้าวมองนางกำนัลที่ตกใจหวาดกลัวสุดขีด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ

“ข้าน้อยไม่กล้า”

“รีบไปตามหมอหลวงมาให้ข้า มิเช่นนั้น ข้าจะเอาชีวิต เจ้าฝังลงไปด้วย” อุ้มโอวหยางหวั่นเอาไว้ ผ่านไปแค่สาม วัน ผู้หญิงคนนี้กลับดูเหมือนผอมไปมาก เดิมทีก็ผอมบาง อยู่แล้ว ตอนนี้อุ้มขึ้นมายิ่งเหลือแต่กระดูกทั้งนั้น ขมวด คิ้วขึ้นมา ตนจากไปเพียงแต่สามวัน ผู้หญิงคนนี้กลับถูก ทรมานจนกลายเป็นเช่นนี้? ดูท่า ตนต้องแสดงอำนาจบ้าง แล้ว

ตงฟางอ้าวกอดคนอ้อมแขนเอาไว้ ในสายตาเต็มไปด้วย

เป็นห่วงจริงๆ

โอวหยางหวั่นเอ๋อ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องอดทนเอาไว้

“ท่านอ๋อง รีบวางพระชายาลงเถอะ ข้าจะได้รักษาให้ พระชายา” ชายชราอายุห้าสิบกว่าแต่งกายในชุดหมอ หลวง รีบร้อนกล่าว

ตงฟางอ้าวมองโอวหยางหวั่นเอ๋อที่แม้จะสลบไปก็ยัง ขมวดคิ้วอยู่ อดที่จะใจสั่นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ ถูกโบยไป สามสิบกว่าที หลับไม่ร้องออกมาสักคำ ความเข้มแข็งเช่น นี้ แม้แต่ตนก็ยังรู้สึกนับถือไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้กลับเจ็บ หนักเช่นนี้ แม้จะสลบไปก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดเห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดเช่นนี้มันเจ็บปวดแค่ไหน

หมอหลวงเปิดดูหลังของโอวหยางหวั่นเอ๋ออย่าง ระมัดระวัง แผ่นหลังที่เคยเรียบเนียนบัดนี้กลับเต็มไป ด้วยฝน เปื้อนไปด้วยเลือด

หมอหลวงขมวดคิ้ว ถูกอาการบาดเจ็บที่สาหัสเช่นนี้ ทำให้ตกใจเช่นกัน

“บอกข้ามา ตกลงแล้วพระชายาของข้าเป็นอย่างไร บ้าง?” ตงฟางอ้างอดไม่ได้ที่จะเร่งเร้าถามหมอหลวง ใน ใจลึกๆ เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรเลยแม้แต่ น้อย

“เรื่องนี้ กลัวว่า..….….….. หมอหลวงมองตงฟางอ้าวที่ร้อนรน อย่างลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี

“ข้าสั่งให้เจ้า พูด” สีหน้าล้ำๆอึ้งๆของหมอหลวง ตงฟาง อ้าวมองอยู่ในสายตาก็เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่า อาการ บาดเจ็บครั้งนี้ของโอวหยางหวั่นเอ๋อรุนแรงมาก

“เรียนท่านอ๋อง เดิมทีอาการบาดเจ็บของพระชายา หนักมากอยู่แล้ว แต่ว่าเพียงแค่ดูแลรักษาดีๆก็จะไม่มี ปัญหาใดๆ แต่ว่า สองวันมานี้ดูเหมือนพระชายาจะไม่ได้ รับการดูแลรักษาแผลที่ดี ทำให้บาดแผลติดเชื้อ และ ดู เหมือนว่าพระชายาจะเคยตกลงมาจากเตียง บนบาดแผลเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกเล็กน้อย ทำให้บาดแผล เพิ่มความรุนแรงของอาการมากขึ้น….……

“บอกกับข้า จากนี้ควรจะทำอย่างไร?” ขมวดคิ้วขึ้นมา ตงฟางอ้าวไม่มีอารมณ์ฟังคำพูดของหมอหลวง เอ่ยปาก ออกคำสั่งโดยตรง

“วิธีที่มีในตอนนี้ ก็คือไปขุดเอาเนื้อที่ตายไปแล้วบนหลัง ของพระชายาออก จากนั้นปิดบาดแผลให้เรียบร้อยรอให้ มีเนื้อใหม่งอกออกมา”

สีหน้าหมอหลวงเคร่งเครียดเล็กน้อย วิธีนี้ โหดร้ายมาก ไปจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ดูจากสถานการณ์ของโอวหยาง หวั่นเอ๋อแล้ว กลับจำเป็นจะต้องทำเช่นนี้ ถึงแม้ตนจะเป็น หมอมายี่สิบสามสิบปีแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ให้ตนเผชิญกับ เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรตนก็ลงมือไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ