เพียงใจเดียว

บทที่ 5 การแต่งงานแบบเดิน



บทที่ 5 การแต่งงานแบบเดิน

บทที่ 5 การแต่งงานแบบเดิน

“ท่านอ๋องเชิญกล่าว ก้าหากหวั่นเอ๋อสามารถทําได้ หวั่น

เอ๋อมิกล้าบ่ายเบี่ยงแน่นอนเพคะ” โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังตงฟางอ้าว ดวงตาคู่นั้น

ประกายสดใสราวกับน้ำ ราวกับสามารถพูดได้ก็มิปาน

ถ้าหากว่ามิใช่เพราะตำหนิตรงหน้าผากยึดครองพื้นที่ แทบจะทั่วทั้งใบหน้าด้านซ้าย มิฉะนั้นหญิงสาวผู้นี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวงามล่มบ้านล่มเมืองได้เพียง แค่การยิ้มและขมวดคิ้ว ทว่าน่าเสียดาย น่าเสียดายเสีย

จริง

ตงฟางอ้าวมองใบหน้าของโอวหยางหวั่นเอ๋อ อดไม่ได้ที่ จะหมุนศีรษะกลับมาอย่างผิดหวังและมองไปยังทิศทาง

อื่น

เอ่ยปากถามขึ้นมา

“เงื่อนไขนั้นง่ายมาก ไม่อนุญาตให้เปิดเผยความลับ ของข้า รวมไปถึงเรื่องที่ข้ามิใช่คนโง่เรื่องนั้นด้วย ยังมี บอกคนภายนอก เจ้าคือโชคดีที่มาช่วยขจัดเสนียดจัญไร ดังนั้นอาการข้าจึงค่อยๆดีขึ้นมา เข้าใจหรือไม่?
สีหน้าของตงฟางอ้าวอยู่ในสายตาของโอวหยางหวั่นเอ๋ อท้งหมด

เหอะ ใครบอกว่าบุรุษไม่มักมากในกาม ในโลกนี้ บุรุษที่ ไม่มักมากในกามอยู่ที่ใดกัน?

เพียงแค่ไม่พูด แต่แค่ไม่ยอมรับเพียงเท่านั้น

“เพคะ หวั่นเอ๋อรับปาก”

โอวหยางหวั่นเอ๋อย่อกายคารวะ มองไปยังตงฟางอ้าว ที่นั่งอยู่บนเกี๊ยวของตนอย่างเอ้อระเหยลอยชาย อดไม่ ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยปากถาม

“ท่านอ๋อง เกี๊ยวของหม่อมฉันสบายหรือไม่เพคะ? *

ในน้ำเสียงมีความประชดประชันอย่างสงบเยือกเย็น

“มานี่ มานั่งข้างข้าเถิด”ตงฟางอ้าวกลับไม่ให้ความสนใจ กับคำพูดที่ประชดประชันของโอวหยางหวั่นเอ๋อ เอ่ยปาก และกวักมือเรียกโอวหยางหวั่นเอ่อ

โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังชายหนุ่มที่อิงแอบบนร่าง ของตนคล้ายกับกำลังจะหลับ ก็ไม่รู้ว่าจะทําเช่นไรดี
ชายผู้นี้ เหตุใดจึงได้ไร้ความระมัดระวังเช่นนี้เล่า? หรือ ว่าชายผู้นี้ จะไว้วางใจตนเองมากแล้ว?

พวกเขา เพิ่งจะพบหน้ากันมิใช่หรือ….

มองชายหนุ่มที่แม้ว่าจะหลับไปแล้วทว่ายังคงขมวดคิ้ว และตาอยู่ โอวหยางหวั่นเอ่ออดไม่ได้ที่จะคาดคะเน

ชายหนุ่มผู้นี้ เกรงว่าคงจะเหน็ดเหนื่อยเกินไปแล้ว?

ดังนั้น ขณะที่อยู่บนเกี๊ยว ถึงสามารถหลับลง เพราะฉะนั้น ยามที่อยู่กับตนจึงมิได้หลงเหลือความ ระมัดระวัง?

โอวหยางหวั่นเอ๋อนึกถึงตรงนี้ ก็ได้ยื่นนิ้วชี้ที่เรียวสวย ของตนออกมา สัมผัสไปที่ใบหน้าของตงฟางอ้าวอย่าง แผ่วเบา

ระหว่างดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสกับชายหนุ่ม

เป็นปกติที่จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความ ระมัดระวัง
“ผู้ใด? –

ตงฟางอ้าวลืมตาขึ้นมาในทันที และโจมตีไปยังคอหอย ของโอวหยางหวั่นเอ๋อตามจิตใต้สำนึก

รอเมื่อการตอบสนองของตนเองกลับมา จึงได้พบว่าเป็น โอวหยางหวั่นเอ่อมองมาที่ตนเองอย่างไร้เดียงสา ขณะที่ มือทั้งสองข้างของตนที่ราวกับกรงเล็บบีบไปที่สําคอของ โอวหยางหวั่นเอ่อ…

ตงฟางอ้าวขมวดคิ้ว คลายมือของตนออก มองไปยังโอว หยางหวั่นเอ๋อที่ไออยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า เอ่ยปากกล่าว

“เจ้าทําอันใด? ”

ประโยคคำถามเดียว มีเพียงสามคำง่ายๆ โอวหยางหวั่น เอ๋อกลับมิอาจหาเหตุผลมาตอบได้

อะไร? นางทำอันใด? นางเพียงแค่อยากจะรู้ เมื่อครู่ เกิดอันใดขึ้นกับตนกันเล่า ตนเองนั้นเงียบสงบและอ่อน โยนมาตลอด ตนเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตนเองถึงได้ กระทำกิริยาท่าทางเช่นนั้นออกมาได้

จะให้ตนอธิบายเรื่องนี้อย่างไรเล่า?
“จดจำฐานะของตนเองไว้ให้ดี อย่าได้ทำเรื่องที่อยู่นอก เหนือข้อกำหนด ตงฟางอ้าวมองไปยังใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ของโอวหยางหวั่นเอ๋อที่ในที่สุดก็เริ่มแสดงอารมณ์ออก มาบ้างแล้ว

กล่าวอย่างเย็นชา

คนที่เขาต้องการ แต่ไหนแต่ไรต่างก็รู้จักฐานะของ ตนเองเป็นอย่างดี

“เพคะ ท่านอ๋อง”โอวหยางหวั่นเอ๋อก้มศีรษะลงต่ำ จ้อง ไปยังรองเท้าแต่งงานที่ปักด้วยลายดอกโบตั๋น และไม่ กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองตงฟางอ้าวอีก

เป็นตนเองที่ทำผิดพลาด ดังนั้นจึงได้ขาดความมั่นใจ ต่อตนเอง ใช่หรือไม่

“หากท่านอ๋องไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ หม่อมฉันสามารถแต่ง เข้าจวนอ๋องอันเล่อได้ในทันทีเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง มองไปยังตง ฟางอ้าวขณะเอ่ย

“อืม”
ตอบอย่างเป็นชา

ขณะนี้บรรยากาศเริ่มอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก โอวหยาง หวั่นเอ๋อถือโอกาสหยิบผ้าคลุมหน้าที่ตงฟางอ้าวโยนทิ้ง ไปขึ้นมา คลุมไปบนศีรษะของตนเอง สายตายังคงจดจ่อ อยู่ที่รองเท้าแต่งงานของตน มิได้สนใจไยดีตงฟางอ้าวอีก ต่อไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เสียงขลุ่ยของบรรยากาศ แห่งการเฉลิมฉลองที่ได้ยินมาตลอดก็ไม่ได้ยินอีกต่อไป แล้ว

“คุณหนู ถึงแล้ว ลงจากเกี๊ยวเถิดเจ้าค่ะ”เสียงของหลิง หลงดังมาจากภายนอกของเกี๊ยวเจ้าสาว เสียงนั้นมีความ กระวนกระวายและไม่สงบอยู่

“อืม”ตงฟางอ้าวไม่รู้ว่าใช้วิธีการใดออกไปจากเกี๊ยวเจ้า

สาว

โอวหยางหวั่นเอ๋อเองก็ไม่ทราบได้ว่าจากไปเมื่อใดเช่น

รอยแยกที่ทะลุไปยังด้านล่าง โอวหยางหวั่นเอ่อค้น พบว่าในเกี๊ยวเจ้าสาวมีเพียงแค่ตนเองผู้เดียว ในใจนั้นมี ความรู้สึกที่มิอาจบรรยายออกมาได้
ยังคงรักษาใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์เช่นเดิมของตน ต่อไป

รักษาความสง่างามและความใจกว้างอย่างคงเส้นคงมา ของตน เลิกม่านเกี๊ยวออกไปอย่างใจเย็น ลงจากเกี๊ยว และก้าวข้ามกองไฟ

“คุณหนู เป็นจวนอ๋องอันเล่อที่ดูมีสง่าราศีนะเจ้าคะ”หลิง หลงมองไปยังสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ อดไม่ได้ที่จะ มองไปรอบๆอย่างพิจารณา

“พระชายาหวั่น ข้าน้อยคือผู้ดูแลของจวนอ๋อง ขออภัย พะยะค่ะ ท่านอ๋องร่างกายได้รับอาการป่วย มิสามารถไป รับท่านด้วยตนเอง จึงส่งข้าน้อยมารับพระชายาไปที่ห้อง โถงใหญ่โดยเฉพาะพะยะค่ะ” ผู้ดูแลมองไปยังโอวหยาง หวั่นเอ๋อที่ลงจากเกี๊ยวเจ้าสาว ได้รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ และกล่าวขึ้น

ในเมื่อกล่าวว่าเกรงอกเกรงใจ แต่ความหมายของคำนั้น ทุกคนต่างก็เข้าใจชัดเจน

ไหนเลยจะมีเจ้าบ่าวจวนใดไม่ออกมารับเจ้าสาวในวัน แต่งงานบ้าง?

ดูแล้ว โอวหยางหวั่นเอ๋อผู้นี้ หญิงอัปลักษณ์ที่ฮ่องเต้องค์ ก่อนยกย่องว่าเป็นหญิงปาฏิหาริย์ อยู่ในจวนอ๋องอันเล่อ เกรงว่าจะมีอาจมีชีวิตที่ปลอดภัยในแต่ละวันได้

มองดูผู้คนที่มองดูสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะ เสียดายแทนโอวหยางหวั่นเอ๋อผู้นั้

“มิเป็นไร พ่อบ้านลำบากแล้ว ให้ข้าไปห้องโถงใหญ่ด้วย ตนเองเถิด”โอวหยางหวั่นเอ๋อมีมรรยาทพลางย่อกายลง แสดงความขอบคุณพ่อบ้าน

สุภาษิตว่าไว้อย่างดี คนเมื่ออยู่ใต้ชายคาของบ้านอื่น จำเป็นต้องก้มศีรษะ หลักการเช่นนี้ โอวหยางหวั่นเอ๋อนาง เข้าใจเป็นอย่างดี แม้มิอาจคาดเดาภายใต้สถานการณ์นี้ ได้ ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร? กลับกัน ใบหน้ากลับเป็นสิ่งที่ให้ผู้คนชื่นชม แล้วเกี่ยวข้อง อันใดกับตนเอง?

“พระชายาหวั่นเชิญทางนี้พะยะค่ะ “พ่อบ้านตอบกลับมา อย่างมีมรรยาท แสดงถึงเจตนาให้นางตามเขาไป

“คุณหนู อ๋องอันเล่อทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ แม้แต่ มรรยาทขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มี ให้คุณหนูเข้ามา ต่อหน้า ผู้คนมากมายเช่นนี้ ชื่อเสียงของคุณหนูจะเสียหายมาก เพียงใด? บ่าวรู้สึกไม่ควรค่าแก่คุณหนูเลยเจ้าค่ะ ”

หลิงหลงเบะปากอย่างไม่พอใจ แสดงถึงความไม่เหมาะ สมและอดอทนอดกลั้นตอโอวหยางหวั่นเอ๋อ
“หลังหลง หากข้าสะบัดหน้าท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ เช่น นั้นชื่อเสียงของข้าจะฟังได้หรือ? จักต้องจบลงด้วยการ เป็นหญิงสาวที่ดุร้าย เช่นนั้น ให้แล้วกันไปเกิด

น้ำเสียงของโอวหยางหวั่นเอ๋อไม่มีความโกรธแอบแฝง มี เพียงประโยคเดียวที่ชี้ให้เห็นถึงจุดสำคัญของเรื่องนี้

“คุณหนู ขออภัยเจ้าค่ะ เป็นบ่าวที่ใจร้อนเกินไป มิได้ ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้ “หลิงหลงฟังคำของโอวหยางหวั่น เอ๋อ เดิมทีนางก็เข้าใจหลิงหลง ขณะนี้โอวหยางหวั่นเอ๋ อกล่าวมันออกมาอย่างเข้าใจง่ายและราบเรียบ หากว่า ตนเองยังไม่เข้าใจอีก เช่นนั้นตนก็มิต้องติดตามคุณหนู ต่อไปแล้ว

“ประคองข้าเข้าไปด้านใน จำไว้ หากเข้าไปในประตูนี้ แล้ว นับจากนี้ไป พวกเราและจวนโอวหยาง ไม่มีความ สัมพันธ์อันใดเกี่ยวข้องต่อกันอีก เข้าใจหรือไม่?”

โอวหยางหวั่นเอ๋อกระซิบเสียงเบา

หลิงหลงพยักหน้า ประคองโอวหยางหวั่นเอ๋อที่สวมผ้า คลุมหน้าเจ้าสาวอย่างระมัดระวัง

เสียงของผู้คนรอบข้างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่รู้จัก จบจักสิ้น ทว่าโอวหยางหวั่นเอ๋อกลับไม่ได้ใส่ใจ ก้าวเดิน อย่างเพียบพร้อมสง่างามไปทีละก้าว
ท่ามกลางห้องโถง

มิได้คาดหวังถึงแขกเหรื่อที่นั่งกันอยู่แน่นอยู่เต็ม เพียง แค่ผู้คนเหล่านั้นที่บางตา สนทนาพูดคุยกันอย่างเป็นคุ้ง เป็นแคว

พ่อบ้านยิ้มอย่างพะอืดพะอม และกล่าวอธิบายแก่โอว หยางหวั่นเอ่อ

“พระชายา ขออภัยด้วยพะยะค่ะ แม้ว่าวันนี้จะเป็นงาน แต่งของท่านก็ตาม ทว่าก็ยังเป็นงานอภิเษกของฮ่องเต้ เช่นกันมิใช่หรือ? ทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่าย ต้อง…”

พ่อบ้านไม่ได้กล่าวต่ออีก ทว่าความหมายกลับกระจ่าง ชัดอยู่แล้ว

มิใช่ว่าอำนาจและอิทธิพลต่ำต้อยกว่าหรือ

มิโปรดปรานท่านอ๋อง จึงได้จัดงานวันนี้

ผู้คนรู้ว่าควรจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา ตำหนิผู้ใดไม่ได้ และไม่สามารถให้ผู้ใดตำหนิได้

“ไม่เป็นไร ท่านอ๋องอยู่ที่ใด? ”
โอวหยางหวั่นเอ๋อกำมือแน่นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ทว่า ท่าทางยังคงสงบราบเรียบดั้งเดิม

“ท่านอ๋องอยู่ในห้องหอ พระชายาเดินตามข้าน้อยไป เป็นอย่างไร ”

คำพูดนี้แม้จะถามอย่างเคารพนอบน้อม แต่กลับไม่มี สิทธิ์ให้โอวหยางหวั่นเอ๋อได้เลือกเลย

กล่าวได้ว่า โอวหยางหวั่นเอ่อนางยังสามารถกล่าวอันใด ออกไปได้อีกหรือ?

พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นไปมองโอวหยางหวั่นเอ๋ออย่าง ประหลาดใจครู่หนึ่ง แม้ว่าจะถูกผ้าคลุมหน้าบดบังไว้ ตนเองไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจน แต่ในใจพ่อ บ้านกลับรู้สึกชื่นชมโอวหยางหวั่นเอ๋อขึ้นมาเล็กน้อย

หญิงสาวที่ดีนางนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถรับมือกับ เหตุการณ์เบื้องหน้าได้อย่างไม่ตกใจเช่นนี้

ตามที่พ่อบ้านนำทาง หลิงหลงประคองโอวหยางหวั่นเอ๋ อไปยังทิศทางของห้องหอ
“พระชายา นี่คือห้องหอพะยะค่ะ ข้าน้อยลงแต่เพียงเท่า นี้ พระชายาโปรดระมัดระวัง”พ่อบ้านคารวะโอวหยางหวั่น เอ๋อ และหมุนกายจากไปในทันที คล้ายกับว่าภายในนั้น มิใช่ท่านอ๋อง เป็นสัตว์ดุร้ายอย่างไรอย่างนั้น

โอวหยางหวั่นเอ๋อยังคงไม่ขยับเช่นเดิม บอกเป็นนัยให้ หลิงหลงประคองตนเข้าไปด้านใน

ไหนเลยจากรู้ว่าหลังจากผลักประตูเข้าไป ภายในห้อง ว่างเปล่าไร้ผู้คนอย่างสิ้นเชิง

ตรงกันข้ามห้องหนึ่งกลับถูกตกแต่งประดับประดาด้วย ผ้าและโคมไฟที่งดงาม ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยคำ มงคล ทุกสารทิศเต็มไปด้วยความปิติยินดี แตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัดระหว่างลานบ้านที่เงียบสงัดไม่มีผู้คนเช่น นี้

หลิงหลงข่มความโกรธอย่างอดกลั้นและเงียบสงบอยู่ ข้างๆตนเองมาตลอดมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าก็มิ อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ มองไปยังเจ้านายของจวนตนเองและตำหนิ

“คุณหนู พวกเขารังแกคนมากเกินไปแล้ว ไหนเลยจะมี งานแต่งเช่นนี้เล่า? ไม่มีแขกเหรื่อ และไม่มีพิธีกราบไหว้ เทวดาฟ้าดิน แม้แต่ใบหน้าของท่านอ๋องยังมิได้พบมา ก่อน ทั้งยังนำพวกเรามาทิ้งไว้ในห้องนี้อย่างไม่สนใจอีก! “หลิงหลงกล่าวอย่างเคียดแค้น แสดงออกถึงความ ไม่พอใจของตนเอง

“หลิงหลง มาแล้ว ก็จงอยู่อย่างสงบ ในเมื่อมาแล้ว พวก เราก็ไม่สามารถถอยกลับได้

ไม่รู้เมื่อใด ที่โอวหยางหวั่นเอ๋อเลิกผ้าคลุมหน้าออกจาก ศีรษะของตนเอง มองบ้านหลังนี้อย่างพินิจ

ในเมื่อตงฟางอ้าวตกลงร่วมมือกันกับตนเองแล้ว สิ่งที่ ตนเองต้องทำคือ งานแต่งงานครั้งนี้ เดิมทีก็เป็นเพียงแค่ การแสดงฉากหนึ่ง คนสองคนมิได้รู้จักกัน จะสามารถ คบหารักใคร่กันได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ จัดการเองเสียแล้วกัน กลับกัน นี่เป็นเพียงแค่การแสดง ฉากหนึ่งเท่านั้น

“หลิงหลง เจ้าไปหาพ่อบ้านผู้นั้น ให้เขาจัดหาห้องหับให้ แก่เจ้าเถอะ ข้าจักอยู่ที่นี่คอยท่านอ๋อง”

โอวหยางหวั่นเอ๋อกล่าว

นางเชื่อว่า คืนนี้ จะต้องได้พบกับตงฟางอ้าวอย่าง แน่นอน แต่แค่ไม่ทราบว่า ครานี้ ตงฟางอ้าวจะมีท่าที อย่างไรยามได้เผชิญหน้ากับตนเอง

“บ่าวไม่ไปเจ้าค่ะ บ่าวอยากอยู่ปกป้องคุณหนูที่นี่”หลิงหลงมองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อที่นั่งอยู่บนเตียงที่ เต็มไปด้วยผ้าไหมสีแดง การแต่งหน้าสีแดงสวยงาม จุด ที่แต้มลงอย่าสง่างาม ผมเผ้าที่ยุงเหยิงเล็กน้อย ปิดลงที่ บนใบหน้าด้านซ้าย ปกคลุมแผลเป็นบนใบหน้าด้านซ้าย ลงอย่างพอดิบพอดี มองดูแล้ว ทำให้คนใจเต้นได้ไม่น้อย

“คุณหนู ท่านงดงามยิ่งนัก “หลิงหลงมองไปยังคุณหนู ที่แต่งหน้าของตน อดไม่ได้ที่อุทาน ว่ากันว่ายามสตรี สามชุดแต่งงานจะงดงามที่สุด เป็นอย่างนั้นจริงเสียด้วย งดงามดังคาดจริงๆ

“อืม หลิงหลง เจ้าไปเถิด ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ไม่อาจมี เรื่องใดเกิดกับข้าได้”

โอวหยางหวั่นเอ๋อปลอบหลิงหลงที่มีท่าทีไม่ไว้วางใจ อย่างสงบนิ่ง เจตนาให้นางวางใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ตนเอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ