เทพนักรบสยบฟ้า

บทที่ 9 คนสําคัญในค่ำคืนนี้



บทที่ 9 คนสําคัญในค่ำคืนนี้

บทที่ 9 คนสำคัญในค่ำคืนนี้

วันนี้ แท้จริงแล้วฟางเหยียนได้เซอร์ไพรส์เย่ชิงหยู่ ทำให้หล่อน รู้สึกตื้นตันอยู่ในใจลึกๆ

แต่หากจะกล่าวถึงคนสำคัญในคืนนี้ หล่อนคงไม่เหมาะสมกับ เรื่องนี้ คงเป็นคนสำคัญแค่ในใจของฟางเหยียนเท่านั้น

“ฟางเหยียน” เย่ชิงหยู่หันไปมองฟางเหยียน หล่อนกลืนน้ำลาย เบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มว่า “ขอบคุณค่ะ”

ถึงแม้ว่าฟางเหยียนจะเป็นคนชอบคุยโว แต่รอบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ ตัวเองผิดหวัง

บางทีพวกเขาอาจจะทำให้หวงหยวนฉาวร่วมมือไม่ได้ แต่ก็ สามารถมาเข้าร่วมงานลงทุนของหวงหยวนฉาวครั้งนี้ได้ หล่อนก็ รู้สึกพอใจแล้ว

ความจริงแล้วฟางเหยียนในตอนนี้ เป็นคนดีมากๆ ถ้าเขาไม่พูด โกหก คงจะดีกว่านี้มากๆเลย

แต่น่าเสียดาย ที่มันเป็นไปไม่ได้
พอคิดถึงเรื่องนี้ หล่อนก็กุมมืออันแสนอบอุ่นทั้งสองข้างของ ฟางเหยียน การจับมือครั้งนี้ ทําให้รู้สึกว่าสายตาของคนรอบข้าง ไม่ได้สําคัญอีกต่อไปแล้ว

“เฮ นี่คือคุณหนูของตระกูลเย่หรือเปล่า” ชายกลางคน สวมเสื้อ สูทและรองเท้าหนังได้เอ่ยถามขึ้นแบบเหยียดหยาม นี่คือตู้เทียน หลง เป็นพ่อของตู้หมิงล่าง เขาหัวเราะเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ตระ กูลเย่ไม่เหลืออะไรแล้ว เธอเป็นตัวแทนตระกูลจางมาร่วมงาน

“พี่ตู้ พูดจาอะไรแบบนั้น ตระกูลจางจะมีคุณสมบัติอะไรกันล่ะ คนที่กล่าวประโยคนี้ก็คือหลิวซื่อหลง เป็นรุ่นที่สี่ของผู้นําตระกูล ใหญ่อันดับสี่ของเมืองจินโจว หลังจากที่บ้านตระกูลเยีล้มละลาย ตระกูลหลิวก็ขึ้นมาเป็นอันดับสาม

ก่อนหน้านี้หลิวซื่อหลงและตู้เทียนหลงมีความสัมพันธ์ แน่นแฟ้นกันดีกับเย่เทียน แต่คนเหล่านี้เป็นพวกประจบสอพลอ เหมือนตระกูลเซียวที่ปฏิบัติต่อตระกูลเย่ ต่างก็หลบๆซ่อน กลัวว่า จะนําความสาบากมาให้ตัวเอง

ตอนนี้ตระกูลเย่ไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเขายังมาเยาะเย้ยเชิงห

“คุณลุงทั้งสอง กำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่หรือเปล่า” เย่ชิงหยู่ถาม และมองไปที่สองคนนั้น
หล่อนสามารถอดทนกับคนในตระกูลจางได้ แต่ความทุกข์ใน ครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหล่อนเลย หล่อนจะไม่ทน

“ไม่ใช่อย่างนั้น หลานสาวพูดอะไรอย่างนั้นละ พวกเราก็แค่ อยากจะถามว่าพวกเธอมาได้ยังไง”

“ทั้งสองท่าน น่าจะยังจำผมได้นะ

ตู้เทียนหลงหันไปสบตากับหลิวซื่อหลง ใช้สายตาสำรวจอยู่ครู่ หนึ่งและตอบว่า “จำได้ เธอคือลูกเขยของบ้านตระกูลเยีที่นั่งกิน นอนกินอยู่เป็นเวลาสิบๆปี นายชื่ออะไรแล้วนะ ฉันนึกไม่ออกแล้ว

ฟางเหยียนเริ่มแสดงสีหน้าที่โกรธ เขาเข้าไปประชิดกับทั้งสอง ท่าน หัวเราะเบาๆและพูดว่า “ผมชื่อฟางเหยียน ที่กลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อคิดบัญชีกับพวกที่เคยทำไม่ดีกับตระกูลเย่เอาไว้ แต่หวังว่า พวกคุณทั้งสองจะไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับตระกูลเย่นะ

เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็ได้เอามือตบไหล่ของพวกเขาทั้งสอง และดึงมือของเย่ชิงหยู่เดินออกไป

กลับมาที่ทั้งสองท่าน ซึ่งสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกับได้กินอุจจาระ
ผ่านไปพักใหญ่ เทียนหลงรู้สึกโกรธและพูดว่า “นี่มันอะไรกัน ถึงได้กล้ามา ฉัน ”

“รปภ. เอาสองคนนี้ออกไป พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะร่วมงานนี้ ได้”

เทียนหลงกับหลิว อหลงปรี่เข้าไปหารปภ. พร้อมกับตะโกน

เรียก

เทียนขุยเมื่อเห็นฟางเหยียน สีหน้าก็ถอดสีลง เขาเข้าไปหาทั้ง สองทันทีและพูดว่า “ถ้าพวกนายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฉันจะ ช่วยสงเคราะห์พวกนายเอง

“นาย นาย นาย นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันคือตู้เทียนหลง และ เขาก็คือหลิวซือหลง” ตู้เทียนหลงรู้สึกโกรธจนอยากจะฆ่าคน

“ออกไป” เทียนขุยเอ่ยขึ้นมาคำนึง และเดินจากไป

ตู้เทียนหลงกับหลิวซื่อหลงหันไปสบตากัน อารมณ์ปานกับกิน อุจจาระมายังไงยังงั้น

ฟางเหยียนพาเย่ชิงหยู่ไปหาที่นั่ง เย่ชิงหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ออกมาว่า “ฟางเหยียน เมื่อกี้นายไปพูดอะไรกับเขา
ฟางเหยียนตอบมาว่า “เปล่านิ ก็แค่ให้เขาหุบปาก

“ไม่ ไม่จริงหรอก” เย่ชิงหยู่ยังไม่เชื่อว่าฟางเหยียนจะกล้าพูด แบบนั้นออกมา สองคนนั้นเป็นคนของสองตระกูลใหญ่

แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน และผู้นําของเมืองจินโจวทุกท่าน อรุณ สวัสดิ์ครับ” บนเวทีของในงาน ได้มีเสียงพิธีกรหนุ่มดังขึ้น และ เป็นพิธีกรที่มีชื่อโด่งดังของจินโจว มักจะเห็นเขาจากในโทรทัศน์ อยู่บ่อยๆ

หลังจากที่เขาพูดเสร็จ ถึงจะเข้าสู่พิธีการ “ลำดับต่อไป จะ เป็นการแนะนําแขกคนสําคัญในงานนี้ ”

ที่นั่งอยู่บนเวทีด้านบนคือเหล่ามหาเศรษฐี หนึ่งในนั้นมีผู้นำของ สามตระกูลใหญ่ของจินโจว เซียวเฉียนเจิ้นผู้นําตระกูลเซียว ตัว หลินผู้นำตระกูลตู้ ผู้นำตระกูลหลิว หลิวจินหม่าน และยังมีบุคคล สำคัญท่านอื่นๆอีกด้วย

เรามักจะได้เห็นพวกเขาอยู่บ่อยๆ ได้เข้ามาในงานตรงนี้ก็ถือว่า เป็นที่รู้จักกันไม่น้อย

แต่หนึ่งในนั้นกลับมีวัยรุ่นร่างกายกำยำอายุประมาณสามสิบ ปี สวมชุดทหาร มีสีหน้าที่เคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ก็ตาม ก็ สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความภูมิใจที่ได้มาจากสนามรบ
“สําหรับท่านนี้หลายคนอาจจะไม่คุ้นตา เขาเป็นบุคคลสําคัญที่ ได้รับเชิญจากท่านหวงในวันนี้ เป็นพลโทประจำการชายแดนภาค ใต้ ท่านเทียนขุย” พิธีกรได้แนะนำด้วยความเคารพ

เมื่อได้ยินว่าเป็นพลโทประจำการชายแดนภาคใต้ และอายุยัง น้อยอีกน้อย ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานพูดกันไม่หยุด เขาเป็นใครกัน คาดไม่ถึงเลยว่าบุคคลสำคัญขนาดนี้จะเข้ามาในเมืองจินโจวเล็กๆ นี้ได้ เห็นได้ว่าท่านหวงเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างมาก

ทุกคนต่างก็พากันมองหน้า เหงื่อตกไหลเป็นทาง

“ฟางเหยียน พลโทที่ประจำการชายแดนภาคใต้เก่งมากไหม” เย่ ชิงหยู่ถามด้วยความสงสัย

ฟางเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และตอบว่า “พอใช้ได้ ก็คือสามารถ บริหารจัดการออกคําสั่งชายแดนภาคใต้ แล้วยังมีอำนาจในการ จัดการกองทัพอีกด้วย”

เมื่อเย่ชิงหยู่ได้ยินว่าสามารถจัดการกองทัพได้ หล่อนก็ตะลึงกับ คําพูดนั้น

“บุคคลสําคัญขนาดนี้ ก็เปรียบเสมือนผู้ระดับสูงไม่ใช่หรอ”
ฟางเหยียนพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว เย่ชิงหยู่ยังคงให้ความสนใจบุคคลคนนั้นบนเวที

ถ้าหากฟางเหยียนได้นิ่งเหมือนคนเหล่านั้น คงจะดีไม่น้อยเลย

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คงไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเราสอง คนได้

เฮ้อ น่าเสียดาย หล่อนมองฟางเหยียนมองแล้วมองอีก แสดง สีหน้าหมดหวังออกมา

“บุคคลท่านต่อไปที่จะแนะนำก็คือ เป็นเศรษฐีแห่งภาคตะวันออก เฉียงใต้ ท่านหวงหยวนฉาว และหลานสาวหวงหานเยว่

ลำดับต่อไปเป็นการปรบมือกันแสดงความยินดี ผู้ร่วมงานต่าง ทยอยยืนขึ้น และแสดงความเคารพกับท่านหวง

ท่ามกลางเสียงปรบมือนั้น ก็มีชายชราอายุ 70 กว่าปียืนขึ้น สีผม ขาวโพลน แต่มีสีหน้าที่สดชื่นสดใส ข้างๆมีเด็กผู้หญิงที่ผูกผม ทรงหาง หันไปยิ้มกับหวงหยวนฉาว เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างสวยช่าง น่ารัก มองจากด้านข้างเหมือนดั่งมืออร่า ราวกับเป็นนางฟ้าตัว น้อย
เดิมทีผู้นําของตระกูลใหญ่เหล่านั้น ล้วนมองหวงหยวนฉาวด้วย ความประจบสอพลอ

“สวัสดีทุกท่าน ต้องขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาในงานนี้ ผมขอ พูดสั้นๆว่า เมืองจินโจวเป็นเมืองที่มีอนาคตที่ดี ผมพอใจกับที่ตรง นี้มาก ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็หวังว่าจะตามหาคนที่มีแนวคิดเดียวกัน พอที่จะร่วมงานกับผมได้ ขอให้ทุกคนวางใจเถอะ การร่วมงาน ครั้งนี้มีความยุติธรรมแน่นอน ถ้าสามารถเข้ามายืนตรงนี้ได้ ล้วน เป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆแห่งเมืองจินโจว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะ ได้ร่วมงานกับใครสักคน ครับ ขอบคุณครับ” เมื่อท่านหวงกล่าวจบ ก็ได้นั่งลง

ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ในเมืองจินโจวทุกคนรู้ว่าท่านหวงได้เข้า มาร่วมมือกับตระกูลเซียว

เซียวเฉียนเจิ้นรู้อยู่แก่ใจ ถึงได้นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ

พิธีกรบนเวทียังคงพูดต่อไป “ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อีก สักครู่จะเข้าสู่ช่วงสําคัญ พวกเรามารอลุ้นผู้โชคดีคนนั้นกันเถอะ เรามาดูว่าใครจะได้ร่วมงานกับท่านหวง

จริงๆแล้ววิธีการร่วมมือง่ายมาก ก็แค่เขียนชื่อผู้ที่เข้าร่วมงานใน วันนี้ลงในกล่องสีทอง หลังจากนั้นค่อยหยิบฉลาก หยิบได้ใครก็ คนนั้นได้ร่วมงานกับท่านหวง
กติกาเป็นแบบนี้ แต่ทุกคนรู้ว่าในกล่องใบนั้นมีชื่อแค่คนเดียวที่ เขียนใส่ไว้ คนคนนั้นก็คือเซียวเฉียนเจิ้น

ฟางเหยียนได้มองไปที่เย่ชิงหยู่ หล่อนยังคงให้ความสนใจกับ หวงหยวนฉาว

“เธอเตรียมตัวที่จะเป็นบุคคลสำคัญของงานในคืนนี้แล้วหรือยัง”

“อะไรนะ”

“คืนนี้ เธอจะต้องเป็นผู้โชคดีคนนั้นแน่ๆ”

เย่ชิงหยู่เอามือมาวางไว้ที่หน้าผากของฟางเหยียน ส่ายหน้า และพูดว่า “ขอบคุณนะ ฟางเหยียน ที่ทำให้ฉันได้เข้ามาเห็นหวง หยวนฉาวที่นี่ ฉันรู้สึกพอใจแล้ว นายอย่าไร้เดียงสาไปเลย ความ จริงคนทั้งงานย่อมรู้อยู่แล้ว ในกล่องสีทองใบนั้นเขียนชื่อของ เซียวเฉียนเจิ้นอยู่เพียงคนเดียว

เมื่อพูดจบเย่ชิงหยู่ก็ถอนหายใจยาวๆ แสดงสีหน้าที่ผิดหวังออก

มา

ฟางเหยียนมองไปที่พิธีกรบนเวที ณ เวลานี้พิธีกรได้หยิบฉลาก เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับหัวเราะร่าและประกาศชื่อผู้โชคดี “วันนี้ คนที่ได้ร่วมงานกับหวงหยวนฉาวก็คือ………..

เขาพูดแค่นี้แล้วหยุดชะงักไป เพราะชื่อที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น กับชื่อที่เขาจะประกาศไม่เหมือนกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ