บทที่3 หน้าที่ของภรรยาที่ควรทำ
บทที่3 หน้าที่ที่ภรรยาควรทํา
เสิ่นเฉียวนอนอยู่ในห้องนั้นคนเดียว เธอตื่นมาแต่เช้า เธอ จัดการเอาเสื้อผ้าของเธอเก็บเข้าไปในตู้เสื้อผ้าทั้งหมด เธอจัด ห้องและใช้พื้นที่ในห้องทั้งหมดคนเดียว
เมื่อคืนเธอได้พูดชัดเจนกับเย่โม่เซินแล้ว เขาไม่มีทางที่จะมา อยู่ร่วมห้องกับเธอ ดังนั้นห้องห้องนี้จึงเป็นของเธอ
ใช้สถานะว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
สำหรับเธอแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
เสิ่นเฉียวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินลงบันได เธอเห็นคนรับใช้ จำนวนหนึ่งกำลังทำงานบ้านอยู่ เสิ่นเฉียวรู้สึกหิวจึงเดินเข้าไป ถามพวกเธอว่าห้องครัวอยู่ทางไหน ใครจะรู้ว่าคนรับใช้เอามือ ปัดตัวเธอออก
“ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนนี่? อย่ามาขวางทางเดิน!”
เสิ่นเฉียวไม่ทันได้ระวังตัวจึงล้มลงไปที่พื้น
คนใช้มองเธอด้วยสายตาที่หยิ่งผยอง อยู่ๆแววตาคนใช้ก็ เปลี่ยนไป เธอก้มหน้าดูเรียบร้อยในทันที
บทที่3 หน้าที่ของภรรยาที่ควรทำ
บทที่3 หน้าที่ที่ภรรยาควรทํา
เสิ่นเฉียวนอนอยู่ในห้องนั้นคนเดียว เธอตื่นมาแต่เช้า เธอ จัดการเอาเสื้อผ้าของเธอเก็บเข้าไปในตู้เสื้อผ้าทั้งหมด เธอจัด ห้องและใช้พื้นที่ในห้องทั้งหมดคนเดียว
เมื่อคืนเธอได้พูดชัดเจนกับเย่โม่เซินแล้ว เขาไม่มีทางที่จะมา อยู่ร่วมห้องกับเธอ ดังนั้นห้องห้องนี้จึงเป็นของเธอ
ใช้สถานะว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
สำหรับเธอแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
เสิ่นเฉียวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินลงบันได เธอเห็นคนรับใช้ จำนวนหนึ่งกำลังทำงานบ้านอยู่ เสิ่นเฉียวรู้สึกหิวจึงเดินเข้าไป ถามพวกเธอว่าห้องครัวอยู่ทางไหน ใครจะรู้ว่าคนรับใช้เอามือ ปัดตัวเธอออก
“ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนนี่? อย่ามาขวางทางเดิน!”
เสิ่นเฉียวไม่ทันได้ระวังตัวจึงล้มลงไปที่พื้น
คนใช้มองเธอด้วยสายตาที่หยิ่งผยอง อยู่ๆแววตาคนใช้ก็ เปลี่ยนไป เธอก้มหน้าดูเรียบร้อยในทันทีเธอด้วยนะครับ หวังว่าคุณจะไม่เก็บไปคิดหรือใส่ใจกับมัน คน ของตระกูลเย่เป็นมิตรทุกคน หลังจากตรงนี้ฉันจะไปพูดกำชับ กับพวกคนรับใช้ให้ชัดเจน”
เสิ่นเฉียว พยักหน้าตอบ “ขอบคุณค่ะพี่ชาย
เย่หลิ่นหาน ยิ้มอ่อนๆออกมา ทำท่าเหมือนกำลังจะพูดต่อ แต่
ก็มีเสียงอันเย็นชาพูดแทรกเข้ามา
“ดูแล้วฉันน่าจะมาขัดจังหวะของพวกเธอนะ”
เสียงนี้….เสิ่นเฉียวหันหน้าไปมองต้นตอของเสียง
เซียวซู่เข็นรถเข็นเข้ามา บนรถเข็นมีเยโม่เซินนั่งอยู่ บนตัก ของเขามีผ้าห่มบางๆคลุมอยู่
ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงดูเย่อ
หยิ่งทะนงตัว
แววตาของเขาดูเย็นชา ราวกับเป็นมีดอันแหลมคมทิ่มแทงไป ที่หน้าของเสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียว ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอต้องรู้สึกผิดด้วย? เธอแค่ทักทายกับ คนในครอบครัวของเขาเท่านั้นเอง
“โม่เซิน นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เจอนายในบ้านหลังนี้” เย่หลิ่ นหานหันมาพูดกับน้องชายของตัวเอง ใบหน้าของเขายังคง ยิ้มแย้ม แต่ใบหน้าของเยโม่เซินกลับแตกต่างจากเขา สีหน้า ของเขาช่างดูนิ่งไร้ความรู้สึก เขาพยักหน้าเบาๆ
“พี่ชาย”
“อืม งั้นพี่ก็ไม่รบกวนเวลาของนายกับน้องสะใภ้แล้วล่ะ”
เงินเฉียวพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองดูเย่หลิ่นหาน เดิน จากไป เธอกําลังจะละสายตากลับมานั้นก็ได้ยินเสียงของเ โม่เซิน ที่อยู่ด้านข้างเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนมเธอ ว่า “ผู้หญิงที่เคยหย่ามันหิวกระหายผู้ชายขนาดนี้เลยหรอ? ไม่ทันไรก็เริ่มอยากจับผู้ชายอีกล่ะสิ?
เมื่อเขาพูดจบ เสิ่นเฉียวหันมาพูดกับเขา “คุณพูดอะไรนะ?”
ดวงตาของเธอจ้องไปที่เขา แววตานั้นแลดูมืดมน เสิ่นเฉียว รับรู้ถึงจิตใจอันชั่วร้ายอำมหิตของเขาได้
เสิ่นเฉียวกัดฟันพูด ” ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสกปรกสำส่อนอย่างที่ เธอคิดหรอกนะ ”
“จริงหรอ?” เย่โม่เซิน ยิ้มเยาะเย้ยและดูถูกเธอที่มุมปาก เขา ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย “ผู้หญิงที่พึ่งหย่ากับสามีแล้ว ร้อนตัววิ่งเต้นจับผู้ชายคนใหม่ทันที แบบนี้ไม่เรียกว่าสกปรก สําส่อนอย่างนั้นหรอ? ”
เสิ่นเฉียวกำหมัดในมือแน่น เธอเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา
คิดว่าเธออยากจะแต่งงานใหม่อย่างนั้นหรอ? เธอเองก็โดน บังคับให้แต่งเช่นกัน
แต่ทว่า เธอบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงเธอต้อง อดทนเพื่ออยู่ที่นี่ต่อให้ได้
เมื่อนึกถึงจุดนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็ค่อยๆคลายหมัดในมือออก
“ทางที่ดีเธอรักษาสัญญาที่ให้เอาไว้ดีดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนของ ตระกูลเย่ ถ้าฉันพบเจอว่าเธอเอาชื่อเสียงของตระกูลเย่ไปทำ อะไรไม่ดีข้างนอก หรือมีจุดประสงค์อะไรกับคนของตระกูลเย่ ละก็ ฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น
“เซียวซู”
เซียวซู่เข็นรถเข็นพา เย่โม่เซินออกไป
หลังจากที่ เย่โม่เซินและ เซียวซู่ออกไป คนรับใช้คนหนึ่งก็ เดินเข้ามาพูดกับเธอ
“คุณนายน้อยสอง นายท่านของพวกเราต้องการจะพบคุณค่ะ”
นายท่าน? หมายถึงคุณปู่ของตระกูลเย่ ใช่มั้ย?
เสิ่นเฉียว รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม่เคยบอกว่าคนของตระ กูลเย่ ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าของเสิ่นโย่ว ดังนั้นพวกเขาจึง กล้าที่ให้เธอมาแต่งงานแทนตัวเสิ่นโย่ว
เมื่อเธอได้ยินว่านายท่านต้องการจะพบเธอ เสิ่นเฉียวก็ตื่น เต้นขึ้นมาทันที
“คุณนายน้อยสอง เชิญทางนี้ค่ะ”
คนรับใช้คนนี้ค่อนข้างมีอายุ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่กับที่มีท่าทีที่ดู ลังเลใจอยู่นั้น คนรับใช้จึงเรียกให้เธอเดินตามมา
เสิ่นเฉียวตั้งสติแล้วพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเธอจึงเดินตาม
คนรับใช้ไป
ห้องต่างๆของตระกูลเย่ ค่อนข้างจะใหญ่โต ถึงแม้ว่าจะมีคน
รับใช้เดินนําทางไป เงินเฉียวก็ยังคงเดินตามอย่างงุนงง
เธอเดินมาถึงห้องสมุด ท่าทางของคนรับใช้ดูอ่อนน้อมถ่อม
ตน
“คุณนายน้อยสอง เชิญเข้าไปข้างในค่ะ”
เสิ่นเฉียว พูดขอบคุณคนรับใช้แล้วเดินเข้าไปในห้องสมุด
บรรยากาศของห้องสมุดนี้เป็นไปอย่างที่เธอคิดไว้ มันให้ความรู้สึกที่เคร่งขรึมบางอย่าง ชั้นวางหนังสือและการตกแต่ง ต่างๆค่อนข้างดูคลาสสิค บนชั้นวางเต็มไปด้วยภาพวาดลาย พู่กันต่างๆมากมายหลากหลายรูปแบบ
เธอกวาดตามองไปรอบๆห้อง จนกระทั่งสายตาของเธอสะดุด เข้ากับคนที่อยู่กลางห้อง
“นายท่าน สะ สวัสดีค่ะ”
เสิ่นเฉียวมองเข้าไปในแววตาของ ตระกูลเย่นายท่าน สายตา คู่นั้นของเขาได้สะกดเธอเอาไว้
นายท่านเย่จ้องมองและสังเกตมาที่ตัวเธอ
เมื่อเสิ่นเฉียว นึกถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว อยู่ๆเธอก็ตื่น ตระหนกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วก้มหน้าลง กลัวว่านายท่านเย่ จะดูออกว่าเธอนั้นกำลังรู้สึกผิด
เธอสามารถตกลงกับเย่โม่เซินได้สำเร็จ แต่หากว่านายท่าน เย่ จับได้ว่าเธอไม่ใช่เสิ่นโย่วขึ้นมา เธอเองก็ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้น จะทำเช่นไรดี?
“เสินโย่ว!
“คะ?”
เสิ่นเฉียวสะดุ้งแล้วรีบเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปในตาของ นายท่านเพียงชั่วครู่ จากนั้นเธอรีบก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม
แววตาของนายท่านเย่ บางนา เกรง
“ตั้งแต่เด็กโม่เชิน สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง เธอแต่งงานเข้า มาเป็นภรรยาของเขาแล้ว จากนี้เป็นต้นไปก็ดูแลเขาดีดี ขึ้น ชื่อว่าเป็นภรรยาแล้ว อะไรควรจะทำคงไม่ต้องให้ฉันบอก กล่าวใช่มั้ย?”
“หนูเข้าใจดีค่ะ”
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอไปทำงานกับโม่เซิน ไปเป็นผู้ ช่วยของเขา”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวก็รีบเงยหน้าขึ้นแล้วพูด “คือว่า นายท่าน
คะ หนูมีงาน….”
“ผู้หญิงของตระกูลเย่ห้ามออกไปทำงานข้างนอกให้ใครเห็น ถ้าจะทำงานก็ต้องทำงานอยู่เคียงข้างสามีตัวเอง”
อะไรนะ? ตระกูลเย่ใช้ระบบศักดินาเช่นนี้ในครอบครัวงั้น หรอ? คำพูดเหล่านี้ของเขา เสิ่นเฉียวไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้า ตระกูลเย่นายท่าน นายท่านเย่เองก็ไม่ได้เปิดโอกาสอะไรให้ เธอพูดต่อ เมื่อพูดจบเขาก็ให้เธอออกจากห้องไป
หลังจากที่ออกมาจากห้องสมุดแล้ว เสิ่นเฉียวก็กลับเข้าไปให้ห้องของเธอ ความรู้สึกของเธอนั้นอึดอัดเป็นอย่างมาก
นายท่านเย่ ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เสิ่นเฉียวรู้ดีว่าหาก เธอไม่ไปลาออกจากงานละก็ นายท่านไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่
สุดท้ายเลิ่นเฉียวจึงต้องเดินทางไปทำเรื่องลาออกจากที่ ทำงาน
งานที่เธอทําเป็นงานที่เรียบง่ายทั่วๆไป หลังจากที่เธอ แต่งงานกับหลินเจียง เพื่อให้ทุกวันเธอสามารถกลับถึงบ้าน ก่อนแล้วทําอาหารเสร็จก่อนที่เขาจะกลับมาถึงบ้าน เธอได้ ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการในบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่แถว บ้านเธอ
เสินเฉียวยีนจดหมายลาออก แต่ไม่ทันไรก็มีคนมารับช่วง ทำงานของเธอต่อทันที
เมื่อเสิ่นเฉียว รู้เรื่องนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอึ้งไปสักพัก
เธอพึ่งจะเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือความรัก มักจะมีคน มาแทนที่เธออย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น
วันที่สองหลังจากที่เธอลาออกจากงาน นายท่านเย่ได้บอกให้ เย่ไม่เซินพาเธอไปบริษัทด้วยกัน
“หลานไม่ยอมหาผู้ช่วย ปู่รู้ว่าหลานกังวลใจอะไร แต่จากวัน นี้เป็นต้นไปเสิ่นโย่ว ก็คือภรรยาของหลาน ให้เธออยู่เคียงข้าง คอยดูแลหลานนะ
น้ำเสียงเวลาที่นายท่านเย่พูดกับเย่โม่เซินก็คือน้ำเสียง เดียวกันกับที่พูดกับเธอ เสิ่นเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่ มันยังไงกัน เธอนึกว่าปู่หลานคู่นี้จะสนิทกันซะอีก
ตอนที่เธอครุ่นคิดอยู่นั้น เสิ่นเฉียวก็สามารถรับรู้ได้ถึงสายตา อันแหลมคมอันหนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า สายตานั้นจะเป็นของใคร
เย่โม่เซิน จ้องมองมาที่เธอแล้วตอบ “ได้ครับ”
เสิ่นเฉียว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอนึกว่า…. เขาจะ ปฏิเสธ
นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง
“อืม ไปกันเถอะ” สีหน้าของนายท่านเย่ดูอ่อนโยนขึ้นมา
เย่โม่เซินนั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย เซียวซู พยักหน้าให้กับ นายท่าน “นายท่านเย่ งั้นพวกเราไปที่บริษัท ก่อนนะครับ”
“พาเสิ่นโย่วไปด้วย
เงินเฉียวทําได้เพียงเดินตามหลัง เย่ไม่เซ็น
เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ เดินมาถึงสวนดอกไม้ เย่โม่ เซินหันมาพูดเหน็บแนมเธอ “เผลอแป๊บเดียวตีสนิทกับคนแก่ สําเร็จแล้วสินะ? อยากจะมาสังเกตการณ์ฉันงั้นหรอ? ”
เสิ่นเฉียว หยุดฝีเท้าของเธอ คิ้วขมวดขึ้นมา
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”
“หึ” เย่โม่เซินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “จะดีมากถ้าเธอไม่ เข้าใจไปตลอด ไม่งั้นละก็—”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ