เกิดใหม่เปลี่ยนชะตา

ตอนที่ 4 พี่สาว



ตอนที่ 4 พี่สาว

โจวเสาจีนเพียงมองที่หนึ่ง ก็ทราบได้ว่า น้ำแกง ถ้วยนั้น จริงๆ แล้วคือน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์

นางมองพี่สาว

บนใบหน้าของ โจวซูจีนเต็มไปด้วยอาการรอคอยอย่าง กระวนกระวายใจ ความคาดหวังนั้นตกอยู่ในดวงตาของโจว เสาจีน ทว่าฉับพลันกลับทำให้นางรู้สึกเศร้าเล็กน้อย นางแสร้ง ทำอะไรก็ไม่รู้ ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมา แล้วดื่มหมดในอีกเดียว

โจวซูจีนเห็นดังนั้น ก็ยิ้มอย่างเบิกบาน

โจวเสาจีนประหลาดใจเล็กน้อย

เป็นครั้งแรกที่นางเห็นพี่สาวยิ้มอย่างเบิกบานขนาดนี้ หากว่าเช่นนี้สามารถทำให้พี่สาวมีความสุขได้ เหตุใด

นางจะไม่ทำมันเล่า?

โจวเสาจีนยิ้มขณะยื่นถ้วยส่งคืนให้ฉือเชียง
โจวซูจีนจับมือของน้องสาวเอาไว้ กล่าวขึ้นอย่างเอาใจใส่ เจือร้อนรนเล็กน้อยว่า “วันนี้พวกเรานอนด้วยกันดีหรือไม่

นับตั้งแต่โจวเสาจีน ป่วย เป็นต้นมา นางแทบจะอยู่เป็น เพื่อนโจวเสาจีนทุกคืน ต่อมาโจวเสาจนเกิดความแคลงใจ เกี่ยวกับชะตาของตัวเอง หาข้ออ้างได้ข้อหนึ่ง สองพี่น้องถึงได้ แยกกันนอนของใครของมัน

โจวเสาจีนยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับ

พวกนางชำระร่างกายแล้วก็ขึ้นเตียง

โจวเสาจีนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหัวไหล่อย่างเรียบร้อย ทว่าโจวซูจีนกลับเอนตัวลงบนหมอนหนุนใบใหญ่ที่หัวเตียง แล้วพูดคุยกับนาง “ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้านอนทั้งวัน เป็นเช่นนี้ ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามแต่ ต้องกินอะไรบ้าง เวลาล่วงเลยนาน เข้า อาการหิวเล็กน้อยก็อาจทำให้เจ็บป่วยได้ เจ้าแต่เดิม ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว ย่อมรับไม่ไหวหากอาการแย่ลงอีก ยังกล่าวอีกว่า “ให้ภรรยาของหม่าฟูซานซื้อหนังสือสักสองสาม เล่มมาให้ผ่อนคลายดีหรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าหม่าเจี้ยหยวนออก บทกวีชุดใหม่ ผู้คนในเจียงหนานต่างยื้อแย่งกันซื้อ คิดว่า คงจะไม่เลวเลยทีเดียว”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ” โจวเสาจีนแต่เดิมก็เป็นคนพูดน้อย ชื่น ชอบการอยู่เงียบๆ ไม่ชอบกิจกรรมเคลื่อนไหว บางครั้งก็อยู่ แต่ในห้องไม่ออกไปไหนทั้งวัน นางไม่รู้สึกว่าการเป็นแบบนี้นั้น ไม่ดี “ข้าอยู่ในห้องนอนหลับได้ หรือพูดคุยกับพวกชื่อเสียง ก็ ผ่านไปหนึ่งวันแล้วเจ้าค่ะ”

ทว่าโจวซูจีนกลับไม่คิดเช่นนี้

น้องสาวเป็นคนเรียบง่าย เปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่ว่า เรื่องอะไรล้วนเล่าให้นางฟังทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่เฉิงให้คน แอบส่งของมามอบให้นางก็ถูกนางเล่าให้ฟังแล้วหลายครั้ง หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เพิ่งส่งของมามอบให้นาง นางก็ยังคง เอามาเล่าให้ตนเองฟังทุกครั้ง นับประสาอะไรกับที่หลายวันมา นี้ ตนเองทั้งให้นาง ป่วย ทั้งเผายันต์กระดาษที่ห้องของนาง ทั้งให้นางดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ใช่คนโง่ เป็นไปไม่ได้ที่ จะไม่รู้สึก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ในใจจะไม่มีความขุ่นข้องใจเลยสัก สาย ทว่าตั้งแต่ต้นยันจบ นางกลับไม่เอ่ยอะไรสักคำ นี่ต่าง หากที่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โจวซูจนอดไม่ได้ยึดตัวขึ้น จ้องที่ดวงตาของโจวเสาจีนก ล่าวว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่
โจวเสาจีนนั้นพูดได้ว่าตั้งแต่เล็กก็เติบโตมากับการดูแล ของพี่สาว สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการทำให้พี่สาวเสียใจ ถัดมา คือกลัวใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มและดูจริงจังของพี่สาว ตอนนี้ถึง แม้ว่าจะไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อคิดถึงความดีที่พี่สาวมีต่อ ตนเองแล้ว การที่ถูกพี่สาวมองแบบนี้ นางรู้สึกไม่สบายใจเล็ก น้อย

“ไม่มีเจ้าค่ะ” นางกล่าวสั้นๆ “ข้าไม่มีเรื่องอะไรปิดบังท่าน พี่เจ้าค่ะ”

ทว่ายิ่งนางเป็นแบบนี้ โจวซูจีนก็ยิ่งสงสัย

สายตานางเจ้าเล่ห์ขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เสาจีน ท่านแม่ไม่อยู่แล้ว ท่านพ่อก็ไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเรา พวกเราพี่น้องควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันถึงจะถูก หากเจ้ามี เรื่องอะไรก็อย่าปิดบังข้า” คิดๆ แล้ว ก็กล่าวขึ้นอีกว่า “เจ้า เมื่อครั้งก่อนที่เจ้าทำพิณของอู่ซื้อพังโดยไม่ตั้งใจนั้น เจ้ากลับ มาก็เล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวคิดหาหนทางเสียแต่เนิ่นๆ ไม่เพียง หาพิณที่ใกล้เคียงกับพิณของอู่ซื้อคืนทดแทนให้กับอู่ซื้อ ใน ขณะที่อซื้อยังไม่ทราบเรื่องนั้น ยังพาเจ้าไปกล่าวคำขอโทษ ต่ออู่ซื้อก่อนด้วยตัวเอง อู่ซื้อไม่เพียงไม่ตำหนิเจ้า ยังกล่าวชื่นชมเจ้าที่มีน้ำใจอย่างล้นเหลือ มีคุณสมบัติของผู้มีคุณธรรม มองเจ้าด้วยอีกมุมมองหนึ่ง และ มักจะชี้แนะทักษะการดีดพิณให้เจ้าเป็นการส่วนตัวอยู่บ่อยๆ เจ้า ในตอนนี้ดีดพิณได้ดีกว่าน้องสาวเจียมากนัก เจ้าลืมไปแล้ว หรือ

โจวเสาจีนจะลืมได้อย่างไร

เพราะเรื่องนี้ เจียงชื่อ มารดาของเฉิงเจียยังแอบไปตำหนิ อู่ซอฟู ผู้ที่สอนพวกนางดีดพิณว่าลำเอียง

ทว่าหลังจากเรื่องนี้ นางไม่เพียงได้รับคำชื่นชมจากอู่ซื้อ เท่านั้น ยังได้รับคำชื่นชมจากท่านยาย ท่านป้าใหญ่ ท่านลุง ใหญ่ และพวกพี่ชายด้วย เพราะเรื่องนี้ ท่านยายยังมอบจี้หยก ที่ทำจากหยกหยางจือ [1] ทั้งชิ้นให้นางเป็นรางวัลหนึ่งชิ้น ท่านป้าใหญ่มอบเครื่องประดับผมจูฮวา [2] ให้นางหนึ่งคู่ ท่านลุงใหญ่ และพวกพี่ชายส่งกระดาษ พู่กัน และหินหมึกมา ให้

นางโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับคำชื่นชมมาก ขนาดนี้ และยังเป็นครั้งแรกที่นางเอาชนะเฉิงเจียได้ ทว่าสิ่งที่นางอยากจะทำนั้นไม่อาจบอกกับพี่สาวได้จริงๆ!

แล้วจะทำอย่างไรดี

โจวเสาจีนรีบลุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ร้องขึ้น “ท่านพี่ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่มีเรื่องอะไรปิดบังท่านจริงๆ เจ้าค่ะ “จริงหรือ!” โจวซูจีนไม่เชื่อ ดวงตาที่เห็นสีดำขาวได้เด่น

ชัดคู่นั้นเบิกกว้างขึ้น มองที่โจวเสาจีนอย่างเงียบๆ

โจวเสาจิ๋นคิดถึงพี่สาวที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนแต่ไปไม่ถึง ดวงตาและนิสัยที่กัดไม่ปล่อยแล้ว ทันใดก็รู้สึกหนังศีรษะลุกซู่ มุมปากเปิดๆ ปิดๆ ได้สักพักหนึ่ง จำต้องทิ้งหัวทิ้งท้าย เลือก ทางที่ไม่กดดันจนเกินไป “ข้าได้ยินมาว่าที่เรือนท่านยายจะมี แขกมาในสองวันนี้ อยากทราบว่าเป็นผู้ใดจะมาเยี่ยมท่านยาย เจ้าคะ ช่วงนี้ข้ากำลังป่วยอยู่ ไม่รู้ว่าจะเป็นการทำให้ท่าน ต้องมาอยู่ด้วยแล้วไม่อาจไปพบแขกได้?”

โจวซูจีนอดไม่ได้หัวเราะร่วนขึ้นมา กล่าวว่า “เจ้าเป็น กังวลด้วยเรื่องนี้หรือ” ขณะที่นางพูด ก็อดไม่ได้ลูบศีรษะโจว เสาจีนไปด้วย “คนที่คิดจะมาพบท่านยายนั้น แปดถึงเก้าในสิบ ส่วนล้วนมาด้วยเรื่องร้องขอต่อจวนหลักและจวนรอง ไม่พบไม่เป็นอะไร ดีเสียอีกข้าจะได้มีเวลาว่าง อยู่เรือนเป็นเพื่อนเจ้า

นี่เป็นเรื่องจริง

ท่านยายเป็นที่เคารพและเข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง เป็น แม่หม้ายที่เลี้ยงดูบุตรชายบุตรสาวสามคนจนเติบใหญ่ ทั้งยัง ประสบความสําเร็จ บุตรชายคนโตได้เป็น จวเหวิน [3] บุตร ชายคนรองได้เป็น ถงขึ้นชื่อ [4] ท่านบรรพบุรุษแห่งตระกูล เฉิงจวนรอง นายท่านใหญ่แห่งจวนหลักล้วนเคารพนับถือนาง เป็นอย่างมาก บางคนที่ไม่อาจเข้าจวนหลักและจานรองเพื่อ ร้องขอความช่วยเหลือได้ ก็จะเปลี่ยนมาขอเข้าพบท่านชาย แทน โชคดีที่ท่านยายเป็นคนหลักแหลม เรื่องที่ไม่สำคัญก็จะ ไม่ให้การตอบรับ

โจวเสาจีนเองก็อดไม่ได้หัวเราะร่วนขึ้นมาทีหนึ่ง

บรรยากาศระหว่างสองพี่น้องคล้ายกับน้ำแข็งที่ละลาย ความอบอุ่นอยู่หลายส่วน

มี

โจวซูจิ๋นจึงกล่าวต่อจากหัวข้อก่อนหน้า “เจ้าก็ไม่ต้องรีบ ร้อน ไม่ว่าคนที่มานั้นจะเป็นผู้ใด หากท่านยายมีความประสงค์ ให้พวกเราเข้าพบด้วย ย่อมต้องบอกพวกเราก่อนล่วงหน้า หากรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ย่อมไม่ให้พวกเราออกไปพบแขกพวกเราเพียงรอฟังจากท่านยายก็พอแล้ว”

นางในช่วงหลายวันมานี้จิตใจไม่สงบ กระวนกระวาย เหมือนกับที่พี่สาวได้ยินมา เป็นเพราะสูญเสียเหตุผลที่ควรมีใน ยามปกติไป

หากว่านางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งจริงๆ นับจากตอนนี้ ถึงช่วงเวลาที่ตระกูลเฉิงจะถูกตรวจสอบยึดทรัพย์และลงโทษ นั้นยังเหลืออีกสิบสามปี นางไม่จำเป็นต้องรีบร้อนพิสูจน์ความ จริงขนาดนี้ หากว่านางเพียงฝันร้ายไป ตื่นจากฝัน ก็ดีแล้ว ยิ่ง ไม่ต้องรีบร้อนวู่วามขนาดนี้

นางอดไม่ได้กอดแขนของพี่สาวเอาไว้แน่น กล่าวว่า “ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ! ข้าทราบแล้ว” เสียงนั้น จริงใจราวกับ กำลังไถ่บาปให้ตัวเองอยู่ ทำให้ภายในจิตใจของโจวซูจีนไม่ สงบนัก อยากจะถามให้ละเอียด โจวเสาจีนกล่าวขึ้นเสียก่อน ว่า “ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของจวนท่านเจ้าเมืองปาน แดงอยู่ตรงระหว่างคิ้วดวงหนึ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ ในงานวัน มหาวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของท่านบรรพบุรุษ ท่านเจ้าเมือง ก็น่าจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วย? ไม่รู้ว่าฮูหยินจะพาคุณ หนูใหญ่ของจวน มาร่วมแสดงความยินดีด้วยหรือไม่

โจวซูจีนมีอายุเพียงสิบแปดปี ถูกเลี้ยงดูอยู่ในห้องหอของสตรี ยังไม่มีสายตาที่เฉียบแหลมอย่างผู้ใหญ่ เมื่อได้ยินดังนั้น คิดเพียงว่าน้องสาวกำลังตื่นเต้น จึงหัวเราะ พลางกล่าว “ถึงยามนั้นข้าจะสอบถามท่านป้าใหญ่ หากว่า หยิน พาคุณหนูใหญ่ของจวนอูมาแสดงความยินดีด้วย ข้าจะ ให้เจ้าดูอย่างแน่นอน

โจวเสาจิ่นพยักหน้า

ในความทรงจำของนางนั้น ยามถึงวันงานเลี้ยงวันนั้น เป่าจางถูกจัดให้นั่งอยู่ด้วยกันกับพี่สาว

ในที่สุดก็ได้ยกก้อนหินออกจากอก นางราวกับได้ปลด ปล่อยภาระอันหนักอึ้งออกไปแล้ว พูดคุยกับพี่สาวอีกหลาย ประโยค ก็ง่วงจนตาปรือ เท้าคางไว้ไม่อยู่แล้ว

“นอนเถอะ!” โจวซูจีนหัวเราะ หมุนตัวไปเป่าเทียนให้กับ

โจวเสาจีนจมดิ่งเข้าสู่ความฝันอย่างรวดเร็ว

กลางดึก นางตื่นขึ้นมากะทันหัน เหยียดมือออก ทว่ากลับ ไม่พบคนข้างกาย

โจวเสาจิ่นหวาดกลัวจนเหงื่อเย็นท่วมตัว

นางเห็นแสงลอดผ่านมาจากผ้าม่านของห้องด้านข้าง คิดๆ แล้วก็สวมรองเท้าแล้วเดินข้ามไป

โจวซูจิ๋นคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารูปภาพของจวงเหลียงอ กำลังพึมพำพูดกับมารดาเลี้ยงว่า “ท่านแม่ ขากลัวเหลือเกิน เจ้าค่ะ ท่านต้องปกป้องเสาจีน…ให้อยู่อย่างสงบสุขและ ปลอดภัย…ข้ายอมอายุสั้นลงสิบปี

น้ำตาของ โจวเสาจิ๋นไหลพรากออกมา

นางหมุนตัวกลับไปอย่างเบามือเบาเท้า ดึงผ้าห่มขึ้นคลุม ถึงศีรษะ หลับตาลง

วันที่สอง ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงอยู่บนท้องฟ้า

ยามที่โจวเสาจีนตื่นขึ้นมานั้น โจวซูจีนได้ออกไปคารวะ ยามเช้าท่านยายแล้ว

อเชียงกล่าว “คุณหนูใหญ่บอกว่า นางอาจจะอยู่รับใช้

หยินผู้เฒ่ารับมื้อเช้า ให้ท่านไม่ต้องรอนางเจ้าค่ะ”

โจวเสาจีนร้อง “เอ๋” ไปเสียงหนึ่ง

ท่านยายไม่ใช่คนประเภทที่ชอบให้ผู้น้อยอาวุโสกว่าสร้าง ธรรมเนียมมาปรนนิบัติตน ไม่ว่าจะเป็นบุตรชาย บุตรสะใภ้ก็ดี หลานชายหลานสาวก็ดี ล้วนรับมื้ออาหารที่เรือนของตัวเอง ฉะนั้นพวกนางทุกเรือนล้วนมีห้องครัวเล็กเป็นของตัวเอง ค่าใช้จ่ายภายในจวนเลยน้อยกว่าจวนอื่นมาก

พี่สาวอาจจะมีเรื่องอะไรอยากพูดคุยกับท่านยาย

โจวเสาจีนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก เลือกสวมเสื้อเพ่ยจื่อ เขียวอ่อนลายดอกเสาวรส ดึงกระโปรงจีบผ้าไหมหังโจวสีขาว ขึ้น จากนั้นทานหน่อไม้ที่เพิ่งแตกหน่อในฤดูใบไม้ผลิ ผักสลัด น้ำและผักอื่นๆ คู่กับโจ๊กครึ่งถ้วย เค้กข้าวสองชิ้น แล้วถึงจะ วางตะเกียบลงล้างมือ

ซือเซียงมองแล้วยินดีเป็นอย่างมาก พลางให้บ่าวรับใช้ เก็บโต๊ะ พลางกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหนูรองเจ้าคะ ได้ยินมาว่าที่ตลาดมีลูกเหมยจื่อ [5] กับลูกซึ่งจื่อ [6] ขายแล้ว เจ้าค่ะ ต้องการซื้อกลับมาชมสดๆ ใหม่ๆ สักหน่อยหรือไม่เจ้า คะ”

โจวเสาจีนรู้ว่าที่ตนเอง ป่วย ครั้งนี้นั้น พวกนางที่คอย ให้การรับใช้อยู่ข้างกายทุกวันนั้นล้วนไม่สบายนัก นางเลยคิด วิธีหลอกล่อให้ตัวเองกินอาหาร ยิ้มแล้วชี้ไปที่กล่องเก็บสมบัติ กล่องเล็กที่อยู่ใต้หัวเตียง กล่าวว่า “ไปหยิบสองเหรียญเงินเอา เองก็แล้วกัน”

ซือเชียงยิ้มและย่อเข่าลง มีบ่าวรับใช้เข้ามาแจ้งว่า “คุณหนูรองเจ้าคะ ซึ่งชิงคนสนิทของคุณชายมา เจ้าค่ะ แจ้งว่าคุณชายได้ยินว่าท่านเป็นหวัด เลยให้เขาน่ายๆ ลูกกลอนจักรพรรดิฝางเฟิง [7] มามอบให้ท่านเป็นพิเศษ เจ้าค่ะ”

เฉิงลู่?

รอยยิ้มเคร่งเครียดของโจวเสาจีนปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ความดีที่เขามีต่อนาง นางจำไม่ได้แล้ว ทว่าใบหน้าที่ ดุร้ายอำมหิตนั้น นางกลับไม่มีวันลืมได้

นางเงียบไปสักพัก กล่าวขึ้นว่า “เอาของเข้ามาเถอะ

เข้ามา

ผีเสื้อเจ็ดสีด้วยหนึ่งอัน

ชื่อเสียงหุบยิ้มลง ตอบเสียงต่ำว่า “เจ้าค่ะ” แล้วรับของ นอกจากกล่องเล็กๆ ที่ใช้ห่อยาลูกกลอนแล้ว ยังมีข่าว

โจวเสาจิ๋นลูบปีกของว่าวผีเสื้อนั้นเบาๆ พลางกล่าว “ซื้อ เชียง เจ้าให้ชงชิงนำคำของข้าฝากไปให้คุณชายที บอกว่า ข้าขอบคุณเขาสำหรับสิ่งของ ครั้งนี้ข้าจะรับไว้ ทว่าหลังจากนี้ ให้เขาอย่าส่งอะไรมาอีก หลังจากที่ข้าหายป่วยครั้งนี้แล้ว นอกจากจะต้องเรียน บัญญัติสอนหญิง และ วิถีแห่งความดีงามของสตรี กับเฉินต้าเหนียงต่อแล้ว ยังต้อง เรียนเย็บปักถักร้อยกับหลิงเหนียงจื่อ เกรงว่าคงจะไม่มีเวลา ว่างสําหรับเที่ยวเล่นสนุกสนานแล้ว”

กล่าวคือ คุณหนูรองต้องการขีดเส้นกั้นที่ชัดเจนกับ

คุณชายลู่แล้ว!

ชื่อเสียงประหลาดใจ ทว่าก็โล่งอกไปที่หนึ่ง

นายท่านเป็นเจ้าเมืองยศผ่นชั้นสี่ขั้นเจิ้ง [8] ทุกคนต่าง พูดกันว่า ต่อจากนี้นายท่านจะได้รับการเลื่อนขั้น คุณหนูรอง อายุยังน้อย ทั้งยังไม่รีบร้อนออกเรือน ไม่จำเป็นต้องเป็น คุณชายผู้นั้น เหมือนกับคุณหนูใหญ่ที่ได้หมั้นหมายให้กับ คุณชายใหญ่ตระกูลเดี่ยว ต่อไปก็จะเป็นฮูหยินเอกของตระกูล เดี่ยว คุณหนูรองถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาจากตระกูลที่ดีเท่าคุณหนู ใหญ่ ทว่าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเลือกคนอื่นที่ดีกว่าคุณชาย

นางเอ่ยตอบอย่างยินดี “เจ้าค่ะ” แล้วออกไปส่งต่อ

ข้อความ

โจวเสาจีนมองแล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจ

นางไม่คิดมาก่อนว่าพวกซื้อเซี่ยงไม่ได้มองว่าเฉิงลู่นั้นดี…นางเคยคิดว่าทุกคนต่างยินดีที่เห็นนางกับเฉิงคู่จะ ลงเอยกัน…แท้จริงแล้วมีเพียงนางที่ให้ค่าเพิ่ง

โจวเสาจีนยิ้มอย่างขมขื่น ทันใดนั้นก็รู้สึกหดหูขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ