บทที่ 11 ตรวจครรภ์
เพราะว่าเมื่อวานตกลงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปโรงพยาบาล เถียน งก็เลยเลือกสวมเสื้อผ้าที่สบายๆ เธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กับกางเกงยีนส์รัดรูป พร้อมกับ
รองเท้าสีขาว ดูเป็นธรรมชาติและสบายๆ ผมลอนสีน้ำตาลอ่อน
ยาวประบ่า สะบัดไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ตอนที่ซูเห็นเธอนั้นก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ผิวของเธอ ดูเรียบเนียนและนุ่มนวลไร้ที่ติ ดวงตาเต็มไปด้วยความปราด เปรียว ทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ทำให้เห็นรูปโฉมที่สวยงาม เหมือนกับนางฟ้าที่พลัดตกลงมาบนโลกมนุษย์ ทำให้ใจคนเต้น ผิดจังหวะแบบไม่มีเหตุผล แต่ว่าเขากลับกดความรู้สึกนั้นไว้ได้ อย่างรวดเร็ว แล้วก็เอ่ยออกมาเสียงแหบว่า “ไปกันเถอะ”
เถียนจิ้งคลี่ยิ้มพลางก้าวเดินตามเขาไป ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน หลังนี้ยังเป็นสิ่งที่เธอยังไม่ค่อยจะคุ้นเคยเท่าไหร่นัก แม้แต่ผู้ชาย คนนี้ที่เธอแต่งงานด้วยยังรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เพราะ ฉะนั้นก็หลีกเลี่ยงความตื่นเต้นไม่ได้หรอก ยิ่งเห็นเขารอเธออยู่ ก็ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และก็อบอุ่นใจในเวลาเดียวกัน
ตอนที่ลงมาจากชั้นบน ห้องอาหารที่มีคนนั่งอยู่เต็มแล้ว
ใบหน้าที่งดงามของเถียนจิ้งก็ปรากฏรอยยิ้มที่เรียบง่ายแต่ แฝงไปด้วยความมั่นใจ แล้วก็ทักทายทุกคนอย่างสุภาพ
ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ต่างเป็นคนที่มางานแต่งงานเมื่อ วาน เธอคนนี้เป็นคนที่ความจำดีมาก จึงเรียกชื่อทุกคนได้อย่าง ถูกต้อง
คุณพ่อตาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย แล้วพูดว่า “กินข้าว” หานซึ่งเสว่เสแสร้งทำเป็นถามสารทุกข์สุกดิบเถียนจิ้งด้วย ความเป็นห่วง เถียนจิ้งก็ได้แต่ยิ้ม พลางขอบคุณไปอย่างมี มารยาท
บรรยากาศการรับประทานอาหารเช้าไม่ได้ถือว่าดี แต่ก็ไม่ได้ เรียกว่าแย่ ถือว่าเป็นปกติของที่นี่
พอทานอาหารเช้าเสร็จ คนขับรถก็ไปส่งพวกเขาสองคนที่โรง พยาบาล วันนี้เป็นวันจันทร์ คนที่มาตรวจร่างกายที่นี่เลยค่อนข้างเยอะ
แผนกสูตินรีเวชอยู่ที่ชั้นสาม ตอนที่ขึ้นลิฟต์นั้น เถียนจึงไม่ทัน ระวังตัวโดนคนข้างหลังดันออกมา แต่โชคดีที่ตอนนั้นซู ประคองเธอไว้ได้ทัน ด้วยการโอบเอวของเธอไว้
หลังจากนั้นเขาก็เอาแขนกั้นเธอไว้ เพื่อไม่ให้ใครจะชนเธอได้
อีก
ในพื้นที่แคบๆอย่างนี้ และได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ลมหายใจ ของเถียนจิ้งเลยสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากลมหายใจของผู้ชายคนนี้ ได้อย่างชัดเจน ถึงมันจะดูเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็กลับ ทำให้คนหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
เธอสูง167เซนติเมตร บวกกับส้นรองเท้าที่สูงสามเซนติเมตร
ก็ไม่ได้นับว่าเตี้ยอะไร แต่พอมาเปรียบเทียบกับผู้ชายตรงหน้า แล้ว ส่วนสูงของเธอก็เหมือนนกตัวน้อยๆ เพียงเท่านั้น พอลิฟต์ขึ้นมาได้ครึ่งนึง ก็เกิดขัดข้อง มันสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทำให้คนข้างๆ ในตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมาไม่หยุด
เถียนจิ้งถือว่าสงบ ไม่สะทกสะท้านอะไร ได้แต่ขมวดคิ้วเท่านั้น
แต่ว่าคนด้านหลังกลับไม่เป็นเช่นนั้น ต่างพากันกรีดร้อง ผลัก
พอเธอรับรู้ได้ถึงแรงดันจากด้านหลัง จิตใต้สำนึกก็สั่งให้เธอ เอียงตัว เพื่อปกป้องท้องของตัวเองไว้
นี่คงเป็นท่าทางที่คนเป็นแม่ทุกคนจะมีโดยอัตโนมัติ
จิตใต้สำนึกของซูก็สั่งให้เขากอดเธอไว้ในอ้อมอก ทันใดนั้น ร่างกายของทั้งสองก็ใกล้ชิดราวกับจะรวมเป็นคนๆเดียวกัน
กระแสไฟฟ้าของทั้งคู่ได้ไหลผ่านร่างกายของกันและกัน
เถียนจึงรีบเอามือกอดเอวของผู้ชายตรงหน้าได้ทันที ส่วนด้าน หลังนั้นก็ยังมีคนดันมาไม่หยุด
ซูยี่รีบสลับฝั่งกับเธอทันที แบบนี้แล้ว หลังของเธอเลยจะพิงอยู่ ที่ผนังลิฟต์ ส่วนเขาก็จะเอาตัวกันเธอไว้ เท่ากับว่าตอนนี้เธออยู่ ในมุมที่ปลอดภัยแล้ว
เถียนจิ้งยังคงซบอยู่ที่อกของเขา เธอรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจ และอุณหภูมิของร่างกายเขา
ซูก้มหน้าลงมา ริมฝีปากบางของเขาเลยบังเอิญสัมผัสกับ หน้าผากที่อ่อนนุ่มของเธอ
การสัมผัสที่อบอุ่นแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว เถียนจิ้งก็รู้สึกเขินจนยืดหลังตรง เขาจูบเธองั้นเหรอ? บรรยากาศคลุมเครือแบบนี้ ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกว้าวุ่น ผ่านไปแค่แป๊ปเดียว ลิฟต์ก็กลับมาปกติอีกครั้ง
ซูยพยายามทำเป็นนิ่งแม้ในใจจะว้าวุ่นมากก็ตาม เขากลับมา สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเก่า แล้วพูดเรียบๆว่า “ไม่มีอะไรแล้ว”
เถียนจึงรีบพยักหน้าตอบ แล้วก็ดึงแขนของเธอกลับมา เก็บ อาการที่ตื่นตระหนกเมื่อกี้ แล้วตอบว่า “อืม”
พอออกจากลิฟต์ ก็จะมีคุณหมอเฉพาะทางรอรับอยู่แล้ว
คุณหมอคนนี้เป็นคนที่ซูยี่นัดไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว เถียนจิ้งก็ ตามคุณหมอไปตรวจระยะเวลาการตั้งครรภ์
สองชั่วโมงหลังจากนั้นผลตรวจก็ออกมาแล้ว
พอคุณหมอดูผลตรวจ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ