ตอนที่ 6
ชิงทรงหยุดเล่นหันมองฮวาเงินก้มหน้าก้าวถอยหลังเมื่อ ชื่อห มิงขยับขึ้นหน้าเดินเข้าหานาย ฮวาเงินเงยหน้าสบตา ชื่อหมิง เมื่อข้างหลังติดเสา ลี่ซื่อหมิงหยุดกึกก่อนหันหน้ามองทางอื่นแล้ว หันกลับมาจ้องฮวาเงินอย่างเกรี้ยวกราด
“ข้าเกลียดดวงตาของเจ้า” เสียงขบฟันแววตาจิกเน้นคำทำ ฮวาเงินลดสายตาก้มหน้าลง
“ซื่อหมิง…” ฝางแฟหยินเดินเข้าแทรกกลางอย่างหนักใจ
“ข้าจะไปนอนโรงเตี๊ยมสักสามสี่วัน” ซื่อหมิงพูดจบหมุนตัว กลับเดินออกไป จีเหนียงมองทั้งสองอย่างลำบากใจแทน ฮวา เงินชำเลืองมองชายหนุ่มที่เดินจากไปช้าๆ ก่อนผ่อนลมหายใจ ยาว
“ข้าน้อยขอตัวนะเจ้าค่ะ” ฮวาเงินก้มหัวให้เหนียงกับฝางแฟ หยินก่อนเดินเลี่ยงกลับห้อง ชิงทรงได้แต่มองตามแล้วเบี่ยงตัว เดินออกจากจวน
ฮวาเงินปิดประตูห้องเดินมายืนมองชุดที่จัดเตรียมเพิ่มไว้ให้ ก่อนเหลือบมองประตูที่เปิดออกอย่างแรงโดยชายผมขาว นาง รีบก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่มแล้วเดินมาหยิบชุดเข้าตู้ไม้เลี่ยง การเข้าใกล้ ลี่ซื่อหมิงเดินมาหยิบจอกสุรารินใส่ปาก ฮวาเงิน เบี่ยงตัวหลบเดินผ่านตัวลี่ซื่อหมิง ในขณะที่ซื่อหมิงหันมาคว้า แขนนางไว้
“ข้าบอกว่าข้าเกลียดดวงตาเจ้า ไม่ได้ยินรี! ” มือใหญ่บีบแขน ฮวาเงินอย่างแรงจนต้องมองสบตาชายหนุ่มอย่างเจ็บปวด
“หึ” ลี่ซื่อหมิงผลักฮวาเงินออกแล้วเหวี่ยงจอกสุรากระแทก ผนัง กลิ่นคละคลุ้งก่อนเดินถอดชุดเข้าไปแช่น้ำด้านในที่มีม่าน กั้น ฮวาเงินเบี่ยงสายตาก้มมองจอกที่กลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมลูบ แขนที่ถูกบีบด้วยความเจ็บจนเกิดเป็นรอยนิ้ว จึงหยิบชุดของ ชื่อหมิงที่กองอยู่กับจอกเดินออกมาด้านนอก เจอกับฝางแฟหยิน ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“ฮูหยินเปย มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” ฮวาเงินเอ่ยทักเมื่อเห็น สีหน้าของฝางแฟหยิน
“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ
“ฮูหยินข้ามาทำอะไรที่นี่” เปยยิงทักขึ้นหลังจากกลับมาจาก ด้านนอกด้วยชุดเดิมเดินเข้ามาหาฝางแฟหยินก่อนผงะมองฮวา เงินอย่างตกใจ
“พระชายา! เอ๊ะ ไม่ใช่เหตุใดถึงคล้ายกันขนาดนี้ เจ้าคล้าย ชายารัชทายาทแคว้นมากกว่าไปซินเสียอีก
“ข้าน้อยฮวาเป็นเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอตัว” ฮวาเงินกล่า วจบรีบเดินอ้าวไปด้านหลังทันที เปยยิงขมวดคิ้วมองหน้า ฝางแฟหยินที่จ้องตนเองอย่างไม่พอใจ
“ซื่อหมิงไม่ได้เข้าหอแค่นี้ก็ผิดแล้ว ท่านควรทำอะไรสักอย่าง
ไม่ใช่มัวแต่ลุ่มหลง! ”
“ข้ารีนุ่มหลง”
“แล้วท่านหายไปไหนมาทั้งคืนถ้าไม่เรียกว่าลุ่มหลง” ฝางแฟ หยืนขมวดคิ้วเหนื่อยหน่าย
“อ่อ ข้าไปค้างกับ
“ช่างเถอะ ท่านจะค้างกับใครก็เรื่องของท่าน ฝางแฟหยิน ยกมือห้ามเดินหนีไปที่ครัวทันที เปยติงบปากลงทันควันมองผู้ เป็นภรรยาอย่างไม่เข้าใจก่อนมองชื่อหมิงเดินออกมาในชุด ใหม่ เปยติ่งก้าวขึ้นมาดันซื่อหมิงเข้าห้องพร้อมปิดประตู
“ข้าไม่เข้าใจนางเลยจริงๆ เอะอะโมโห ดึงหู ข้าเป็นถึงแม่ทัพ ฝีมือธนูของข้าเหนือใคร หญิงงามต่างยอมสยบ ยกเว้นองค์หญิง สาม ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าก็ไม่เข้าใจเหตุใดข้าต้องมายืนฟัง ข้าจะออกไปข้างนอก
“เจ้าจะไปไหน เจ้าควรเข้าหอ อยู่ดูแลเอาใจฮูหยินของเจ้า
“เหมือนท่านแม่ทัพนะ เอาใจแต่ไม่ได้ใจเห็นทีจะเสียเปล่า ข้ามีเวลาต้องทำอย่างอื่นอีกมากมาย” ชื่อหมิงเปิดประตูออก
“ที่เจ้าทำกิริยาเช่นนี้เพราะนางเหมือนไปชนกับพระชายาใช้ หรือไม่”
“นางต้องเปลี่ยนมากกว่าดวงตาถึงจะเหมือน อย่าได้เทียบกับ ไปซินและพระชายา” พูดจบก็เดินกระแทกประตูออกไป เปยลี่ติง หรี่ตามองก่อนลุกพรวดวิ่งออกจากห้องไปดักหน้าชื่อหมิง
“ท่านพ่อกำลังจะกลับมา เจ้าก็รู้ว่าหากไม่เจอเจ้าอยู่กับฮูหยิน ที่เพิ่งแต่ง อะไรจะเกิดขึ้น” เปยติงฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งตั้งชื่อหนึ่ง ได้สําเร็จ
“ท่านพ่อจะกลับมาถึงเมื่อใด
“ไม่รู้สิ อาจเป็นวันนี้ วันรุ่ง หรือสองวัน สามวัน ขึ้นอยู่กับเส้น ทางทัพ สาส์นส่งมาบอกว่าจะถึงลั่วหยางแล้ว”
“คงไม่ถึงเร็วขนาดนั้น
“ลองดูสิ” เปยลี่ติงแสยะยิ้มมองที่ซื่อหมิงก้มหน้านิ่งคิด “ไป ฝึกกระบี่กับข้าและจนอ๋องสักหน่อยเป็นการรอแล้วกัน เมื่อคืน ข้าดื่มหนักจนต้องนอนอยู่กับจวนอ๋อง ปานนี้ไม่รู้สร่างหรือยัง
เปยติงพูดจบเดินลากตัวเชื่อหมิงออกไปทันทีอย่างไม่ต้อง ถามถึงความคิดเห็นใดๆ
ศาลาท่าน้ำหลังจวนฮวาเงินนั่งมองปลาหลายชนิดว่ายวนอยู่ ในนา ก่อนนั่งกอดเขาหยิบอาหารเม็ด โปรยให้อาหารปลา ชิงห รงกอดอกพิงเสามองผู้เป็นนายอย่างถอดใจเหลียวมองหญิงงาม เจ้าของผีผาเดินเฉิดฉายเข้ามาหาฮวาเงิน
“หากเหงาจะทนอยู่ทำไม” เหมยหลิงหญิงงามเจ้าของเสียง ผาทักขึ้นปรายตามองฮวาเงินที่ลุกขึ้นหันมองนางช้าๆ
“ท่านเป็นใคร”
“ข้าเป็นฮูหยินรองของท่านแม่ทัพนามของข้าคือเหมยหลิง พอคุ้นหูบ้างหรือไม่” รอยยิ้มแสยะยิ้มส่งให้ฮวาเงิน
“ไม่ เราเพิ่งเคยมาลั่วหยาง” ฮวาเงินส่ายหน้าไปมามองเหม ยหลิงที่ก้าวขาเดินเข้าวนรอบตัว
“เป็นหญิงหากไม่มีชายใดสนใจ เป็นข้าคงเปล่าเปลี่ยวรีบจาก ไปเสียวันแรก อยู่ต่อมีแต่อึดอัดใจ” เหมยหลังก้มลงกระซิบข้าง หูฮวาเงินที่ยืนนิ่งก้มหน้าลงช้าๆ สร้างความพึงพอใจให้แก่เหม ยหลิง
“ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ขนขมได้เหมือนกัน” ฮวาเงินฉีกชายแขนเสื้อสี ขาวขาดออกเป็นเศษผ้าเอามาผูกปิดตาก้าวเท้าเดินออก ซึ่งทรง เข้ามาช่วยประคองเหลียวมองเหมยหลังที่ขมวดคิ้วกัดริมฝีปาก
“พ้นแล้วเจ้าค่ะ ปลดผ้าได้
“เราควรอยู่ให้ชิน” ฮวาเงินก้มหน้าเดินคลทางกลับที่ห้อง ซึ่ง ทรงมองตามอย่างห่วงใยรีบเข้าไปช่วยพาฮวาเงินกลับห้อง
ฝางแฟหยินมองฮวาเงินปิดตาด้วยผ้าขาวถึงกับถอนหายใจ ยาวนั่งปักผ้าอยู่หน้าห้องซึ่งทำให้เห็นชัดเจนก่อนเหลือบมอง เหนียงเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามมองไปทางห้องที่ผูกผ้าแดง
“น่าเป็นห่วงเสียจริง
“พี่น้องตระกูลนี้ยังไงกันนะ อีกคนก็ใจรวนเร ส่วนอีกคนก็แข็ง ยิ่งกว่าก้อนหิน” ฝางแฟหยินวางสะดึงลงผ่อนลมหายใจเป็น วรรคเป็นเวรเหนื่อยหน่าย
“สักวันซื่อหมิงจะต้องรู้ใจตัวเอง การผูกมัดอยู่กับอดีตไม่ใช่ สิ่งหลุดพ้นที่แท้จริง ข้าหวังว่านางจะผ่านกำแพงนี้ไปได้
“ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เฮ้อ” ฝางแฟหยืนลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าไปที่ ห้องลี่ซื่อหมิงทันที พร้อมชุดใหม่ที่เพิ่งมาส่งให้สาวใช้ถือตาม เข้าห้องไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ