หมื่นเหตุผลกงกลรัก

ตอนที่ 3



ตอนที่ 3

ชื่อหมิงเดินมาที่คอกม้ากำหมัดทุบลงที่เสาผูกม้าก่อนเหลือบ เห็นหญิง ในชุดยูกาตะสีดำเอาน้ำใส่ถาดวางให้ม้า ซื่อหมิง ขมวดคิ้วเพ่งมองนางพร้อมก้าวขาเข้าไปหาใกล้ๆ

“พระชายา…” เสียงของชายหนุ่มทำให้ฮวาเงินหันมองคนเอ่ย แล้วลุกขึ้นก้าวถอยห่างรีบก้มหัวค่านับ

“ข้าน้อยฮวาเงินเจ้าค่ะ” ฮวาเงินตอบเสียงอ่อนค่อยๆ เงยหน้า สบตาลี่ซื่อหมิงอย่างช้าๆ ท่าที่ประหม่าของหญิงสาวทำให้ชาย หนุ่มฉุกคิดแม้ทุกอย่างดูคล้ายหญิงที่ตนรู้จักแต่หญิงผู้นี้ต่างกัน อย่างลิบลับ ทั้งกิริยา ท่าทาง และดวงตากลมโตไร้เล่ห์เหลี่ยม แพรวพราวใดๆ ทั้งสิ้น

“เจ้าต้องเปลี่ยนมากกว่าดวงตาถึงจะเหมือนนาง อย่าหวังว่า ข้าจะยินยอมพร้อมใจ” ซื่อหมิงเน้นจิกกระแทกเสียงใส่ฮ วาเงินที่องค้างก้าวถอยหลังมองตามชื่อหมิงที่ก้าวขึ้นมาควบ ออกไป ชิงทรงเดินหอบหญ้ามาวางไว้ข้างๆ ฮวาเงินพลางเหลือบ มองแผ่นหลังชายที่จากไปก่อนหันกลับมาสนใจผู้เป็นนาย

“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าเจ้าค่ะ ชายผู้นั้น…” ชิงทรงหยุดคำพูด มองหน้าฮวาเงินที่ลดสายตาลงยกมือบีบแขนตัวเองน้ำตาคลอ แต่ก็ฝืนยิ้มมองหน้าชิงทรง

“ไม่มีอะไรหรอก เราอยากไปศาลเจ้า” ฮวาเงินยิ้มบางๆ ก่อน หมุนตัวเดินกลับเข้าไป ชิงทรงมองตามช้าๆ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีนกอินทรีบินวนอยู่เหนือเวหา ซึ่งทรงหมุนตัวกลับเดิน เข้าไปด้านในรอฮวาเงินเปลี่ยนชุดไปศาลเจ้า

ชายหนุ่มใบหน้างดงามดุจสตรียืนดักรออยู่ที่หน้าทางเข้าศาล เจ้า ฮวาเงินหยุดยืนมองหน้าชายดังกล่าวเช่นเดียวกับชิงทรง

“ซุนเฟิน” ฮวาเงินเรียกนามของชายหนุ่มด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“ไม่เจอกันนาน ข้าไม่เห็นคุณหนูไปโรงละคร เลยคิดว่าน่าจะ มาที่นี่” ซุนเฟิน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสวยงามเปี่ยมด้วยเสน่ห์เดิน มายืนอยู่ตรงหน้าฮวาเงิน สบตาหญิงสาวช้าๆ พร้อมสะบัดพัด กางออก โบกพัดให้นาง ซึ่งตรงก้าวถอยหลังหมุนตัวเดินไปยืนพิง กำแพงทำที่ไม่สนใจ

“เราคงไม่ได้อยู่ชมการแสดงของท่านอีกแล้ว” ฮวาเงินสูดลม หายใจเข้าช้าๆก่อนผ่อนออกอย่างหนักใจ

“ทำไมละ ชุนเฟินขมวดคิ้วสงสัยมองหน้าฮวาเงินชนิดไม่ลด

สายตาไปทางอื่น

“คุณหนูต้องไปลั่วหยางเพื่อแต่งงานกับบุตรชายของท่าน หญิง” ชิงทรงตอบแทนเหลือบมองชุนเป็นที่เลิกคิ้วเหลียวมองคน ที่ยืนพิงกำแพงก่อนหันกลับมามองฮวาเงินอีกครั้ง

“ตามที่ชิงทรงกล่าว เราจําเป็นต้องไป

“หากเป็นเช่นนั้นคุณหนูควรรีบไป เพราะที่นี่ทำให้คุณหนูทุกข์ ทน” ซุนเฟินอมยิ้มบางๆ สะบัดพัดเก็บก่อนก้มหัวค่นับเดินเลี่ยง ออกไป ฮวาเงินก้มหัวคำนับลาส่งเช่นกัน ก่อนมองทางเข้าศาลเจ้าที่เงียบสงบ ซึ่งทรงเดินตามเจ้านายเข้ามาในศาลก่อนพบตง ชวนเดินออกมาพร้อมของใช้ในถุงผ้า

“ท่านจะไปไหน” ฮวาเงินเดินเข้ามาใกล้างซวนพร้อมมองถุง ผ้าในมือ

“ข้าจะไปลั่วหยาง แล้วท่านละ

“เราก็กำลังจะไปลั่วหยาง” ฮวาเงินค่อยๆ ฉีกยิ้มส่งให้ตงชวน ที่พยักหน้ารับอมยิ้มตอบกลับ

“แล้วเจอกัน” สิ้นค่าตงชวนก้มหน้าโค้งลาเล็กน้อยเดินถือลูก ประคำก้าวออกไปทันที ซึ่งทรงกอดอกยืนมองก่อนกระตุกยิ้ม ส่ายหน้าไปมา ฮวาเงินหันกลับมามองสาวใช้คนสนิทที่ปลดมือ ลงอมยิ้ม

อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ไปอย่างโดดเดี่ยว จริงไหม

“เจ้าค่ะ”

“ไปเตรียมตัวกันเถอะ” ฮวาเงินหมุนตัวกลับเดินออกไป

“เจ้าค่ะ” ชิงทรงตอบรับแล้วก้าวตามไปพร้อมหันหลังมองศาล เจ้าอีกครั้งด้วยรอยยิ้มชอบใจ ” หลวงจีนบ้า

การควบม้าผ่านภูเขาผ่านป่าเพื่อย่นระยะทางให้ถึงที่หมาย โดยเร็วที่สุด เมื่อเข้าสู่เขตลั่วหยางเป็นอันปลอดภัย ซื่อหมิง หยุดม้าอยู่หน้าโรงเตี๊ยมมองทหารลั่วหยางยืนเฝ้าอยู่หน้าทาง เข้าก่อนลงจากม้าเดินเข้าไปด้านในทันที ทหารลั่วหยางยืนล้อม ทั้งชั้นล่างและชั้นบน สายตาเหลือบมองหนุ่มใหญ่ที่กำลังเดินตีคู่มากับชายหนุ่มผู้เป็นพี่ต่างมารดา

“กลับมาแล้ว องค์ชาย” หนุ่มใหญ่ยิ้มแหย่เชื่อหมิงที่เดินเข้า มาคำนับ

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ยามะนานกว่านี้เสียอีก” เปย ติง ชายผู้เป็นพี่ต่างมารดามองหน้าน้องชายอย่างแปลกใจ ก่อนยกมือป้องปากกระซิบ “อย่าบอกฮูหยินว่าพบข้าที่นี่นะ

“ข้าไม่ใช่องค์ชาย ท่านจวิ้นอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ส่วนเรื่องฮูหยิน เปยข้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“รู้เรื่องยกเว้นเรื่องตนเองสินะ” เปยยิ่งยิ้มยียวนเอามือลูบ

คาง

“นั่นสิ เจ้าควรมีคนข้างกายได้แล้ว องค์หญิงลั่วหยางมากมาย

เกี้ยวพาสักคนบัลลังก์ลั่วหยางไม่สั่นครอน” หนุ่มใหญ่อย่างจ

นอ๋อง หยวนเหวกระทุ้งศอกแหลี่ซื่อหมิง

“ในเมื่อราชกิจเสร็จแล้วข้าขอตัว” ซื่อหมิงตอบปัดๆ เดิน สวนทางขึ้นบันได

“แล้วนั่นเจ้าจะไปไหน ไม่กลับจวนรี” เปยติงเอียงหน้ามอง ชื่อหมิงที่เหลียวมองช้าๆ

“ข้ามีธุระเชิญพวกท่านกลับไปก่อน ไม่ต้องรอ” ว่าจบก็เดินไป ห้องใหญ่ที่เป็นห้องเถ้าแก่ เปยยิ่งมองหน้ากับจวนอ๋องหยวน เหวอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายพากันเดินออก จากโรงเตี๊ยม ทหารถอนกำลังกลับตามนายไปทันที
ชื่อหมิงเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะมองจอกสุราขึ้นส่งให้อย่างเป็น เกียรติ โดยสองสามีภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยม

“ยินดีต้อนรับบุตรชายคนเล็กท่านอ๋องสี่ มีอะไรให้ข้าน้อยรับ

ใช้หรือขอรับ”

“ข้าต้องการหญิงงามที่ฉลาดหลักแหลมหนึ่งคน เถ้าแก่จะหา ให้ข้าได้หรือไม่ ซื่อหมิงหยิบถุงตำลึงมาวางตั้งไว้บนโต๊ะ

“ไม่มีปัญหาเลยเจ้าค่ะ เลียวเชียง…งงงง” ผู้เป็นภรรยาฉีกยิ้ม อย่างพึงพอใจตะโกนเรียกหาใครคนหนึ่งทางด้านนอกก่อนเดิน ไปเปิดประตูรับหญิงงามย่างกรายเข้ามาย่อตัวคำนับลี่ซื่อหมิง พร้อมหว่านเสน่ห์สบตาชายหนุ่ม

“ข้าน้อยเสียวเซียง ยินดีรับใช้นายท่าน” เลียวเซียงหญิงงามที่ เลื่องลือเข้ามาในสุราใส่จอกอย่างรู้งาน ซื่อหมิงลุกขึ้นเอามือ ไพล่หลังมองเจ้าของโรงเตี๊ยม

“ข้าจะให้คนที่จวนมารับเมื่อถึงเวลา” พูดจบตัดบทเสร็จ เรียบร้อยหมุนตัวเดินออกจากห้อง เสียวเซียงชำเลืองมองตาม อย่างหลงใหลหยิบจอกยกซด

“วาสนาเจ้ามาแล้วนะเลียวเชียง คุณชายท่านนี้เป็นถึงบุตร ท่านอ๋อง ไม่เคยข้องเกี่ยวกับหญิงใด ขึ้นอยู่ที่วาสนาของเจ้าแล้ว ละทำให้เต็มที่” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยม กล่าวอย่างพึงพอใจเดินมาหยิบถุงตำลึง

“ถึงมือข้าแล้ว ยากจะปล่อยไป ข้าไม่รับแขกคนอื่นแล้วกัน ข้า จะรอคนจากจวนท่านอ๋อง” เลียวเชียงฉีกยิ้มกว้างบอกสองสามีภรรยาก่อนเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ