บทที่ 19 ความในใจของเสี่ยวหวั่น
อยู่ต่อหน้าพี่หน้าดำ จางหลงไม่คู่ควรแม้แต่ถือรองเท้าด้วยซ้ำไป เมื่อเห็นหน้าค่ายกหมัดขึ้นเตรียมเหวี่ยง จางหลงตื่นตระหนก จนแทบฉี่ราด พร้อมตะโกนร้องเสียงหลง “พี่หน้าอย่านะครับ
หลี่เชาหรานเองก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว จางลงหาเรื่องเขา เขาจะไม่เอาความ แต่ไอ้สวะจางหลงถึงกับ กล้าคิดไม่ซื่อต่อป้าของเขา ต่อให้ตายไปเจ็ดครั้งเจ็ดหนก็ไม่ สามารถชดใช้ได้
ใครจะไปรู้ เมื่อหลี่เซาหรานคิดที่จะหมุนตัวเดินจากไป หาก แต่เงาร่างของใครบางคนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมตะโกนสั่ง ให้หยุด เสียงตะโกนเรียกความสนใจจากหลเขาหราน เมื่อหัน กลับไป หัวใจพลันบีบรัดแน่น
หลายคนนั้นเป็นคนของเจ้าหน้าที่ และยาม สองในนั้นคือคนที่ เคยขวางทางของหลี่เซาหรานพร้อมกับจางหลง
หลายคนนั้นวิ่งเข้าไปถึงจางหลงออก หน้ากล่าวโทษพี่หน้า พี่หน้าเองก็ไม่ใช่คนที่ใครต่อใครจะรังแกได้ ทันใดนั้นทั้ง สองฝ่ายจึงเริ่มการปะทะขึ้น
เมื่อเริ่มการโจมตี พี่หน้าดำควักมีดออกมา พร้อมคำรามลั่น “วันนี้ใครที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่
มีดเล่มนั้นเกิดการข่มขู่ได้อย่างดี คนของเจ้าหน้าที่ตัวสั่นระริกต่างคนต่างถอยห่าง
พี่หน้าค่นั้นพองขนมากขึ้นกว่าเก่า พลันคำรามเสียงดังลั่น “กูมีชื่อว่าพี่หน้าดำ ออกไปสืบให้รู้เรื่อง แม่งเอ๊ย ใครเจอกก็ต้อง ทำความเคารพ อย่างพวกแกเนี่ยนะกล้ามาโอ้อวดต่อหน้า ก? ! เข้ามาเลย ใครที่อยากตาย ก็เข้ามาเลย แม่งเอ๊ย!
พี่หน้าโหดเหี้ยมอำมหิตและดุดัน ยังไงซะเขาก็โตมากับ ความรุนแรง! หากเขาไม่สามารถทำให้คนอื่นเกรงกลัวได้ก็คง ไม่มีทางเป็นหัวหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้
คนของเจ้าหน้าที่เกิดหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัดเจน ต่างก็มอง หน้ากันเลิกลัก ทีแรกพวกเขาคิดว่าจางหลงนั้นเก่งกาจมากอยู่ แล้ว เมื่อเห็นเขาถูกรังแก จึงปรี่เข้าช่วยอย่างไม่คิดมาก แต่ใคร จะไปรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า
จางหลงนั้นรู้ดีว่าคนพวกนี้เป็นคนยังไง แม้ว่าจะมีความ ซื่อสัตย์ แต่ก็ไร้ความกล้า เขาสูดหายใจเข้า ก่อนที่จะโอบไหล่ สหาย พร้อมกล่าว “ความหวังดีของทุกคน ผมรับรู้แล้ว แต่เรื่องนี้ ผมเป็นคนก่อขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวกับทุกคน กลับไปเถอะ…….
คําพูดของเขา กลับสร้างกำลังใจให้พวกเขาเลือดลมสูบฉีด ต่างคนต่างตะโกนขึ้น “พี่หลงพูดแบบนี้ไม่ใจเลย เราต่างก็เป็น สหายกัน จะไปกลัวอะไร อย่างมากก็แค่ตาย มีอะไรกัน?”
“นั่นสิ สู้ตายกับพวกมัน!
คนจำนวนเยอะกว่าเกรงกลัวเรื่องแบบนี้ที่สุด เพียงแค่ไม่กี่ ประโยค เลือดลม ในกายถูกกระตุ้นทันที เหล่าคนของเจ้าหน้าที่ก็เป็นเช่นนี้ ต่างตะโกนเสียง เลือดลมสูบฉีด ราวกับพวกไม่กลัว ตาย
สิ่งเล่านี้อยู่ในสายตาของหลี่เซาหราน
พี่หน้า ไม่ใช่คนใจอ่อน อะไรกัน ในเมื่อเช่นนั้น ชายหนุ่มจึง วาดด้ามมีดไปข้างหน้า “ไปตายซะให้หมด! ”
เหล่าลูกน้องของเขาต่างก็เป็นคนดุดัน แต่ละจู่โจมทันทีอย่าง ไม่คิดมาก ในพริบตาทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากัน คนของเจ้า หน้าที่เพียงแค่เลือดร้อน สู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถม ยังพวกน้อยกว่า เพียงไม่นานก็ล้มไม่เป็นท่า ด้วยความอนาถ
พี่หน้าด่าโกรธจัด พลันเดินเข้าไปกระชากจางหลง พร้อม กัดฟันแน่น “แค่นี้ยังกล้าคิดที่จะเล่นกับ แม่ง! ฟังให้ดี เดิมที เมื่อวันนี้กูจะได้ห้าหมื่น จำนวนนี้ บวกกับค่ารักษาพยาบาลของ ทุกคน ภายในสามวันแกต้องหามาให้กหนึ่งแสน ไม่เช่นนั้น กูจะ ถลกหนังมึงซะ!
จางหลงที่เก็บกลั้นมานาน ในตอนนี้เขาไม่สามารถอดทนได้ อีกต่อไป “ให้บ้าอะไร แม่งเอ๊ย!”
พี่หน้าด่าด่ากราด แต่ก็ถือว่ามีสมอง เขาละทิ้งจางหลงหันไป จับตัวอีกคนแทน พลันจ่อมีดไปที่ท่อนขาของเขา จางหลงเกิด หวาดหวั่น ได้แต่ตอบตกลงทั้งน้ำตา
“จําเอาไว้ สามวัน ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกซะ!” พี่หน้าดำทิ้งท้ายประโยค ก่อนที่จะนำพักพวกถอยออกไป เมื่อเดินผ่านร่างของหลี่เขาหราน พี่หน้าตเผยรอยยิ้ม “อ้าว คุณพี่ ยังไม่ไปอีกหรือ เห้ ผมช่วยพี่สั่งสอนจางหลงแล้วนะ!”
หลี่เซาหรานไม่สนใจ พี่หน้าดำเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
พี่หน้าตาเองก็ถือว่าเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าหลี่เซาหรานนั้น ไม่ใช่คนธรรมดา การหาเรื่องเขานั้นไม่ส่งผลดีแน่ แต่ถ้าหากเล่น งานและเอาเงินมาจากจางหลงนั้นเป็นวิธีที่ชาญฉลาด
หลี่เซาหรานจับจ้องพี่หน้าที่ไกลห่างออกไปทุกที สลับกับ คนของเจ้าหน้าที่ที่ต่างคนต่างช่วยกันประคองให้ลุกขึ้น
เมื่อมาถึงร้าน ไม่คิดเลยว่าหวังเชิงจะเข้ามาต้อนรับด้วย ใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวอย่างเอาอกเอาใจ “หัวหน้าทีมหล มาแต่เช้าเลยนะครับ หัวหน้าทีมหลี่ สูบบุหรี่หน่อยไหม?”
หลี่เชาหรานเองก็ไม่เกรงใจ เขารับบุหรี่มาไว้ โดยปกติแล้ว เขาค่อนข้างถ่อมตน แต่ต่อหน้าหวังเชิง ต้องทำตัวสูงส่งเท่านั้น “มีอะไร?”
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไปทำงานซะ
“อันที่จริง…..อันที่จริงผมมีธุระ หัวหน้าทีมหลี่ คืนนี้ว่างไหม
ครับ?”
“มีอะไร?”
“คืนนี้เราจะไปดื่มชาสักหน่อยไหม? ผมเลี้ยงเอง
ท่าทีเยินยอของหวังเชิง ทำให้หลี่เขาหรานไม่สบอารมณ์
“ไม่ว่าง”
เขาทิ้งท้ายประโยค ก่อนที่จะเดินหนีอย่างไม่แยแส พลันเดิน ขึ้นไปชั้นบน หวังเชิงรู้สึกเสียหน้า พร้อมสบกด่า “อวดเก่งอะไร กัน แม่งเอ๊ย!”
หลี่เซาหรานนั่งลงที่ห้องทำงาน ขณะคิดที่จะดูตารางที่นัด ลูกค้าเอาไว้ เสี่ยวหวั่นกลับเคาะประตูเดินเข้ามา
เสี่ยวหวั่นไม่ใช่หมอนวด เธอประจําการที่หน้าเคาน์เตอร์ มีหน้าที่รับเงินจากลูกค้า ปกติแล้วเธอจะสวมชุดฟอร์มพนักงาน อันที่จริง หลี่เซาหรานรู้สึกว่าแบบฟอร์มของพวกเธอดูค่อนข้าง เชย ซึ่งแตกต่างจากชุดของหมอนวดหญิงที่ดูทันสมัยและเซ็กซี่ แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเสี่ยวหวั่นกลับดูสวยสะดุดตา
“มาแต่เช้าเลย?” หลี่เชาหรานรู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวหวั่น เขา ฉีกรอยยิ้ม ไร้การวางมาดแต่อย่างใด ขณะที่ทักทายเขาตั้งใจ จ้องมองกระดุมสองเม็ดที่เปิดกว้าง
หลี่เซาหรานเพิ่งมาทํางานที่ร้านได้ไม่นาน เขาไม่ค่อยคุ้นเคย กับคนในร้าน รวมถึงเสี่ยวหรั่นด้วย แต่เขาค่อนข้างถูกชะตากับ เธอ เขารู้สึกว่าเธอเป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่ใสซื่อ ดวงตากลมโต ประกายความบริสุทธิ์ น่าเสียดาย ที่ความสวยงามนั้นยังไม่เพียง พอ
“อืม ฉันรู้ว่าคุณจะมาแต่เช้า ถึงได้ตั้งใจมาก่อนคุณ”
เสียวหวั่น ใบหน้าแดงก่ำขณะกล่าวประโยค มือทั้งสองข้างยัง คงไขว้เอาไว้ด้านหลัง ด้วยท่ากระอักกระอ่วน
หลี่เซาหรานมีเรื่องในใจ จึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอ พลัน กล่าวถามอย่างใจลอย “มีอะไรหรือ?”
“อืม มีเรื่องนิดหน่อย” เสี่ยวหวั่นเขินอาย เธอกล่าว พลันยืน
อยู่อย่างนั้นไม่กล้านั่งลง
หลี่เซาหรานฉงน “เสี่ยวหวั่น มีอะไรว่ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ หรอก”
สถานการณ์นี้เมื่อคืนเสี่ยวหวั่นฝึกมาตลอดทั้งคืน ทีแรกเธอ เตรียมประโยคค่าพูดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้า จริงๆ เธอยังคงตื่นเต้นพูดไม่ออก
เธอหงุดหงิดที่ตัวของเธอใช้ไม่ได้การเสี่ยวหวั่นสูดหายใจเข้า
รวบรวมความกล้า ก่อนที่จะกล่าว “เซาหราน ฉันชอบ……
ทันใดนั้น “แอ๊ด” ประตูถูกผลักออก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ