สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

บทที่ 8 การถูกตัดสินให้ต้องจําคุกถูกเปิดเผย



บทที่ 8 การถูกตัดสินให้ต้องจําคุกถูกเปิดเผย

ธราเทพมองไปทางเธอ ก็สังเกตเห็นท่าทางเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆของเธอที่บิดไปบิดมา และเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นบนหน้า ผาก

เขาตรวจสอบภูมิหลังของเธอแล้ว จึงรู้ว่าเธอไม่เคยเข้าเรียน มหาวิทยาลัย และไม่ได้ประกอบอาชีพสุจริต เขาสามารถช่วย เธอให้รอดพ้นจากความยากลำบากได้ แต่ก็อยากเห็นว่าเธอจะ จัดการเองได้หรือไม่มากกว่า ถ้าหากว่าปัญหาเช่นนี้ก็ยังรับมือไม่ ได้ เส้นทางการเป็นนายหญิงน้อยณิชาหลังจากนี้ก็จะยากยิ่งกว่า

อีกทั้ง สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ฐานะทางสังคมที่จี้หยกสีขาว เส้นนั้นสามารถมอบให้กับเธอ เธอจะได้สามารถรักษามันเอาไว้ ได้

คนทั้งห้องต่างรอคำตอบของณัฐณิชา

เธอก้มศีรษะ เม้มริมฝีปาก พลางเอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจว่า “ฉันไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนที่ยังเล็ก เป็นเพราะสุขภาพไม่ ดี การเรียนจึงขาดๆหายๆ ในภายหลังจึงไม่ได้ไปที่โรงเรียนอีก เป็นคุณย่าที่เรียบเรียงแบบเรียนให้ฉันด้วยตัวเอง สอนฉันให้ รู้จักเรียนและอ่านหนังสือ

ณัฐณิชารู้หลักการพื้นฐานในการโกหก ก็คือต้องยอมรับเสีย ก่อน หลังจากนั้นก็แต่งคำพูดถึงจริงกึ่งเท็จ จะทำให้ผู้คนเชื่อถือ มากกว่าการปฏิเสธตลอด
สําหรับคําพูดเมื่อสักครู่นี้ ไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเรื่อง จริง สุขภาพไม่ดีเป็นเรื่องโกหก การเรียนขาดๆหายๆเป็นความ จริง คุณย่าเรียบเรียงแบบเรียนนั้นเป็นเรื่องโกหก

“ดูท่าคุณณัฐณิชาจะมีคุณย่าที่ยิ่งใหญ่อยู่ท่านหนึ่ง ถ้าอย่าง นั้นคุณณัฐณิชาทำงานด้านไหนหรือครับ ฝ่ายตรงข้ามซักไซร้ต่อ

ณัฐณิชาเหลือบตาขึ้นมอง เผยรอยยิ้มบางๆที่เจียมเนื้อเจียม

ตัวออกมา “ฉันเป็นนักวาดภาพค่ะ”

เหล่านักข่าวส่งเสียงว้าวทอดถอนใจออกมาอย่างเกินจริง คำ ชื่นชมรวมไปถึงคำถามอื่นๆล้วนถูกโยนทิ้งไป คุณณัฐณิชาวาด ภาพประเภทไหนกันนะ จะให้ทุกคนได้ชื่นชมผลงานชิ้นเยี่ยมสัก หน่อยได้หรือไม่

ธราเทพมองณัฐณิชายิ้มๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “โอ้อวดมากเกินไป แล้ว ผมไม่ช่วยคุณหรอกนะ”

ณัฐณิชาขึงตาใส่เขา “ฉันเป็นนักวาดภาพคนหนึ่ง

เพียงแต่ว่า เธอวาดรูปให้กับหน้าประตูบ้านผู้อื่น บางครั้งก็ บางครั้งก็วาดดวงดาว บางครั้งก็วาด วาดเครื่องหมายกากบาท บางครั้งก็วาดด เครื่องหมายถูกต้อง

เมื่อวาดเครื่องหมายกากบาท ก็หมายความว่าคนใน ครอบครัวนี้จะไม่เป็นเป้าหมายของหัวขโมย ส่วนดวงดาว หมายความว่าเป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม สำหรับ เครื่องหมายถูกต้องนั้นก็แสดงว่าเคยเข้าไปแล้ว
ธราเทพหรี่ตาลง เป็นกังวลว่าเธอจะสร้างเรื่องไม่คาดฝันออก มา จึงมองไปทางผู้ช่วยนรินทร์ ส่งสัญญาณให้เขาประกาศสิ้นสุด งานแถลงข่าวได้แล้ว

ในตอนที่พวกเขากำลังจะลุกขึ้นแล้วจากไป เสียงกรีดร้องของ ผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาจากมุมมุมหนึ่ง “คุณณัฐณิชา เรื่องที่คุณ เคยเข้าคุกเพราะลักขโมยนั้นเป็นความจริงหรือไม่คะ

ณัฐณิชาเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางคนที่ถามคำถามทันที นั่นก็ คือภัทริน

มิน่าตั้งแต่เริ่มต้น เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใบหน้าของคนที่คุ้น เคยอยู่ในงานแถลงข่าวด้วย ที่แท้ภัทรินก็ปลอมตัวปะปนเข้ามา นี่เอง

นักข่าวที่อยู่ในงานแถลงข่าวทั้งหมดเหมือนหมาป่าที่เห็นเนื้อ ติดมัน นัยน์ตาเป็นประกายวูบ ทั้งหมดล้วนเอ่ยถามคำถามต่อ ณัฐณิชาตามภัทรินว่าเคยถูกตัดสินให้ต้องจำคุกเพราะลักขโมย จริงหรือไม่

ณัฐณิชายืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม แสงวูบวาบนับไม่ถ้วนสาดลง บนใบหน้าที่งดงามแต่กลับซีดเผือด ทำให้เธอแทบจะยกโต๊ะทุ่ม ใส่เหล่านักข่าวที่โหดร้ายพวกนั้นอย่างอดมิได้

ผู้ช่วยนรินทร์ถามภัทรินกลับเสียงดัง “คุณผู้หญิงท่านนี้ สามารถแสดงหลักฐานการเป็นนักข่าวของคุณออกมาได้หรือไม่ ครับ พวกเราจะดำเนินการสืบสาวให้คุณรับผิดชอบเกี่ยวกับการ หมิ่นประมาทจนถึงที่สุด”
แน่นอนว่าภัทรินไม่มีบัตรนักข่าว สำหรับเรื่องคำขู่ที่จะถาม หาความรับผิดชอบ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อนักข่าวที่ร้อนใจคิด อยากจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แม้แต่น้อย

สิ่งที่พวกเขาสนใจมีเพียงแค่ภรรยาของประธานแกรนด์ อิมพีเรียลกรุ๊ปถูกตัดสินให้ต้องจำคุกเพราะลักขโมยหรือไม่ นาย หญิงน้อยณัฐณิชาเคยเป็นนักโทษเยาวชนมาก่อนหรือไม่

ธราเทพเห็นว่าเธอทนไม่ไหวแล้ว ก็กำลังคิดจะดึงเธอออกไป

ทว่าณัฐณิชากลับสลัดหลุดจากเขา มองธราเทพนิ่งๆครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ใช้สายตาเย่อหยิ่งและเหยียดหยามกวาดมองไป ทางนักข่าวที่แทบจะกินเธอทีละคน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ