สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย

บทที่ 4 หกปีที่แล้ว



บทที่ 4 หกปีที่แล้ว

บทที่ 4 หกปี แล้ว

“ซินเป! เรียกท่านพ่อ ! ข้าคือท่านพ่อของเจ้า!” “ซินเป่า ! ห้ามชน

นะ เป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องเรียบร้อย

หน่อยสิ!” “ซินเป่า ! พ่อต้องนำทัพไปนอกด่านนานหลายเดือน เจ้า

ต้องเชื่อฟังพี่รอง ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด!” “ซินเป่ า! ท่ารำดาบของ

เจ้างดงามเหมือนอย่างแม่เจ้าใน

ปีนน! ดีมาก! ลูกสาวข้าอันต้องให้ได้อย่างนี้ เล่า

สตรีก็มิได้น้อยหน้าไปกว่าบุรุษหรอก! “ซินเป ! สนามรบอันตราย

จริงเท็จยากจะขาด ต่อให้

ช้าต้องสละตำแหน่งรัชทายาท ข้าก็ไม่มีทางยอมให้เจ้า

ไปเสียง!” “ซินเป่า! งานวันเกิดพ่อตอนสิบปี เจ้าต้องกลับมาให้ได้

นะ!” “ซินเป่า! เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงชื่อว่าซินเป่า เพราะ

ว่าเจ้าเป็นสมบัติ ค่าที่สุดที่หานซินที่ งไว้ให้พ่อ!” “ซินเป ! ต้อง รอด!” เสียงของท่านพ่อลอยสะท้อนไปมา ติดค้างอยู่ในหัว เป็น

นานไม่ยอมดับหายแต่พอลืมตา กลับเห็นเป็นเงาทีทอดตัวลงบนพ น น น

รกร้างและน่าห่อเหี่ยว

เคยนึกว่า ตนจะต้องติดอยู่ในฝันร้ายที่น่ากลัว นตลอด

ไป ไม่อาจตีน นมาได้อีก

นอกสนามฝึก สวนหยางยกมือป้องแสงแยงเข้าตา

เพ่งตามอง

ที่แท่นสูงไกลออกไป คือใบหน้าที่เข้มงวดและแสนจะคุ้นเคยของ

ท่านพ่อ

“ท่านหญิง!” ทางด้านหลังมีเสียงซอยเท้าเบาๆ ทว่าเร่ง

ร้อนดังลอยมา

สวนหยางดึงสติกลับมา หันศีรษะกลับไปมองเสือ

เกราะที่อยู่ในมือของชิงหลัว เลิกคิวถาม “เป็นอย่างไร

บ้าง ของทีข้าให้เจ้าหาเอามาได้หรือเปล่า” “เจ้าค่ะ” ชิงหลัวคือหนึ่ง

ในสองของสาวใช้ทีคอยติดตาม

นาง แม้หน้าตาจะธรรมดา แต่นิสัยกลับสุขุมนุ่มลึกที่สุด

ค่อนข้างจะรู้ความ แต่ว่าเสื้อเกราะพวกนี้ เตรียมไว้สำหรับบุรุษ ข้า

ตั้งใจเลือกตัวที่เล็กที่สุดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่พอดีตัวอยู่ดี”

งหลังตอบความ

น้อย”ไม่เป็นไร” สวนหยางตอบ มือก็เอื้อมไปหยิบชุดเกราะ สีเงินที่อยู่ในมือของนางมาใส่พลางเดินไปอีกด้าน ก้าว ไปได้สองก้าว ก็อดหันกลับมามอง อันที่อยู่ไกลๆ ไม่ ได้ริมฝีปากค่อยเผยมออกมา

สวนหย่างเหม่อลอยอยู่สักพัก ซึ่งหลัวที่อยู่ข้างกายมอง ตามสายตาของนางไป ขมวดคิวถาม “ท่านหญิง จะไม่

บอกนายท่านไว้สักหน่อยหรือเจ้าคะ ทีนี้ใกล้กับค่าย

ทหารของชาวหนานขวามาก ถ้าหากนายท่านรู้ว่า

ท่านออกนอกค่ายไปเพียงลำพัง จะต้องโมโหมากแน่ๆ ยังไม่ต้อง บอกท่านพ่อ ข้าหาพรองเจอแล้วก็จะรีบกลับ

มา” สวินหยางกล่าว ระหว่างที่พูดก็จัดการสวมเสื้อ

เรียบร้อย ม้วนผมยาวที่รวบเอาไว้เป็นหางม้ายัดเข้าใส่ ฝีมือดีที่อยู่ข้างกายนายท่านมาให้อีกแปดนายด้วย

ใต้หมวกที่อยู่บนศีรษะอย่างคล่องแคล่ว

ซึ่งหลัวเม้มปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ห้ามอีก พูดเพียงว่า

“นายกองจูเตรียมมาเอาไว้ให้แล้ว ทั้งยังเลือกองครักษ์พวก

เขาไปรออยู่ที่ประตูฝั่งตะวันออกของค่ายแล้ว ทุกอย่าง

จัดการตามที่ท่านหญิงสั่งไว้ ถ้าพร้อมแล้ว ท่านหญิงก็ไป

ที่นั่นได้เลยเจ้าค่ะ” “ข้ารู้แล้ว” สวนหยางพยักหน้า ขณะที่พูด สายตาพลันเข้มขืน หันกลับไปบอกชิงหลัวด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้า

กลับไปเถอะ ไปเตรียมกับซิงเถิงให้พร้อม จําค่า ข้าบอก

เอาไว้ให้ดี ก่อนที่ข้ากับพี่รองจะกลับมา เรื่องที่ข้าพ

แล้วจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ท่านพ่อถาม เจ้ารู้ใช่

ไหมว่าต้องรับมือยังไง” “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบดี! ” ชิงหลัวพยักหน้า

แววตามี

ความกังวลแบผ่าน ถามอย่างสงสัยว่า “ท่านหญิง หรือ

ว่าท่านกำลังสงสัยอะไร…” “ตอนนี้ ยังไม่แน่ใจ” สวนหยางตอบ

“สรุปคือเจ้ากับชิง

เถิงก็ทำตามที่ข้าสั่งไว้ไปก่อน นอกนั้นรอให้ข้าพา

รองกลับมาแล้วค่อยว่ากัน” “ท่านหญิงวางใจได้ ข้าน้อยรู้หนักเบา

คร้ นแล้วชิงหลัว

ก็ไม่ถามมากความอีก ย่อเข่าทำความเคารพ หมุนกาย

เดินออกไปยังทิศทางของกระโจมสวนหยางยี อันที่อยู่ห่างออกไปกำลังตั้งใจฝึกซ้อมทหาร ไม่ทัน

สังเกตเห็นว่าบุตรสาวมาถึงที่นี่ สวนหยางหันศีรษะ แล้วเร่งฝีเท้าไปทางประตูตะวันออกของค่าย

กลับไปมองเขาอีกครั้ง จากนั้นสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

ตามที่นางได้สั่งการไว้ จูหยวนซานซึ่งเป็นทหารคนสนิท ของบิดาได้เตรียมมาศึกเอาไว้อย่างพรักพร้อมแล้ว ทั้งยัง

นัดแนะกับองครักษ์เป็นอย่างดีว่าให้ไปรอแถวๆ ประตูฝั่งตะวันออก

ของค่าย

“ท่านหญิง!” เห็นว่านางเดินมา จูหยวนซานก็รีบสาวเท้า

เข้ามารับ สีหน้ากลัดกลุ่มเล็กๆ ท่านหญิง ท่านรีบร้อน

เรียกขาน้อยมามีเรื่องอะไรจะให้รับใช้หรือขอรับ ท่าน

เพิ่งได้รับบาดเจ็บ หากมีเรื่องอะไรก็สั่งให้ข้าน้อยไปทำ

ได้เลย ต้องไปด้วยตนเองหรอกขอรับ” “พี่รองหายออกไปจากค่าย

หลายวัน เพราะข้า ถ้าไม่ให้

เขาเห็นกับตาว่าข้าปลอดภัยดี เกรงว่าเจ้าคงเรียกให้เขา กลับมาไม่ได้แน่” สวนหยางหัวเราะเย้า ระหว่างที่พูดคุยก็พลิกตัวซี นหลังม้าเสร็จพอดีท่านหญิงท่านนี้ ของเขาถูกองค์

รัชทายาทตามใจจนมี

นิสัยไม่ใส่ใจต่อกฎเกณฑ์ จูหยวนซานรู้ดี หากว่าเป็น

เรืองทีนางได้ตัดสินใจไปแล้ว จะไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ด

ขาด หลังจากถอนหายใจอย่างจนปัญญาไปที่หนึ่ง ก็รีบ

เรียกให้องครักษ์ทั้งแปดนายตะบึงมาตามไป

“หุบเขาเพลิงอัคคีอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของค่ายขอ

รับ” จูหยวนซานตามเข้าไปเอ่ยเดือน

มองดูภาพเทือกเขาที่แสนจะคุ้นเคยทอดตัวอยู่เบื้องหน้า

สวนหยาง มแย้ม “ข้าน่า!

นับแต่บรรพบุรุษสถานปนาแคว้นเยว่ นี่เป็นฤดูใบไม้ร่วงปีที่สิบหก

ของรัชสกดวงดี ที่นี่คือค่ายทหารที่อยู่

ระหว่างเขตแดน เยวกับหนานฮวา ในชาติทีแล้วนาง

เป็นผู้บัญชาการค่ายแห่งนี้ รักษาการณ์อยู่แผ่นดินชาย

ขอบนี้ ถึงหกปีเต็มๆ ต่อให้หลับตาก็ยังสามารแยกแยะ

ต้นไม้ใบหญ้าทุกตารางนิวได้อย่างชัดเจน

จูหยวนานแคลงใจเล็กน้อย แต่ฉุกคิดได้ว่า ท่านหญิง ของตนนนความจำเป็นเลิศ นางอาจจะเห็นแผนที่หรือว่า

ได้ยินองค์รัชทายาทพูดถึง หรือไม่บางทีองค์ชายอาจ

จะเคยเล่าอะไรให้นางฟัง ตรั นแล้วก็ไม่ได้ซักใช้ไล่ความ

ต่อ

สวนหยางควบม้า เร่งความเร็วมุ่งหน้าไปทางหุบเขา

เพลิงอัคคี ลมสารพัดกลิ่นหญ้าข้างทางเข้าปะทะหน้า ยิ่งกระตุ้นให้

ใจของนางร้อนรน

เวลาหมุนย้อน นับจากวันที่มอดไหม้ในทะเลเพลิง เมื่อ

ลืมตาขึนมาอีกครั้ง คล้ายว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายคืนหนึ่ง

ทั้งนางยังได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาหกปีก่อน ซึ่งก็คือ

ฤดูใบไม้ร่วงที่นางอายุได้สิบหกปี

ในปีนน สงครามที่ท่ากับชาวหนานฮวาร้อนแรงนัก อี อันผู้เป็นบิดารับราชโองการให้นำทัพไปชายแดน นางกับ

พี่ชายฝาแฝดฉู่ฉีเฟิงจึงได้ติดตามไปด้วย

แต่ก็เพิ่งเมื่อวานนี้ เอง มันเป็นวันที่พวกนางเพิ่งจะเดิน

ทางอย่างยาวไกลนับพัน จนมาถึงค่ายทหาร ม้าของนางถูกทำให้

ตกใจจนสะบัดนางตกจากหลัง นางสลบ

ไสลไม่ได้สติ

พอพรองได้ยินหมอในค่ายพูดว่ามีสมุนไพรวิเศษที่สามารถสสายเลือดตั้งและห้ามเลือดได้อย่างชะงัด น อยู่กลางหุบเขาเพลิงอัคคีซึ่งห่างออกไปยี่สิบสี่ เขาก็รับ

พาคนออกจากค่ายไปในดินนนเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจากไปคราวนั้นใต้กินเวลาถึง หนึ่งวันหนึ่งคืน รอจนกระทั่งเช้าวันที่สามถึงจึงมีคนไป พบเข้า จึงได้รู้ว่าระหว่างที่เขาเดินทางกลับได้ถูกชาว หนานฮวาลอบโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเมื่อได้รับ การช่วยเหลือ แม้ชีวิตจะพอเหนี่ยวรั้งไว้ได้ แต่ต้องสูญ เสียขาทั้งสองข้างไป ทังชีวิตที่เหลือไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกแล้ว และด้วยเหตุนี เอง พี่ชายนางผู้ซึ่งมีความสามารถเป็น เลิศจนได้รับความโปรดปราณอย่างมากล้นจากฮ่องเต้ ถึงได้สูญเสียตำแหน่งชื่อถือ [2] แห่งวังบูรพาไป ถูกคนใน ตระกูลและคนในราชสำนักกดเอาไว้จนยากจะเคลื่อน

ไหว

จนกระทั่งท้ายที่สุด…

เพื่อที่จะปกป้องนาง เขายอมรับโทษทัณฑ์กากเดนใน

ราชวงศ์ก่อนแทนนาง ดื่มยาพิษแทนนาง ตายไปเพราะความคลางแคลงของญาติที่สนิทที่สุด ชาติก่อน นางติดค้างพรอง

มากเกินไป ครานี เวียนกลับ

มา นางจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วย

อะไรก็ตาม

ตอนนี้ เวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว สวนหยางใจร้อนรุ่ม หวด

แสลงสะโพกม้า ๆ แค้นใจที่ไม่อาจติดปีกให้มัน จะได้

เร่งความเร็วให้มากอีกหน่อย

ม้าของนางเป็นบ้านที่เพิ่งควักเงินก้อนใหญ่ อมา

ทั้งยังฝึกหัดมันด้วยตนเอง พวกจูหยวนซานแม้จะควบ

ตามมาอย่างไม่ลดละ แต่ก็ถูกสะบัดทิ้งไว้เบื้องหลังเป็น

ระยะช่วงหนึ่งเบื้องหน้าคือป่าอ้อที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สวนหยาง

ะ ง าต่อไป

หรือว่า…

จะมีการซุ่มโจมตี?

หัวใจของคู่สวินหยางกระตุกวูบ ค้อมตัวลงต่าตาม

สัญชาติญาณ หมอบอยู่ข้างตัวม้า หลบคมอาวุธ

“เวรแล้ว !” จูหยวนชวนคำราม ขณะกำลังจะสั่งการให้องครักษ์เตรียมการป้องกัน จู่ๆ ก็มีลูกธนูทะลุบออกมาจาก อ้อ

ลึก พุ่งตรงมาที่หน้าอกของเขา

จูหยวนานถือเป็นคนมีฝีมือผู้หนึ่ง แต่คะเนแล้วว่าไม่

อาจด้านพลังของธนูที่พุ่งเข้ามาได้ ช่วงวินาทีเป็นตายจึง

ตัดสินใจทงตัวลงจากหลังม้าอย่างไม่เป็นท่า ถึงค่อยเอา

ชีวิตรอดจากธนูดอกนั้นมาได้

เวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีร่างเงาสายหนึ่งเคลื่อนเร็วราว

กับสายฟ้า กระโจนออกมาจากป่าอ้อที่สูงเท่ากับสอง

ช่วงคน

รูปร่างของคนผู้นั้นคล่องแคล่วแข็งแรง เสื้อผ้าทั่วร่างขาด

วิน ดูไม่ค่อยออกว่าสภาพเดิมมีมาอย่างไร บนตัวมีบาดแผลเล็ก ใหญ่นับไม่ถ้วน รวมๆ กันเป็นร่างโชกเลือดร่าง

หนิง

แม้จะบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่ส่งผลถึงฝีมือ

ทีว่องไวเลยสักนิด

เรื่องระทึกพลิกพลัน สวนหยางดึงบังเหียนมา หันศีรษะกลับไปมอง

เวลานี คนผู้นั้นยืนอยู่ตรงกลางระหว่างนางกับพวก หยวนซาน ปิดกันเส้นทางเอาไว้ ลูกธนู ง้างจนสายดึง เปรียะในมือเล็งไปทางพวกจูหยวนซานอย่างระแวด ระวังเต็มที่ ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังให้สวินหยางเห็นจากไกลๆ หัวใจของคู่สวินหยางพลันเต้นผิดจังหวะ ถึงแม้จะเรียก ไม่ได้ว่างามจนสะกดสายตา แต่แผ่นหลังนั้น…

คล้ายกับคนๆ หนึ่งมากเหลือเกิน

[1] ซินเป่า มาจากภาษาจีนสองคำรวมกัน คือ คำว่า “ชิน” มาจาก หาน น าว่า ‘เป๋ า มาจากเป้ เป้ยงแปลว่า

ทีรักหรือสมบัติสํา

(2) ซื้อจือ หมายถึง ลูกชายผู้จะสืบทอดบรรดาศักดิ์ของ

บิดา โดยส่วนมากจะเป็นลูกชายคนโต แต่บางครั้งก็อาจ

มีข้อยกเว้นเป็นลูกชายคนรองก็ได้ ตามแต่ความตั้งใจ

ของผู้เป็นบิดาทที่ 5 พบหน้าเหยียนหญิงอีกครั้ง

ทันใดนั นเอง ในป่าอ้อเกิดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ได้ยินเป็นเสียง ความเร่งฟังดูเลวทราม “ต้นให้ทั่ว ต้องหา มันให้พบ! วันนี้ ถ้าไม่ได้หัวมันมา พวกเจ้าทุกคนก็ต้อง

ตายท้งหมด”

แท้ ก็เป็นการไล่ล่าสังหารอีกฉากหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวอะไร

กับพวกนาง

“พวกข้าแค่ผ่านทางมา ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับผู้ใด ไม่สู้ต่างคนต่าง ถอย ทางใครทางมัน!” สวนหยางพลัน

โล่งอก รีบขยับเข้าไปใกล้พวกจูหยวนซาน พลางเอ่ยกับ

แผ่นหลังของคนผู้นั้น

คนผู้นั้นไม่ตอบว่ากระไร คล้ายว่ากำลังประเมิน สถานการณ์ แต่ไม่มีเวลาให้เขาได้คิดมากนัก เสียงเสียด สีของใบไม้จากป่าอ้อด้านหลังใกล้เข้ามากระชันขึ้นทุกที สุดท้าย เขาก็ลดคันธนูลง หมุนกายวิ่งไปตามทางเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามป่าอ้อ แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะหมุนตัวกลับไป มีดสันเล่มหนึ่งพลันบินออกมาจากป่าอ้อ พุ่งเข้าใส่กลาง

หลังของเขาอย่างรวดเร็ว…ทหารที่ตามมาพบตำแหน่งของเขาแล้ว

ปฏิกิริยาของคนผู้นั้นว่องไวเป็นที่สุด เบียงตัวไปทางด้าน

ข้างแล้วกลงหลบการโจมตีที่รุนแรงถึงขั้นเอาชีวิต มืดสน ที่ถูกคนป่าออกมาเล่มนนเฉียดหัวไหล่เขาไป กรีดเป็น

รอยแผลรอยหนัง

หากเป็นคนทั่วไป เวลาแบบนี้ ยังสามารถเอาตัวรอดไป

ได้อย่างหวุดหวิดก็ถือว่าโชคเข้าข้างเท่าไรแล้ว ทว่าคนผู้ นี้ไม่เหมือนกัน ขณะที่เขาหมุนตัวลงกับพื้น ภายในพริบ

ตาก็มีธนูยิงสวนกลับไปยังทิศทางด้านหลังที่มีดเพิ่งจะพุ่งออกมา

ธนูดอกนันรวดเร็วและรุนแรง ถึงขนาดว่าสวินหยางเอง

ก็ยังมองไม่ทันว่าเขาลงมือด้วยวิธีใด…

วินาทีต่อมา ในป่าอ้อก็มีเสียงคนโอดครวญล้มลงบนพื้น

“อยู่ข้างหน้านั้น! ตาม!” คนก่อนหน้านี้ ตวาดด้วยความ

บ้าคลัง แล้วกระโดดออกมาจากป่าอ้อ

การแต่งกายราวกับอันธพาลท่องยุทธภพ รูปร่างสูงใหญ่ก่ย่า ศีรษะล้านเตียน ดวงหน้าบอกถึงความอำมหิต พวกเราแค่

ผ่านทางมาเท่านั้น!” จูหยวนซานดูออกว่า

สวนหยางไม่อยากเข้าไปยุ่งเรืองชาวบ้าน ไม่รอให้อีก ฝ่ายตอบคำก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า ตามสวนหยางไป

เหมือนกับว่าเรื่องราวไม่ได้เกี่ยวข้องกับคน

อีกฝ่ายเพียงเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง อาจเป็นเพราะ

พวกเขาอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารของซีเยา หรือไม่ก็

เพราะไม่มีเวลา จึงไม่ได้สืบสาวเอาความ

ทีตามมาติดๆ คือคนชังทยอยโผล่ออกมาจากป่าอ้อ

อย่างไม่หยุดหย่อน

ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น ร่างเลือด” ที่เพิ่ง จะปีนขึ้นมาจากพื้นโคลน ได้ถูกล้อมปิดไว้

ทั้งสามด้านแล้ว ถูกต้อนจนจนมุม

สถานการณ์เช่นนี้ เขายังเยือกเย็นอย่างมาก และด้วยจุด

อ่อนของอาวุธประจำตัว เขาไม่อาจปล่อยให้อีกฝังมี เวลาดังรับ จึงขิงปล่อยลูกธนูออกไปก่อนอย่างต่อเนื่อง

นดง! แม่นยำา! โหดเหียม!

ท่วงท่าทีคล่องแคล่วรวบรัด ไม่มากทำไร้ประโยชน์ ทำให้

สวนหยางที่เห็นการฆ่าฟันในสนามรบมาจนชินชายังต้องแอบถอดถอนใจเพียงพริบตาเดียว แม้ฝั่งตรงข้ามจะมีคันธนู

ติดมือมา

เช่นกัน แต่ยังไม่ทันจะได้ดังท่าเลยด้วยซ้ำ ๆ คน สิบกว่า

คน เมกองบนฟันไปครั้งหนึ่งแล้ว อีกอย่าง…

กระบอกลูกธนูด้านหลังเขาก็ว่างเปล่าแล้วเช่นกัน

แม้กระบอกลูกธนูว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ร้อนใน ชักดาบ

ที่เอวออกมาอย่างไม่รอช้า ตั้งท่าพร้อมรับการจู่โจม

เห็นคนมากมายตายไปต่อหน้าต่อตา หัวหน้าฝั่งขายหัว

โล้นชิงโกรธแค้น เจือดาบในมือกระโจนเข้าใส่ ร่างเลือด

คนสิบกว่าคนรุมกรูเข้าใส่ ฟาดฟันดุเดือดคนผู้นั นบาดเจ็บหนัก

พละกําลังลดถอนแต่ต้นแล้ว ผ่าน

ไปไม่มีกระบวนท่า ส่อแววว่าจะปราชัย ดาบของชายหัว

โล้นสกัดดาบยาวเอาไว้ได้ ทุ่มแรงบังคับให้ร่นถอยหลัง

เห็นชัดว่าขายหัวโล้นเป็นผู้มีพลังเป็นเลิศ ออกแรงกดที

คาบอย่างโหดเหียม บังคับให้คมดาบทรับการโจมตีใน

มือเขากดลงบนหัวไหล่

คมดาบเข้าเนื้อ ค่อยๆ กดลึกเข้ากระดูกคนผู้นั้นฝันทานรับได้ทั่วประเดี๋ยว สุดท้ายก็หมดแรง เข่า

ข้างหนึ่งกระแทกลงกับพี่ เสียงสะเทือนเพื่อนกัน”ฝีมือชนของคนผู้

นเรียกได้ว่า ใต้หล้าไร้เทียมทาน อายุ

อานามดูแล้วก็ไม่มาก น่าเสียดายจริงๆ!” จูหยวนซาน

ถอนหายใจเฮือก เป็นนัยว่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย ก่อนจะลอง

เชิงถามสวนหยางว่า “พวกเราต้องลงมือช่วยเขาหรือ

ไม่ขอรับ?” “แถบนี้ คนดีคนเอวยากจะแยกฐานะของคนพวกนั้น

อาจจะไม่ธรรมดา พวกเราต้องรีบตามหาพี่รอง อย่าเพิ่ม

ปัญหาให้ตัวเอง” สวนหยางเม้มปาก หันหัวม้าเลี้ยวไป

อีกทาง กล่าว “ไปเถอะ!

เวลาเดียวกัน คนผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังถูกต้อนจนกองอยู่

บนพ นแล้ว ชายหัวโล้นไร้เมตตา มือถือดาบยาวสาวเท้าตามเข้าไป

หัวเราะห์เสียงเย็น “คิดว่าจะแน่สักเท่าไร

สุดท้ายก็ต้องสยบในมือข้า จุดจบนอนเป็นศพกลางป่า

ถ้าเจ้าฉลาดหน่อยก็ควรจะยอมดีๆ ตั้งแต่แรก ไม่ต้องทํา

การต่อต้านที่ไร้ค่าเยี่ยงนี้ ! เปลืองแรง! ถุย!”พูดไว้ ดาบในมือ ก็ฟาดลงมา ตวัดเข้าใส่ลำคอของคน

ดาบ ฟันลงไป มีเพียงความตายสถานเดียว

เสียววินาทีความเป็นตาย สถานการณ์กลับพลิกผันอีก ประมาทเลินเล่อ เห็นว่าศีรษะมันกำลังจะขาดอยู่รอมร่อ แล้ว ทว่าจู่ๆ ‘ร่างเลือด” ที่กองอยู่บนพื้นที่เพียงศีรษะ

คร้งอาจเป็นเพราะชายหัวโล้นมันใจในชัยชนะ ถึงได้

หลบไปด้านข้างอย่างแรง

เพราะเขาเอียงศีรษะหลบ ใบหน้าถึงหันไปทางส

นหยางพอดี

แค่แวบเดียวในวินาทีฉุกละหุก สวนหยางจ้องเขม็งที่ใบ

หน้านันอย่างลืมตัว…

ใบหน้านั น คือบุรุษหนุ่มดวงหน้าเกลี ยงเกลา บนหน้า

เลอะเปรอะไปด้วยเลือดและคราบสกปรก ปิดซ่อนโฉมหน้าเดิมจน ยากจะมองออก ริมฝีปากบาง จมูกโด่งเป็น

สัน ผมมาที่ชุ่มเหงื่อเลี้ยงกระเท่เรีบดบังค์ วงาม แต่ดวง

ตาคู่นน ใสกระจ่างเฉียบคม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับไม่มีท่าทีเศร้าสร้อยหรือหมดหวังราวกับคนที่กำลัง

จะตายสักนิด

คนสองคน ถูกกันห่างด้วยระยะทางมากกว่าห้าง

ดอกอ้อพัดพล วราวกับทุ่งกว้างแห่งนี้ ได้ถูกถักทอเป็น

ภาพฝันที่อบอุ่นละมุนละไมฉากหนึ่ง

เวลาหมุนย้อน กลับคืนสู่ลานประหารที่ตัดสินโทษตาย

ให้กับคนของวังบูรพาท งหมดอีกครังวันนี้ นางไปถึงด้วยสภาพ เลือดท่วมตัว ก่อนเขาจะมา

ออกไป ยัง มน้อยๆ ด้วยท่าทีปลอดโปร่ง เชิญท่านหญิง

ตามสบาย!

แต่ทว่าวันนี้ เขาอาภรณ์ย้อมเลือด ทุ่มเทกำลังสุดชีวิต

เพื่อดี นรนให้ตนอยู่รอด

แต่นาง…

หยุดมาข้างทาง กลายเป็นผู้ชมที่ไม่อนาทรร้อนใจ

เหมือนดังต้องมนต์ สวนหยางมองคนผู้นั้น คล้ายว่าใบหน้าที่ คอย โผล่แวบ นมาอย่างเลือนรางในห้วงฝัน

ใช่แล้ว…

เหยียนหลงจาน?!เวลานี้ ศีรษะของเหยียนหลังจในเอียงไปข้างหนึ่ง ผม ดาบเหมือนจะฟันลูกผมที่กระเซิงอยู่ข้างใบหูของเขาจน ขาดออกมากระจกหนึ่ง แล้วเฉียดผ่านคอของเขาไป

เพียงเส้นยาแดง

ทันใดนั้น ชายหัวโล้นที่กุมตาบอยู่ในมือก็ครามออกมา

พลันก็ยกมือกุมหน้าท้อง เดินถอยหลังซวนเซไปหลายก้าว… ทุกคนถึงค่อยเห็นว่า ช่วงเอวของเขาชุ่มไปด้วยเลือด และมีกริชเล็กๆ อันประณีตเล่มหนึ่งปักอยู่

เป็นทีชัดเจน เหยียนหลิงจวินฉวยโอกาสตอนทีเขาเอียว ตัวเงิ อดาบ ควักเอากริชออกมาจากแขนเส อแล้วแทงเข้า

ทีเอวของเขา

ความยาวของกริชไม่มาก แต่เห็นได้ชัดว่าเหยียนหลังจา

นในเวลานั้นหมดแรงเสียแล้ว ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย

กริชที่ฝังอยู่ในร่างเขามีความลึกเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นหลังจาก โจมตีกลับ ก็กระอักเลือดสดๆ ออกมาที่หนึ่ง แน่

นิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยือน

“แก… ให้ดื่มเหล้ามงคลไม่ลืม อยากโดนกรอกยาพิษ [1] สินะ!” ชายหัวโล้นที่ถูกทำร้าย ก้มหน้ามองดูคราบเลือดที่เปรอะเต็มฝ่ามือ คำรามด้วยความเคียดแค้น “มือธนู ยิงมันให้ตาย! สับมันเป็นซ์ นๆ แล้วโยนให้ปลาในสระกัน

ซะ!” “ขอรับ!” ลูกน้องสองสามคนรับคำสั่ง รีบ นอนดึงสาย

ตอนนั้นเอง สวนหยางถึงค่อยดึงสติกลับมาจากความ

ตีนตะลึงและความกังวลได้ หลังจากที่ต้องมาพบเขาอีกครั้งอย่าง

กะทันหันเช่นนี

ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชาติก่อน คนผู้นี้ ไม่ควรจะอยู่

ตรงนี

เขาไม่ควร…

ปรากฏตัวนที….

ในเวลานี!

ฉับพลันทันใด ความคิดสายหนึ่งก็พุ่งเข้าชนในสมอง

ก่อนจะหายวับ เลือดในกายของสวินหยางร้อนเร่า นิวมืออดจะสั้น

เทาไม่ได้ คล้ายว่าจะเป็นความจริง

บางอย่างที่แสนจะน่ากลัว ซึ่งถูกเก็บซ่อนเอาไว้ถึงหกปี

เต็มๆ

พวกจูหยวนซานเข้าใจว่านางไม่คิดจะแทรกมือเข้าไปยุ่ง

กับเรื่องนี้ จึงขี่ม้าจากออกไปได้หลายก้าวแล้วเพียงห้วงความคิด สวนหยางล้วงเอาแก้อ่อนออก จากอกเอราวกับไม่รู้สึกตัว ทะโยนตัวสูงจากม้า แล้วพุ่ง

กลับไปทางเม

[1] ดื่มเหล้ามงคลไม่ดื่ม อยากโดนกรอกยาพิษ เป็น

สำนวน หมายถึง เมื่อพูดดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็ต้องใช้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ