ตอนที่ 10 ปฏิเสธสุดฤทธิ์
ตอนที่ 10 ปฏิเสธสุดฤทธิ์
สมองของเธอตอบสนองอย่างเร็วก่อนจะรีบยื่นมือไป คล้องแขนหวีโย่วถิงไว้ นี่คือความจำเป็นของสถานะของ เธอในตอนนี้ และเป็นวิธีที่จะสลัดจากเสียงเรียกนั้นได้
เธอเงยหน้าไว้ ประสานสายตาอยู่กับหวีโย่วถิง เธอเห็น เงาสะท้อนของตนที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในสายตางุนงงคู่ นั้นของผู้ชายคนนั้น “รับคุณย่ามาแล้วหรือคะ”การแสดง สดนี้ เธอให้คะแนนตัวเองแปดเต็มสิบ
เธอเห็นหวีโย่วถิงพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการตอบ คําถามของเธอ แต่ความจริงแล้ว ความสนใจทั้งหมดของ เขาตกอยู่ที่แววตาของเธอ
อยู่ตรงนั้น เธอกุมมือคู่นั้นไว้อย่างแม่นยำ แต่ทว่าเพราะ ปฏิกิริยาของเธอ กลับทำให้ต้องค้างไว้กลางอากาศ ปฏิกิริยาเช่นนั้นเป็นเหมือนคำตำหนิที่ไม่มีเสียง และ แน่นอน ยังมีความผิดหวังเล็กๆที่ปิดไม่มิดด้วย
นั่นคือนิ้วมือที่เรียวยาว เล็บมือทั้งสิบนิ้วตัดไว้อย่าง สะอาดสวยงาม เมื่อลมพัด ก็เกิดกลิ่นหนังสือลอยผ่าน เธอจำได้ เทียบกับการจับปากกา มือคู่นั้นเหมาะกับการ เช็ดน้ำตาให้เธอมากกว่า………………….ความลงตัวเช่นนั้นเป็นได้เพียงอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน
หวีโย่วถึงก็เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคน เบื้องหลัง เขาขมวดคิ้ว เกิดความสงสัยขึ้นในแววตา ปน ความนึกสนุก”คุณผู้ชายคนนี้กับเวยหยูนของเราเคยรู้จัก กันหรือ”
“เวยหยูน? “มือของหนานมู่ค่อยๆยื่นมาจับ ด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เวยหยูนอะไรกัน คนตรงหน้านี้คือเสี่ยวเหมียนของตน ชัดๆ
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถาม ก็ได้ยินเสียงขำปฏิเสธ ดังขึ้นข้างหู“คุณคงจำคนผิดแล้วค่ะ ฉันคือเมิ่งเวยหยูน ลูกสาวคนโตของตระกูลเมิ่ง และคน………หมั้นของ ฉัน”ฉินเหมียนพูดพลางเพิ่งแรงมือที่คล้องแขนหวีโย่วถิง ไว้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำพูดของตน
หนานมู่ชะงักงันไปเลย บนโลกใบนี้ ต่อให้เขาจะลืมคน ทั้งโลก ก็ไม่มีทางลืมฉินเหมียนเด็ดขาด
คนๆหนึ่ง เมื่อเกิดความเสียใจกับบางอย่างอย่างสุดซึ้ง นอกจากจะตายจากไป มิเช่นนั้นความรู้สึกเสียใจและไม่ ยอมแพ้นั้นไม่มีวันเลือนหายไป และฉินเหมียนก็คือความ เสียใจที่ไม่มีวันลืมนั้นของเขา
ดังนั้น สัญชาตญาณบอกเขาว่า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคน นี้ ก็คือคนในฝันที่เขาคิดถึงมาตลอดห้าปี คือความเสียใจ ที่เขาตั้งใจกลับประเทศมาเพื่อแก้ไขในครั้งนี้ คือสมบัติ ล้ำค่าที่นับจากนี้ไปเขาจะเก็บไว้ข้างกาย
ทว่าเมื่อตื่นจากฝัน สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือ เขา ทั้งคู่ไม่ได้กระโดดโลดเต้นเข้าหากันอย่างดีใจที่พบกัน หากแต่เป็นคนแปลกหน้าที่ห่างเหินกัน และยังมีสถานะน่า ขำหนึ่งคั้นไว้อีกด้วย ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะอะไรกัน
เขายิ้มเล็กน้อย ในรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความอดทนใน การกล่อมเด็ก เขาก็ใช้มันในการสงบสติอารมณ์ที่สับสน เล็กน้อยของตน”เสี่ยวเหมียนเธอยังโกรธที่ตอนนั้นฉัน จากไปโดยไม่ลาใช่ไหม ก็เลยจงใจใช้สถานะปลอมนี้มา หลอกฉัน ฉันมีเหตุผลของฉันที่บอกไม่ได้………….….…….
“คุณคะ”ฉินเหมียนพูดขัดคำพูดของเขาขึ้นอย่างไม่ใยดี เรื่องบางเรื่อง หากไม่เด็ดขาด ก็จะนำความเดือดร้อนมาสู่ ทุกฝ่ายได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นให้เธอมาเป็นตัวร้ายคน นั้นละกัน
“หากคุณยังพอมีความคิดอยู่บ้างก็น่าจะไปดูข่าวนะคะ หัวข้อข่าวหน้าหนึ่งของสำนักข่าวใหญ่ต่างๆในเมือง A ต่างก็เป็นข่าวของฉันกับคู่หมั้นของฉันทั้งนั้น คนแปลก หน้าคนหนึ่งเนี่ยนะ หลอกคุณ ฉันไม่มีรสนิยมพิเรนทร์แบบนั้นหรอกนะคะ”
การรู้จักกันระหว่างบุคคล ไม่เพียงรู้ดีในความชื่นชอบ ของอีกฝ่าย ยิ่งกว่านั้นรู้ดีในจุดอ่อนของอีกฝ่ายด้วย และ คำพูดเหล่านี้เป็นคำดูหมิ่นสุดๆ ฉินเหมียนรู้ดี เธอกำลังกำ มีดไว้และได้ตัดขาดความทรงจำดีๆทั้งหมดระหว่างเธอ กับหนานมู่ไป
คนๆหนึ่งที่เพียงแค่จะมีชีวิตอยู่ยังต้องดูสีหน้าของคนอื่น ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขดังเช่นคนทั่วไป อย่างน้อยตอนที่ เธอรับสถานะนี้ของเมิ่งเวยหยูนมา ก็ได้เขียนบทสรุปไว้ แบบนี้แล้ว
เธอหันหลัง ทิ้งเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเธอกับหนานมู่ ไว้เบื้องหลัง เธอพบว่า เมื่อไร้เยื่อใยขึ้นมา เธอทำได้ดีที เดียว
จากการที่หลี่ซิ่วเจินฝึกให้เธอจำหน้าคน เธอมุ่งเป้าไปยัง คุณย่าเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้”โย่วถิง คุณย่าอยู่ทาง นั้น ฉันยังไม่ได้อวยพรท่านเลย เรารีบไปกันเถอะ”
เมื่อผู้หญิงออดอ้อนผู้ชาย ก็จะโดนร้อยทั้งร้อย
หวีโย่วถิงละท่าทีดูเรื่องสนุกๆนั้น เขาก้มหน้าให้หนานมู่ อย่างสุภาพเล็กน้อย ก่อนจะนำฉินเหมียนเดินตรงไปยัง ทางที่คุณย่ายืนอยู่
ฉินเหยียนไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอคิดว่าคงจบไปแล้วนั้น กลับ ได้กลายเป็นเมล็ดแห่งความสงสัยฝังเข้าไปในใจของทวี โย่วถิงเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องที่ว่ามันจะงอกเงยเมื่อไหร่ คงเป็นเรื่องของเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
“คุณย่าคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้คุณย่าสุขภาพแข็ง แรง อายุมั่นขวัญยืนนะคะ”
แม้จะเป็นคำพูดเดิมๆ แต่ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนพูด ใช้ ปากของเมิ่งเวยหยูนที่ฉินเหยียนปลอมตัวมาพูดออกมา คุณย่าแห่งตระกูลหวียิ้มหน้าบานไม่หยุดเลย”จ้า เวยหยู นของย่ามีใจแล้ว
หลัวซีเอ็นนำของขวัญที่ฉินเหมียนมอบให้ยื่นไปยังมือ ของผู้จัดการบ้าน ก่อนจะดึงมือของว่าที่หลานสะใภ้คนนี้ มากุมไว้ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา “รู้ไหมว่า โย่วถิงพาหนูมาทำไม
“ทราบค่ะ วันเกิดของคุณย่า หนูมาเพื่อช่วยงานนะ คะ”ฉินเหมียนทำตาโต แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา เพราะอยู่ ต่อหน้าผู้ใหญ่ เด็กที่ฉลาดเกินไปเขาจะไม่ค่อยชอบนัก
และยิ่งไปกว่านั้น หลังผ่านเรื่องของหนานมู่มา ใจของ เธอลนลานเหลือเกิน สู้ใช้ความตลกมาทำให้คนรอบข้าง ปล่อยวางจากการสำรวจเธอดีกว่า
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ผู้คนรอบข้างคุณย่าต่างพากัน หัวเราะขึ้นมา หลัวซีเอ็นหัวเราะจนน้ำตาเละเลย “โย่วถึง เด็กคนนี้หลานต้องแต่งเข้าบ้านให้ได้นะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ