วัยโจ๋ ไฟแรง

บทที่ 7 ใช้เงินไปเยอะ



บทที่ 7 ใช้เงินไปเยอะ

“เรื่องนี้จัดการได้สวย” เมิ่งเลี่ยง มองเหลไปทางเย่จ่าง “วางใจเถอะพี่! “เจ่างเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา

“ได้ พวกเราไปร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟกันนะ!” เมิ่งเลี่ยงพา ผมกับเย่จ่าง รวมถึงบรรดาเพื่อนๆของเจ้างไปด้วย แล้วออก เดินทางไปยังร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ

ได้ยินเสียงหยวนเส้ากระแทกคีย์บอร์ดพอดี หัวเราะพลางพูด ขึ้นมาว่า “ไอ้เหี้ยก**ก ในที่สุดฉันก็ระเบิดอาวุธอันนี้ออกมาได้

กลุ่มของพวกเราเดินเข้าไป หยวนเส้าลุกยืนขึ้น มองไปที่เพิ่ง เลี่ยงอย่างสนใจ เกิดเรื่องขึ้น พี่หล่ะ?

เพิ่งเลี่ยงพูด ผมคิดว่าพี่หญ่กำลังนอนอยู่ ถ้าไปรบกวนเขากลัว ว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ต่อมาผมถามหวางห้าว เรื่องของเขามัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมจัดการให้เขาเองได้ เลยคิดว่าไม่ต้องไป รบกวนพี่หญ่ดีกว่า”เขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้ง

“ก็ได้ แกดูเองแล้วกัน” หยวนเส้าพูดยังไงก็ต้องดูแลน้องชาย ของพี่หญ่ให้ดี เรื่องนี้อย่าให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาล่ะ

“วางใจเถอะครับ” เมิ่งเลี่ยงพูดจบ ก็เปิดเครื่องให้กับผมและ เย่จ่างกับคนอื่นๆ พวกเรานั่งด้วยกัน เล่นเกมของใครของมัน

นั่งอยู่ที่นี่เหมือนใช้ชีวิตผ่านวันเหมือนผ่านปี ผมรอคอยให้เที่ยงวันมาเร็วๆ อีกด้านหนึ่งก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เพิ่ง เลี่ยงกับพวกของเจ่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เล่นเกมอย่าง มีความสุข มีบางจังหวะที่ร้องตะโกน บางจังหวะด่ากราด ผมที่ เบื่อๆเซ็งๆ สุดท้ายก็ร่วมเล่นเกมไปกับพวกเขาด้วย คอยจัดการ ปีศาจอย่างเบื่อๆ

เวลาผ่านไปอย่างช้ามาก สุดท้ายตอนเที่ยงเวลา12 โมง มาถึง อย่างรวดเร็ว ผมสะกิดไหล่ของเมิ่งเลี่ยง “พี่เลี่ยง 12โมงแล้ว”

“อ่อๆ 12โมงแล้ว!” เพิ่งเลี่ยงหันกลับมาเย่จ่าง รีบไป จัดการเรื่องของน้องชายฉันซะ!

“พี่เลี้ยง รีบอะไรกันล่ะครับ ตอนนี้พึ่งเลิกเรียน นักเรียนทั้งสาม โรงเรียนเยอะจนทำให้ผมจนได้เลยนะ! ” เย่ร่างยังคงเล่นอยู่ หน้าคอม รอผมจัดการปีศาจพวกนี้หมดก่อน ถึงยังไงพวกโจว หยางก็ต้องกินข้าวกันก่อน รอพวกเขากินข้าวเสร็จกลับไปถึงหอ ยังไงก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว”

เพิ่งเลี่ยงที่คิดๆดูเป็นแบบนั้นจริงๆ พยักหน้าแล้วจึงพูดขึ้นมา ว่า”งั้นแกอย่างพึ่งรีบเลย อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับหอแล้วกัน”

ผมพยักหน้า แล้วเดินออกไป ท้องถนนเต็มไปด้วยนักเรียน ถ้า เดินฝ่านักเรียนไปจะเป็นการยากมาก อีกทั้งพวกโจวหยางจะ ต้องกินข้าวก่อนแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะหิ้วท้องรอเขาในหอเป็นแน่ ศักดิ์ศรีของผมไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น

พูดถึงเรื่องกินข้าว หยวนเส้านึกขึ้นมาได้ จึงตบโต๊ะแล้วพูดขึ้น มาว่า”ถึงเวลากินข้าวแล้ว รีบให้คนไปสั่งข้าวสิ
ตรงมุมหนึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งรีบลุกขึ้นมาทันที ยืนขึ้นมานับ จํานวนคน แล้วเพิ่งเลี่ยงก็พูดขึ้นมาว่า”นับน้องพวกนี้รวมไป ด้วย! “นักเรียนคนนั้นนับจำนวนคนเสร็จ ก็วิ่งออกจากร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟออกไปทันที ในใจครุ่นคิด คนพวกนี้ได้ใจเกิน ไปแล้ว ไม่เพียงแค่ช่วยผมจัดการปัญหา ยังเลี้ยงข้าวผมอีก ถ้า ไม่แสดงออกอะไรหน่อยคงจะน่าละอายเกินไป จึงเดินออกจาก ร้านอินเตอร์คาเฟไป เดินไปที่ร้านมินิมาร์ทซื้อบุหรี่สองซองกลับ มา แจกให้พวกเขาคนละม้วน เงินเบี้ยเลี้ยงของผมทั้งอาทิตย์มัน น้อยมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีปัญญาซื้อบุหรี่ราคาแพง พวกเขา เองก็ไม่รังเกียจ หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

หลังจากกินข้าวเสร็จ เย่ต่างก็ยืดตัวไปมาแล้วพูดขึ้นมา ว่า หวางห้าว ได้เวลาแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

ผมรอมาตลอดทั้งเที่ยงวัน รอเวลานี้นั่นแหละ จึงถอดหูฟังออก

แล้วยืนขึ้นมา สีหน้าท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย

เย่จ่างกับบรรดาพี่น้องของเขาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันเพิ่งเลี่ยงยิ้ม ตาหมีพูดขึ้นมาว่า “ดี ขอให้พวกแกกลับมาอย่างมีชัย! ”

เย่จ่างพูดอย่างเย้ยหยัน พอถึงครับพี่เลี้ยง เรื่องแค่นี้เอง ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ผมเถอะ หวางห้าว เราไปกันเถอะ!!

ผมพูดขึ้นมาอย่างตกใจ “พี่เลี้ยง พี่ไม่ไปเหรอครับ? “ในใจ ของผมคาดหวังให้เขาไปด้วย เพราะว่าผมรู้สึกค่อนข้างกังวลว่า เย่จ่างจะสามารถรับมือกับหลี่เจ๋ได้หรือไม่

“ฉันไม่ไปแล้วล่ะ” เมิ่งเลี่ยงพูด เพราะนั่นมันเป็นโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานของพวกแก ฉันเป็นนักเรียนช่างไปแล้วมัน จะไม่เหมาะสม

ทันใดนั้นผมก็เข้าใจในทันที ถึงเพิ่งเลี่ยงจะใช้ชีวิตดีแค่ไหน บุ่มบ่ามเข้าไปในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานมันไม่เหมาะสม จริงๆนั่นแหละ เย่จ่างจึงเอามือพาดบ่าของผม”ไปกันเถอะหว่าง ห้าว วันนี้ฉันจะจัดการปัญหาของแก ให้เรียบร้อย! “แล้วลากผม ออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟทันที

ระจายอยู่ทั่วมีไม่ นักเรียนที่เดินบนท้องถนนไม่ค่อยเยอะแล้ว กระจา กี่คน ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็มาถึง ใต้ตึกหอพักนักเรียนชายของ โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน

พวกของเย่จ่างพูดคุยและหัวเราะกันมาตลอดทาง แต่ผมกลับ เงียบไม่สนทนาอะไรกับใคร ในตอนที่ใกล้ถึงหอพักของพวกเรา ทันใดนั้นเย่ต่างก็พูดขึ้นมาว่า “นายเข้าไปก่อนแล้วกัน ฉันขอไป เข้าห้องน้ำก่อนแล้วเขาก็เลี้ยวไปเข้าห้องน้ำทันที บรรดาพี่น้อง ของเขาก็ตามไปด้วย

ตอนแรกผมคิดอยากจะรอเขาหน้าห้องน้ำ แต่กลัวว่าถูกเขา ดูถูก ผมจึงแข็งใจเดินไปยังหน้าประตูของหอพัก ผลักประตูแล้ว เดินเข้าไป

ภายในห้องเต็มไปด้วยคน ล้วนเป็นนักเรียนในห้องของเรา นั่งสูบบุหรี่ตามมุมบนเตียงของตัวเอง ทั้งห้องเต็มไปด้วยควัน บุหรี่คละคลุ้งไปหมด บนพื้นมีผ้าห่มของใครไม่รู้ถูกปูอยู่บนพื้น พวกของโจวหยางกับหลี่เจี่กำลังเล่นไพ่อยู่ที่พื้น ผมมองไปยังเตียงของตัวเอง ด้านบนว่างเปล่า ดูท่าแล้วน่าจะเป็นผ้าห่มของ ผม

พอผมเข้ามาถึง ห้องที่ในตอนแรกเสียงดังกึกก้องกลับเงียบ ลงในทันที โจวหยางหันกลับมา แล้วพูดขึ้นอย่างสนุกปาก แก กลับมาแล้วสินะ? ”

พวกของหลี่เจลุกขึ้นยืน เท้าสกปรกของเหยียบลงบนผ้าห่ม

ของผม ในขณะเดียวกันก็มองมายังผมด้วยรังสีอำมหิต

มองเห็นผ้าห่มของผมถูกกระทำอย่างไรในใจของผมรู้สึก โกรธขึ้นมาในทันที

ใบหน้าของผมก็เคร่งขรึมลงเช่นกัน เดินไปประจันต่อหน้าของ โจวหยาง

“ผ้าห่มของแกนุ่มดีนะ” โจวหยางพูดไปด้วย ใช้รองเท้า

เหยียบขยี้ผ้าห่มไปด้วย คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้ากลับมาจริงๆ ฉันก็

คิดว่าแกจะกลับไปหลบที่ตำบลตงกวนซะอีก

ภายในห้องเงียบสงบมาก ทุกคนต่างจ้องมองมาที่ผม นอก จากโจวหยางกับพวกของหลี่เจ๋แล้ว นักเรียนคนอื่นๆมาที่นี่เพื่อดู ฉากสนุกๆเท่านั้น

ในตอนที่พวกเขาต่างคิดว่า นัดนี้ผมต้องโดนกระทืบแน่ๆ

“โจวหยาง พวกเราต่างเป็นคนตำบลตงกวน คงไม่ถึงกับต้อง บีบบังคับกันหรอใช่ไหม? “ผมพยายามอดกลั้นความโกรธของ ตัวเอง
“คนตำบลดงกวนแล้วยังไงล่ะ? ” โจวหยางพ่นควันใส่หน้า ของผม”ฉันชอบรังแกแก จะทำไม? ”

ผมไม่ได้พูดอะไร มองไปยังพวกเขาด้วยความเย็นชา ในใจ กำลังคิดว่าเมื่อไหร่พวกของเจ่างจะเข้ามา “ดูอะไรนะ? ” โจวหยางหัวเราะ แกบอกว่าเที่ยงนี้แกจะ

กระทืบฉันอีกรอบไม่ใช่หรอวะ? ฉันยืนอยู่นี่แล้วไง มีปัญญาก็

เข้ามาสิวะ!

ผมไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว

ผมเงื้อมือขึ้นมา ตบไปที่ใบหน้าของโจวหยางอย่างรวดเร็ว ปานสายฟ้าแลบ!

“แมงเอ้ย มึงกล้าตีกหรอวะ?! ”

เหตุการณ์เหมือนในห้องเรียนไม่มีผิด โจวหยางคิดไม่ถึงว่า ผมจะกล้าลงมือตีเข้าจริงๆ!

ทันใดนั้นดวงตาของโจวหยางก็แดงขึ้นมาทันที ใบหน้าบูด เบี้ยวของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเหมือนเสือ เขาเนื้อหมัดขึ้น มาแล้วต่อยกระแทกออกไป

ผมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หลบมันนั้นไป พวกของหลี่เจก็ล้อมผม ไว้ในทันที มีบางคนเข้ามากดไหล่ของผมไว้ ภายในห้องวุ่นวาย โกลาหลขึ้นมาในทันที ผมได้ยินมีคนพูดว่า “กระทืบมัน กระทืบ มัน! “เหมือนจะเป็นคนในห้องพักของเรา ช่างเป็นการดูเรื่อง สนุกจนไม่สนว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่เลยสินะ
ผมดิ้นไปไหนไม่ได้ มองโจวหยางเงือหมัดขึ้นมาตรงเข้ามา ต่อยผมอีกครั้ง

ในเวลานี้เอง ประตูถูกผลักออกไป

“ทำอะไรกันนะ ทำอะไรห้ะ?! ” ในที่สุดเสียงของเย่างก็ดัง ขึ้น ผมมองมาเห็นเขา แต่ในหัวใจของผมรู้สึกซาบซึ้งมาก

เย่จ่างรีบเขามาขวางด้านหน้าผมทันที ถีบเข้าไปที่ท้องของโจ วหยางอย่างจัง

ถ้าใช้สติวิเคราะห์แล้ว รูปร่างของเจ่างเทียบกับโจวหยางไม่ ได้เลย แต่เขาเป็นอันธพาลชั้นม.สี่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ดวงตาทั้ง คู่ของโจวหยางมองไปที่เขาอย่างตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในห้องเงียบสงบลงมาอีกครั้ง ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจ แม้แต่พวกของหลี่เจ๋เองก็อ้าปากตาค้างตามๆกันไป

“แม้แต่พี่น้องของฉันแกยังกล้าทำร้ายงั้นเหรอ แกใช้ชีวิตมา มากพอแล้วใช่ไหม? “รังสีของเจ่างทำให้คนอื่นกดดันมาก เขา ใช้มือข้างเดียวคว้าหมับไปที่คอเสื้อของโจวหยาง

ถึงโจวหยางจะกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าต่อต้านเย่จ่าง เขาจึง มองไปยังหลี่เจ๋ด้วยสายตาอ้อนวอน

หลี่เที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงโบกมือขึ้นมา บอกให้คนที่กดไหล่ของ ผมอยู่ถอยออกไปเย่จ่าง นายรู้จักมันหรอ?

หลี่เจ๋ขมวดคิ้วเป็นปม เห็นได้ชัดว่าคาดเดาความสัมพันธ์ ระหว่างผมกับเย่จ่างไม่ได้
“หลี่เจ๋ รังแกคนมากเกินไปรึเปล่า?” เย่างไม่ได้ตอบคําถาม เขา แต่พูดขึ้นมาว่า “เหยียบผ้าห่มของพี่น้องฉันงั้นเหรอ? ” หวางห้าวทำร้ายโจวหยางในห้องก่อนนะ!” หลี่เจ๋เอ่ยขึ้น อย่างไม่พอใจ

“โจวหยางยังโยนกระดูกไก่ใส่เขาก่อนเลย! “เจ่างพูด อย่างไม่ใส่ใจ” ใครมันจะไปทนได้? ถ้าเป็นฉัน เด็ดหัวโจวหยาง ออกจากบ่าตั้งนานแล้ว ดีที่หวางห้าวนิสัยดี แค่กระทืบเขาไป หนึ่งครั้ง”

ผมดูท่าแล้ว อำนาจของทั้งสองจะพอๆกัน การตีกันครั้งนี้ไม่ สามารถตีต่อไปได้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะมาพูดกันถึงเรื่องใคร ผิดใครถูก

“ไม่ว่ายังไง ทำร้ายคนอื่นก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หวางห้าว ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเราฟัง” หลี่เจ๋พูดอย่างตั้งใจ

“นายอยากได้คําอธิบายอะไร? ” เจ่างถลึงตาใส่หลี่เจ๋หวา งห้าวเป็นเด็กดีมาโดยตลอด พวกนายวันๆเอาแต่รังแกเขามันจะ ไปมีความหมายอะไร ? ”

“พวกเราไปรังแกเขาเมื่อไหร่กัน? ” หลี่เจ๊ตอกกลับไปหนึ่ง ค่า”โจวหยางแค่เล่นกับเขาเอง เขากลับบ้าเลือดขึ้นมา ใครจะไป รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?! ”

“นี่ ใครมันจะไปเอากระดูกไก่ที่เคี้ยวแล้วโยนใส่หัวคนอื่นกัน ห้ะ? ! ” เจ่างพูดอย่างดุดัน”หลี่เจ พวกเราออกมาใช้ชีวิต ไม่ใช่วันสองวันแล้วนะ อย่าเอาคำพูดหลอกเด็กมาพูดกับฉันเลย! ”

ทันใดนั้นหลี่เจ๊ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้ แต่โบกมือไปมาแล้วพูดขึ้นมาว่า “แกปล่อยโจวหยางออกมา ก่อน”

เย่จ่างยังคงจับคอเสื้อของโจวหยางไว้ หลังจากที่ได้ยินคำพูด ของหลี่เจ๋แล้ว จึงคิดว่ายังคงต้องไว้หน้าเขา จึงชักมือกลับมา

“เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เราทุกคนต่างถอยกันคนละก้าว กว่า” เย่จ่างพูด”ไว้หน้าฉันเถอะ เรื่องนี้จบลงแค่นี้เถอะ นายว่ายัง ไง? ”

เวลานี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ถึงแม้ผมจะพึ่งตบหน้า ของโจวหยางไป แต่ในใจยังคงโกรธอยู่ แต่พวกของโจวหยาง ครั้งนี้ตกเป็นเบี้ยล่าง เกรงว่าคงจะไม่ยอมจบลงเพียงเท่านี้เป็น แน่

“ว่ายังไงล่ะพี่น้อง ศักดิ์ศรีแค่นี้จะให้ได้ไหม? ” เย่ต่างมองไป ยังหลี่เจ๋อย่างไม่สบอารมณ์

“เท่าไหร่? “ทันใดนั้นโจวหยางก็ถามขึ้นมาว่า”ว่าไงนะ? ” เย่ จ่างงุนงง “อะไรเท่าไหร่?

ในใจของผมเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าจู่ๆโจวหยาง ถามเท่าไหร่ ขึ้นมาทำมา นี่ไม่ใช่ตลาดสักหน่อย ผมมองไปที่ คนอื่นๆ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความแปลกใจ ราวกับไม่ เข้าว่าโจวหยางหมายความว่าไงกันแน่ มีเพียงหลี่เที่ยิ้มออกมา อย่างสบายใจ มองไปที่โจวหยางอย่างพอใจ
“หวางห้าวเชิญแกมา ใช้เงินไปเท่าไหร่” โจวหยางพูดเน้นทีละ ค่า“ฉันออก ให้เลยสองเท่า

เข้าใจแล้ว ทุกคนในที่นี้เข้าใจกันหมดแล้ว ดูท่าโจวหยางจะ คิดว่าที่เย่ างออกหน้ารับแทนผมได้ ต้องเป็นเพราะได้ประโยชน์ อะไรจากผม ถึงว่าล่ะ คนอ่อนแออย่างผม จะไปรู้จักเจ่างได้ยัง ไงกัน? มีเพียงครั้งนี้ ที่โจวหยางคาดเดาผิดไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ