วัยโจ๋ ไฟแรง

บทที่ 6 ไม่มีใครไม่รู้จักหยู่เฉิงเฟย



บทที่ 6 ไม่มีใครไม่รู้จักหยู่เฉิงเฟย

ผมเดินถามกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนานว่า “ฉัน ขอถามหน่อยนะพวกนายรู้จักหยู่เฉิงเฟยไหม? ”

สถานที่รวมตัวของนักเรียนเหล่านี้ใกล้กับบาร์มาก เถ้าแก่ของ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่พอได้ยินชื่อ “หยู่เฉิงเฟย”ก็หันไปมองเช่น

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มนักเรียนดูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งใน นักเรียนที่หัวยุ่งคนหนึ่งก็พูดออกมาว่า “เธอตามหาอยู่เฉิงเฟยมี เรื่องอะไรเหรอ? “เหมือนจะคิดว่าผมเป็นศัตรูก็ไม่ปาน มองหน้า ผมอย่างยียวนกวนประสาท แล้วดีดขี้เถ้าที่อยู่ปลายบุหรี่

“หยู่เฉิงเฟยคือพี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าผมพูดจาอย่าง ระมัดระวังต่อหน้าของคนกลุ่มนี้ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา พวกนาย รู้จักเขาไหม? ”

นักเรียนพวกนี้มองซ้ายทีขวาที ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา อย่างพร้อมเพรียงกัน แม้แต่เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟเองก็ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ผมมองพวกเขาด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหัวเราะ อะไรอยู่

“ไอ้หมอนี่…ไอ้หมอนี่…นักเรียนหัวยุ่งก่อนหน้านั้นกุมท้อง อย่างตลกแล้วเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ไอ้หมอนี่มาถามว่าพวกเรารู้จักหยู่เฉิงเฟยไหม แกมาเล่นตลกให้พวกฉันใช่ไหมวะ? ”

ผมยังคงไม่เข้าใจว่าพวกเขาหัวเราะอะไรกันอยู่ แต่ละคน หัวเราะจนหัวสั่นหัวคลอนหน้าหงายเงิบกันเป็นแถบ แต่ผมยังคง รู้สึกงงงวยไม่หาย

เสียงหัวเราะของพวกเขาดังมาก ทั้งร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟมอง ไปยังจุดเดียว แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เห็นได้ชัดว่านักเรียน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนานยากที่จะยุ่งด้วย

ในที่สุดผมก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ยังไงวันนี้ก็เคยชกโจวหยางมา แล้ว ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ถือว่าคุ้มเกินพอแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่าง เสียงดัง “พวกแกหัวเราะอะไรนะ? ตกลงรู้จักหยู่เฉิงเฟยไหมวะ ถ้ารู้จักก็บอกฉันมา ไม่รู้จักฉันก็ขอตัวก่อนล่ะ!

นักเรียนพวกนั้นค่อยๆเงียบลง แต่มองใบหน้าของผมอย่าง ไม่หาย

“อั้ยหยา เจ้าอารมณ์ซะด้วย นักเรียนหัวยุ่งคนนั้นลากเก้าอี้ไป ข้างหลัง ใช้สองเท้าเหยียบบนคีย์บอร์ด

เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดขึ้นมา ว่า”หยวนเส้า เอาเท้าลงมา คนอื่นยังจะต้องเล่นตรงนั้นอีกนะ”

“พอแล้ว” นักเรียนหัวยุ่งที่ถูกเรียกว่า “หยวนเส้า”หัวเราะคิก คักพลางหัวเราะขึ้นมาว่า “ใครมันกล้ามาเล่นเครื่องนี้ ใครหน้า ไหนมันไม่รู้ว่านี่มันเป็นเครื่องที่หยวนเส้าใช้โดยเฉพาะวะ?” นักเรียนคนอื่นๆต่างพากันหัวเราะ”จริงด้วยๆ หยวนเส้าใกล้ตาย คอมเครื่องนี้แล้ว ใครเขาเหยียบมันหน่อยเถอะ
เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มฝืดๆ ไม่พูดอะไรอีก

หยวนเส้ามองมายังผมอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “แกถามพวกฉัน ว่ารู้จักหยู่เฉิงเฟยรีป่าว นี่มันเป็นเรื่องที่น่าขำสิ้นดี

“ทำไมต้องน่าหัวเราะอ่ะ? ”

“เพราะไม่มีใครไม่รู้จักหยู่เฉิงเฟยยังไงละวะ” หยวนเส้าพูดขึ้น อย่างเนิบๆ “แกลองเข้าไปถามในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนาน นะ ว่ามีใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของพี่หย? ”

ผมสูดอากาศหายใจเข้า ผมรู้ดีว่าหยู่เฉิงเฟยอาจจะใช้ชีวิตอยู่ ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนานได้ไม่เลวเลย แต่คิดไม่ถึงว่าจะ มีชื่อเสียงไปทั่ววิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนาน อีกทั้งดูจากที่ หยวนเส้า เอ่ยถึง “พี่หญ่”ด้วยใบน่านับถือ ต้องไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้ง แกล้งทำขึ้นมาแน่

“งั้น……………ผมตื่นเต้นจนเริ่มพูดตะกุกตะกัก “วันนี้เขาจะ มาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟไหม? ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะ!

“เมื่อวานเขาอดหลับอดนอนมาทั้งคืน น่าจะไม่มาแล้วล่ะ ตอน นี้เขาน่าจะนอนอยู่ในห้องเรียน” หยวนเส้าพูดอย่างตั้งใจ

“งั้นทำยังไงดีล่ะ? “ผมรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ฉันมีเรื่องต้องพูดกับ

เขาจริงๆนะ”

“แกมีเรื่องอะไร? ” หยวนเส้ามองมาที่ผมอย่างแปลกใจ

“ฉะ………….ผมไม่รู้จะพูดยังไง เนื่องจากไม่รู้จักคนพวกนี้เก็บไว้คุยกับหมู่เฉิงเฟยดีกว่า

“ถูกคนกระทืบมาใช่ไหม? ” หยวนเส้าถามขึ้นมาตรงๆ

“เอ่อ…..” ผมรู้สึกอายมาก จึงพูดขึ้นมาว่า”ไม่ใช่สักหน่อย แต่ ใกล้จะถูกซ้อมแล้ว…….

“ฮ่าๆๆ…….ทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง หยวนเส้าจน เอากระทืบคีย์บอร์ดไปมา เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตมองดูอย่าง ปวดใจ

“พวกนายหยุดขำได้แล้ว! “ผมตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธ เกรี้ยว”รีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่าจะหาตัวหยู่เฉิงเฟยเจอได้ยังไง กลางวันของวันนี้ฉันจะถูกซ้อมแล้วนะเว่ย!”

“ได้ ได้..……..หยวนเส้าหัวเราะจนน้ำตาไหล แล้วโบกมือไปมา พลางพูดขึ้นมาว่า “เมิ่งเลี่ยง พาเขาไปหาพี่ห

“ได้ครับ”นักเรียนร่างเตี้ยคนหนึ่ง แต่ดูท่าทางกร่างไม่ใช่น้อย เดินออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกรงใจและรอยยิ้ม พูดกับ ผมว่า”ไปกันเถอะ”

ผมกับเพิ่งเลี่ยงกำลังจะออกจากประตู แต่ทันใดนั้นหยวนเส้า เรียกขึ้นมาว่า”รอเดี๋ยว

พวกเราหันหน้ากลับไป มองดูหยวนเส้าที่กำลังแคะจมูก อยู่“ถ้าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เรียกพี่หมาที่ร้านอินเตอร์ คาเฟ่หน่อย แค่อดนอนเอง คงไม่ถึงกับต้องนอนอยู่ในหอหรอก นะ? ”
“อิๆ ได้ “เมิ่งเลี่ยงขานรับ แล้วถึงพาผมเดินออกจากร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไป

“พูดมาเถอะ ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่? ” เมิ่งเลี่ยงเดินไป

ด้วยถามผมไปด้วย ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟังหนึ่ง รอบ สุดท้ายจึงพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลว่า”เที่ยงนี้พวกเขาต้อง

รอฉันที่หอแน่ๆ”

“อั้ยหยา!” เมิ่งเลี่ยงกระทืบเท้า ทันใดนั้นก็หยุดก้าวเท้าลง “ทำไมเหรอ? “ผมเองก็หยุดเหมือนกัน แล้วมองไปที่เขาด้วย ความตกใจ

“ก็คิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดไหน ยังจะไปหาพี่หญ่อีก ฉันช่วยแก จัดการเรื่องนี้เอง! “เมิ่งเลี่ยงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

“ฉันไปหาหยู่เฉิงเฟยดีกว่า”ผมเกาหัวแกรกๆ “ฉันรู้จักกับเขา มากกว่า เนื่องจากไม่รู้จักพวกนาย พึ่งเจอกันครั้งแรกเองไม่ อยากจะรบกวนพวกนายเลย.………..”

“พูดอะไรกันน่ะ? ” เมิ่งเลี่ยงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเรื่องของพี่ห ก็เหมือนเรื่องของพวกเรา แกเป็นน้องชายของพี่หญ่ ถ้างั้นก็คือพี่ น้องของพวกเราทุกคน แกเดือดร้อนมา แน่นอนว่าพวกเราต้อง ช่วยแกจัดการเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ไม่ต้องไปรบ กวนพี่หยู่แล้ว? ”

“หา? ……. ในใจของผมอยากจะไปหาหยู่เฉิงเฟยมากกว่าเนื่องจากรู้สึกว่าสบายใจกว่า

“คนคนนั้นเป็นใครกันหรอ” เมิ่งเลี่ยงกอดคออย่างดี “วางใจ เถอะ เรื่องเล็กแค่นี้ฉันเอาอยู่อยู่แล้ว แกรอแป๊บเดียว ฉันจะไปหา คนมาเพิ่ม เที่ยงนี้จะต้องจัดการเรื่องของแก ให้เรียบร้อยอย่าง แน่นอน”

ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร เพิ่งเลี่ยงก็เริ่มมองดูบนท้องถนน โดย รอบทิศ ผมรู้สึกหมดคำพูดแล้วจริงๆ หรือเขาจะเรียกคนจากท้อง ถนน?

“นี่ นี่! มานี่หน่อยสิ! “ทันใดนั้นเพิ่งเลี่ยงก็เรียกคนจากร้าน อาหารเล็กๆร้านหนึ่ง “เจ่าง แกมานี่หน่อยสิ

ผมมองตามสายตานั้นไป เห็นเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราว เดียวกับผมวิ่งเข้ามา นักเรียนคนนี้ชื่อว่าเจ่าง ผมรู้จักเขา เขา เป็นคนในท้องที่เมืองเป่ยหยวน และก็เป็นนักเรียนชั้นม.สี่ราย หนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน เขาอยู่มสี่ก็เกเรมอตัว เหมือนกัน มักจะพาคนไปบีบบังคับทำร้ายคนอื่น เหมือน ตำแหน่งจะสูงกว่าพวกหลี่เจ๋อยู่ระดับหนึ่ง ในตอนที่อยู่ใน โรงเรียนนั้น ผมเห็นคนพวกนี้มักจะเดินก้มหน้าก้มตา กลัวว่าจะ หาเรื่องให้กับตัวเอง

แต่ในตอนนี้ พอถูกเมิ่งเลี่ยงเรียก เย่ห่างก็รีบวิ่งกระหืดกระ หอบเข้ามาทันที ด้านหลังของเขายังมีนักเรียนอีกหลายคน ล้วน เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน

“พี่เลี่ยง มีเรื่องอะไรเหรอครับ? ”

เจ่างทักทายอย่างเป็นมิตร
“แกไม่เข้าเรียนเหรอ มาเดินเตร็ดเตร่ที่นี่ตั้งแต่เช้าทำไม? เพิ่งเลี่ยงชกเข้าไปที่หน้าอกของเขาหนึ่งที่

“ฮ่าๆ ไม่ได้วิ่งนิ่ครับ ผมกับเพื่อนกำลังจะออกไปกินข้าว เดี๋ยว ก็จะกลับไปเรียนแล้วครับ” เย่จ่างนวดตรงหน้าอกไปมา เห็นได้ ชัดว่ารู้สึกดีใจมาก

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย” เมิ่งเลี่ยงกอดไหล่ของเขาเอาไว้

คนที่สามารถเรียกให้เยต่างวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบได้ ขนาดนี้ มันทำให้ผมรู้สึกได้รับความโปรดปรานจนรู้สึกแปลกใจ

“พี่เลี่ยงพูดมาได้เลยครับ! “เจ่างยืนตรง ไม่ว่าจะบุกน้ำลุย ไป ผมจะไม่ยอมถอยเลยครับ!

“นี่เป็นน้องชายฉันเอง” เมิ่งเลี่ยงตบไปที่หน้าแกผม แล้วพูด ต่อว่าเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานของ พวกแกเหมือนกัน รู้จักไหม? ”

เย่ต่างมองมาที่ผมอย่างสงสัย ดูจากหน้าตาของเขาแล้วต้อง ไม่รู้จักผมแน่ ถึงว่าล่ะ ตอนผมอยู่ในโรงเรียนผมถ่อมตัวอยู่แล้ว เขาต้องไม่รู้จักผมแน่อยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะเกรงใจ จึงพูด ขึ้นมาว่า “ดูคุ้นตา คุ้นตาครับ ฮิๆ”

“อือ เขามีเรื่องนิดหน่อยที่ห้อง แกช่วยไปจัดการหน่อยแล้ว กัน” เมิ่งเลี่ยงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยใส่ใจ

“ใครเหรอครับ? ใครเหรอ? ! ” เจ่างเริ่มไม่พอใจ” ใครมัน กล้าไม่แหกตาดู แม้แต่น้องชายของพี่เลี่ยงยังกล้ารังแก ผมจะถลกหนังมันออกมาเลยคอยดู

“อือ บอกเขาว่ามันเป็นใคร? ” เมิ่งเลี่ยงมองมาที่ผม

“โจวหยาง” ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา

“โจวหยาง…….” เจ่างขมวดคิ้ว”นึกออกแล้ว หัวหน้าห้องของ หลี่เจใช่ไหม เป็นคนตำบลตงกวนนักเรียนต่างถิ่นที่เรียนอยู่ใน โรงเรียนนี้ คอยดูเถอะว่าผมจะจัดการมันยังไง

“ดี งั้นเรื่องนี้ฉันมอบให้แกจัดการเลยแล้วกัน” เมิ่งเลี่ยงมอบ หมายอย่างไม่ใส่ใจนักช่วยน้องชายฉันจัดการปัญหาพวกนี้ ด้วยล่ะ ฉันยังจะต้องกลับไปเล่นเกมอีก”

“อิอิ ไม่มีปัญหาครับ” เจ่างถามต่ออีกว่า “พี่เลี้ยง ตอนนี้พี่ เลเวลไหนแล้วครับ?

#60แล้วล่ะ ยิ่งเล่นยิ่งไต่ขึ้นยาก แม่งไอ้เกมออนไลน์

มองดูหัวข้อสนทนาของพวกเขาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ผมจึงรีบพูด ขึ้นอย่างร้อนใจไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ”

เพิ่งเลี่ยงพยักหน้า”ใช่มันไม่ง่ายขนาดนั้น ฉันว่าจะไม่เล่นมัน แล้วล่ะ ถ้าไม่เป็นเพราะพี่หญ่ กับหยวนเจ้าพวกเขาจะเล่นแล้วล่ะ

“ไม่ใช่”ผมยิ่งร้อนใจขึ้นไปอีก “ฉันหมายถึงจัดการกับโจว หยางมันไม่ง่ายเลยต่างหาก โจวหยางกับหลี่เจ๋พวกเขาไม่ ธรรมดาเลยนะ ถ้าเย่จ่างแตะต้อง โจวหยางแล้วล่ะก็ หลี่เจ๋ต้องไม่นิ่งดูดายแน่”

“หลี่เจ๋เป็นใคร? ” เมิ่งเลี่ยงเกาหัวแกรกๆ เจ่าง หลี่เจ๋มัน เป็นใคร? ”

“เป็นคนของเบี้ยหยวนเหมือนกันครับ” เจ่างพูด ถ้าหลี่เจ๋ ร่วมมืออยู่ในนี้ล่ะก็ เรื่องนี้จะจัดการได้ค่อนข้างลำบากเลยล่ะ ครับ”

จัดการยก?! ” เมิ่งเลี่ยงเบิกตาโต “เย่จ่าง ถ้าแกรู้สึกว่า จัดการยาก ก็รีบไสหัวไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่”

“อย่าทําแบบนี้เลยครับ” ใบหน้าของเต่างร้องไห้อย่างเว้า วอนผมจะจัดการแน่ครับ จะต้องจัดการแน่ ผมกับหลี่เจ๋ค่อนข้าง รู้จักกันดี เขาน่าจะพอไว้หน้าผมอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็พูดกับผม ว่านายเล่ามาก่อนว่าเรื่องมันเป็นมายังไง มีเรื่องกับโจวหยาง ใหญ่ไหม?

“ใหญ่” ใบหน้าของผมขมขื่นมาก ฉันต่อยหน้าเขาต่อหน้าคน ทั้งห้อง”

ต่อมา ผมก็ได้เล่าเรื่องที่ผ่านมาอีกรอบหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้เล่า

ละเอียดขนาดนั้น พูดเพียงแค่ว่าในตอนที่เรียนอยู่นั้นโจวหยาง

ใช้กระดูกไก่ปาใส่หัวของเขา หลังจากนั้นผมก็รู้สึกโมโหมากจน

ใช้คลิเวียร์ปาใส่หัวของเขา หลังจากนั้นก็ชกต่อยกระทืบเขาอยู่ ยกหนึ่ง พูดจบ เย่จ่างก็ยกนิ้วโป้งให้เขาดี ทำดีมาก ทำดีที่สุด”
“ยังต้องพูดอีกเหอ นี่เป็นน้องชายฉันนะ” เมิ่งเลี่ยงเอามือพาด บ่าของเขาอย่างได้ใจท่าทางดูภาคภูมิใจมาก ผมรีบพูดขึ้นมาว่า “ฉันยังบอกอีกว่าเที่ยงนี้ฉันจะกระทืบเขา อีกรอบ เที่ยงนี้พวกเขาต้องรอฉันที่หอแน่ๆ”

“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง” เจ่างตบไล่ผม เบาๆ “พวกเราไปกระทืบเขาอีกครั้งกันเถอะ!

หัวใจดวงน้อยๆของผมแทบจะกระเด็นออกมา ผมกำลังรอ ประโยคนี้อู่เลย เนื่องจากผมประกาศศักดาต่อหน้านักเรียนใน ห้องอย่างฮึกเหิม โบราณกล่าวไว้ว่าถ้าจะออกมาใช้ชีวิตก็ต้อง พูดอย่างมีสัจจะ บอกว่าจะกระทืบเขาอีกครั้งก็ต้องเขาอีกครั้งให้ ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ