บทที่ 11 แซกที่ไม่ได้รับเชิญ
“สิ่งฉันพูดออกไปแล้ว ไม่เคยคืนค่า ฉันรู้ว่าคุณกังวลอะไร เรื่องที่ ผ่านมาแล้วของฉัน…….ผ่านไปแล้วจริงๆ แล้วตอนนี้ฉันก็เริ่มต้น ใหม่แล้ว เอามันกลับมาให้คุณกับลูกแล้วเป็นครอบครัวที่ สมบูรณ์” ฉิวหยู่เฉิงยิ้มน้อยๆ เรื่องนี้คงไม่มีทางจะกลับไปเป็น เหมือนเดิมได้แล้ว และตามคำวิจารณ์จากสังคมภายนอก ตอนนี้ เขาก็รับความจริงได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
ฉิวหยู่เฉิงจัดการเรื่องราวได้อย่างเร็วมาก ระหว่างทางที่หน จิ้งจีกับเขากำลังไปโรงพยาบาลด้วยกัน ในใจก็กำลังคิดอยู่ ตลอด ว่าจะอธิบายกับแม่อย่างไรดีเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับ ผิวหยู่เฉิงที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วฉับไวขนาดนี้
“เดี๋ยวคุณต้องเป็นคนถือของขวัญนะ!” หยูนจิ้งจีนึกอะไรขึ้นมา
ได้จึงเตือนออกมา
“เสี่ยวหม่าจะเป็นคนถือให้เอง” ฉิวหยู่เฉิงทำเรื่องแบบนี้เสีย เมื่อไหร่
หยูนจิ้งจีเอ่ยปากอย่างจริงจัง “คุณต้องเป็นคนถือ ถ้าถึงเวลา นั้น แม่ฉันคิดว่าเสี่ยวหม่าเป็นแฟนของฉันคุณจะทำตัวไม่ถูกเอา นะ!”
ฉิวหยู่เฉิงมองหยูนจิ้งจีที่เหมือนกับคนเป็นโรคประสาท “ฉัน เพิ่งรู้ว่าเธอไม่เพียงแต่สายตาไม่ดี สมองก็มีปัญหาอีกด้วย”
หน้าตาเขาทั้งหล่อเหลาสง่างาม รูปร่างที่สมบูรณ์แบบเดี่ยว หม่าที่ผอมเหมือนต้นไผ่อย่างนั้น ถ้ามีตาก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเลือก ใคร
“อย่างไรก็ตามคุณต้องทำตามที่ฉันบอก” หยูนจึงเข้าใจ ความหมายของเขา ในส่วนที่ผิวหยู่เฉิงเป็นคนที่ดูดีมากจริงๆ คนทั่วไปยากจะที่เทียบได้
“คุณวุ่นวายจริงๆ!” ฉิวหยู่เฉิงแม้จะพูดด้วยใบหน้าที่เป็นเฉย แต่ก็ทําตามอย่างว่าง่าย คุณย่าวเตรียมอาหารบำรุงร่างกายไว้ มากมาย ถุงใหญ่ถุงเล็ก ฉิวหยู่เฉิงถือคนเดียวอย่างไรก็ไม่หมด
หยูนจิ้งจอยากจะช่วย ฉิวหยู่เฉิงกลับบอกว่าเธอทำให้ลำบาก มากกว่าเดิม เขาจึงทิ้งของขวัญเบาๆ ให้เธอเป็นคนถือ แล้วก็ให้ เธอเดินไปเลย ฉิวหยูเฉิงรู้สึกว่าตนเอง เหมือนคนโง่มากๆ จะมี ใครที่แบกของเต็มมือ แล้วอยากจะดูดีก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก!
ช่างเถอะ ก็แค่ครั้งนี้ ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หยูนจิ้งเพิ่งผลักประตูห้องคนไข้เข้าไป ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ เจอแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านั้น!
ลุงนั่นเอง ครอบครัวเขาสามคน พูดเรื่องสัพเพเหระอยู่ภายใน ห้องคนไข้ หยูนเชิงกางลุงของเธอชอบเล่นการพนัน ชิวฟู่หลาน ภรรยาของลุงเป็นคนขี้เหนียวละโมบเงินทอง ทั้งคู่ล้วนไม่ได้เป็น คนดีอะไร
ไม่ใช่ว่าความต้องการของหยูนจิ้งจีสูง เธอก็ไม่ได้เป็นคนที่ สมบูรณ์แบบ ค่อยๆแก้จุดบกพร่องเหล่านี้ไปก็ได้ แต่พวกเขาสองคนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้จริงๆ ทุกครั้งที่มีงานที่มั่นคง ก็คิดแต่ จะเอาเงินของคนอื่นทุกครั้ง เริ่มแรกหยูนเชิงกางเพราะเงินก็เลย เป็นหนี้ก้อนหนึ่ง บ้าน โดนยึด จึงมาอาศัยอยู่ที่บ้านของหยูนจิ้ง มาขอกินขอใช้อยู่ระยะหนึ่ง
สุดท้ายตอนที่พวกเขาจากไป ยังเอาเงินภายในบ้านของหน จิ้งจีไปจนหมด และเงินในจำนวนนั้นก็เป็นเงินที่แม่เป็นคนหามา ด้วย
ช่วงเวลานั้น ครอบครัวของหยูนจิ้งอยู่อย่างยากลำบาก ดัง นั้นอย่างไรก็ตามเธอจึงหมดหนทางที่จะมียิ้มแย้มให้กับ ครอบครัวนี้ได้
“อ้าว ดูสิจิ้งจีของพวกเรามาแล้ว มามามา ให้ลุงกับป้าดูเธอ ให้เต็มตาหน่อย! ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆเลย!” ป้าสะใภ้ ชิวฟู่หลานแค่เห็นหยูนจิ้งจีก็รีบก้าวเข้ามาดึงมือของเธอ พูดกับเธอด้วยใบหน้าที่อบอุ่น
ใบหน้าของป้าสะใภ้ที่ดูอบอุ่น แต่สายตากลับเอาแต่พินิจ พิเคราะห์ผิวหยู่เฉิงที่อยู่ข้างหลังเธอ
“โย เธอยังเอาของมามากมายเลยหรือ? รักแม่มากจริงๆเลย นะ !ฟางฟาง ลูกเป็นพี่สาว ต่อไปก็เรียนรู้จากจิ้งจีเยอะๆนะ!”
ฟางฟางเป็นพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหยูนจิ้งจี โตกว่าเธอ ไม่กี่ปี ออกจากโรงเรียนนานแล้วไม่ยอมเรียนหนังสือ ในทุกๆวัน จะแต่งหน้าสโมกกี้อายเข้มๆ แต่เดิมหน้าของเธอเป็นอย่างไรห ยูนจิ้งจีก็เกือบจะจำไม่ได้แล้ว
หยูนจิ้งจีพบว่า สายตาของฟางฟางยิ่งกว่าแม่ของเธอเสียอีก จ้องฉิวหยู่เฉิงไม่วางตา ไม่เก็บความรู้สึกสักนิดเลย ขอร้องเถอะ อย่างน้อยที่สุดก็คิดเสียว่าผิวหยู่เฉิงตอนนี้เป็นสามีของน้องสาว บ้าง……..
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ