บทที่10 พ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
บทที่10 พ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
สํานักงานทนายความ
รินรดาและธีรโรจน์มองทนายไวทินที่อยู่ตรงหน้า เขาดู ไม่สูงเท่าไหร่ รูปร่างผอม ใส่แว่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำให้ดู เป็นคนฉลากหลักแหลม
“คุณหนูรินรดา ตามพินัยกรรมที่ท่านได้ร่างไว้ คือแม่ เลี้ยงของคุณอธิชาและน้องสาวของคุณสศิชาเป็นคนสืบ ต่อบริษัทและสมบัติทั้งหมด!”
พอฟังทนายไวทินพูดพินัยกรรมที่ร่างไว้ทั้งหมดแล้ว ทำให้รินรดารู้สึกตกใจมาก
“แต่ว่า เมื่อสักครู่ที่ฉันไปเยี่ยมคุณพ่อมา ท่านไม่ได้บอก แบบนี้”
“ขอโทษด้วย ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อของคุณบอกอะไรกับ คุณบ้าง แต่ว่าการรับปากจากแค่คำพูดนั้นไม่มีผลทาง กฎหมาย ผมทำได้แค่ทำตามกฎหมายของพินัยกรรมนี้!”
“ทนายไวทิน คุณไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม? เรื่องนี้คุณพ่อจะหลอกฉันได้ยังไง?”
“คุณหนูรินรดา ไม่ผิดแน่นอน ตอนที่ท่านร่างพินัยกรรม ฉบับนี้ ยังกำชับผมว่า คุณย้ายออกจากบ้านตระกูลบวร พลนานแล้ว ความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างท่านและคุณก็ ห่างเหินกัน ท่านคิดว่าคุณไม่มีคุณสมบัติของผู้สืบทอด สมบัติ” ตอนที่ทนายไวทินพูด สายตามีแววที่มีแผนการ
“นี่เป็นไปไม่ได้! ช่วงเวลาที่ท่านประธานป่วยพักรักษา ตัวในโรงพยาบาย พูดถึงคุณหนูใหญ่และแม่ของเธอ บ่อยที่สุด ท่านประธานรู้สึกผิดต่อพวกเธอทั้งสอง อยาก จะทดแทนสิ่งต่างๆหลายๆอย่าง” เวลานี้ ธีรโรจน์ที่ยืนอยู่ ข้างๆก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
“แต่ว่าในพินัยกรรม ก็มีลายมือชื่อของท่านประธานไว้” ทนายไวทินพูดอย่างมีหลักฐาน
“พินัยกรรมต้องมีปัญหาแน่เลย ผมจะไปถามท่าน ประธานตอนนี้เลย!” ธีรโรจน์พูดอย่างโมโห
“คงพูดอะไรมั่วๆไม่ได้ คุณรู้ไหมว่านี้ต้องมีการรับโทษ ทางกฎหมาย?” ทนายไวทินพูดเตือนเขา
ธีรโรจน์ไม่ได้สนใจทนายไวทิน แต่กลับมองที่รินรดา “ไม่อยากเสียเวลากับเขา! ไป! ผมพาคุณไปหาท่านประธาน!”
ทนายไวทินไม่ได้โกรธเลย แต่พูดด้วยเสียงเรียบว่า “พินัยกรรมฉบับนี้ก็จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ท่านเสียชีวิตลง พวกคุณอย่าไปลองทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ดีกว่า”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใจของรินรดาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ที่เขาพูดหมายความว่าอะไร?
ธีรโรจน์ก็ไม่กล้าที่จะมีความสงสัยกว่านี้ ออกจาก สำนักงานทนายความ พารินรดาขับรถไปที่โรงพยาบาล อย่างเร่งรีบ
อยู่ภายใต้ของการอยู่ข้างๆของธีรโรจน์ รินรดาถึงโรง พยาบาล รีบไปยังห้องพักผู้ป่วยvipของพ่อเธอ
เธอที่ยืนอยู่หน้าห้องvipหยุดนิ่งลง มองดูสีหน้าที่ไม่สู้ดี ของหมอและพยาบาลที่เข้าๆออกๆ ในใจก็ยิ่งกลัวขึ้นมา
ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธออธิชากำลังยืนเช็ดน้ำตาอยู่หน้า ห้อง จริงๆแล้วคือในใจดีใจมากแต่กลับเสแสร้งว่าเสียใจ ทำให้รู้สึกโกรธ
“รินรดา รินรดา เธอมาสักที พ่อเธอจะไม่ไหวแล้ว ให้ฉัน เจอกับเรื่องแบบนี้คนเดียว ฉันควรทำยังไงดี?”
เจอแม่เลี้ยงที่มาร้องไห้กับเธอ รินรดายิ้มอย่างเยือกเย็น
* หยุดแสดงเถอะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้หรอ?”
“รินรดา ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้? จะถึงยังไงฉันก็เป็นสามี ภรรยากับทยากรมาสิบกว่าปี”
ถึงแม้ในใจของเธอจะเกลียดรินรดามาก แต่ว่าตอนนี้ก็ ต้องแสดงว่าตัวเองอ่อนแอ
“ถามจริง เธอเคยรู้สึกจริงใจกับพ่อฉันด้วยหรอ?”
“นังนี่ แก!” สุดท้ายอธิชาก็แสดงต่อไปไม่ไหวแล้ว ทนไม่ ไหวจนแสดงตัวตนออกมา
“ญาติคนไข้ล่ะ?ใครคือญาติคนไข้?” เสียงเรียกของ
หมอก็ดังมาทันที
รินรดารีบหันกลับไป มองที่หน้าของหมอ “หมอค่ะ ฉัน คือลูกสาวของเขา”
หมดดึงผ้าปิดปากลง มองเธอแล้วส่ายหน้า “ขอโทษ จริงๆ เราทำอย่างเต็มที่แล้ว”
“จะเป็นไปได้ยังไง? พ่อ”
ถึงแม้ว่าจะคาดเดาอาการของพ่อไว้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่า จะกะทันหันขนาดนี้ รอบตาก็เริ่มเต็มไปด้วยน้ำตา
ความโกรธที่มีต่อพ่อมาตลอด ตอนนี้ก็หายไปแล้ว เธอ เผชิญหน้ากับความตายอย่างนิ่งเรียบ
“หื้อ ทยากร ทำไมคุณคิดจะไปก็ไปเลย”
เสียงร้องไห้ของอธิชาดังขึ้นมา ตอนนี้รินรดารู้สึก หนวกหูมากเลย
ธีรโรจน์รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ พูดข้างหูของรินรดา “คุณหนูใหญ่ ท่านประธานไปเร็วขนานนี้ อาจจะเกิดอะไร ขึ้นก็ได้?”
คำพูดของธีรโรจน์เตือนรินรดา ทำให้เธอคิดถึงเรื่องการ เปลี่ยนแปลงของพินัยกรรม ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าการตาย ของพ่อเธอต้องไม่ธรรมดาแน่
ถึงแม้คำนี้จะไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ว่าอธิชาก็ได้ยิน เธอ ยังคงทำการแสดงของตัวเองต่อ ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“รินรดา กระดูกขอพ่อเธอยังไม่ทันได้เย็น พวกเธอก็พูด แบบนี้ ตกลงแล้วคิดยังไงกันแน่?”
“คนกำลังทำ ฟ้ากำลังดู เธอทำอะไรไว้ เธอรู้ดีแก่ใจ ที่สุด!” รินรดามองเธอด้วยความโกรธ
อธิชาที่โดนรินรดามองก็รู้สึกกลัว รีบที่จะหาข้อแก้ตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
“รินรดา เธอมีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับแม่ของฉันด้วยหรอ?”
มีเสียงนึงดังมาจากด้านหลัง รินรดาหันหลังไป ก็เห็นสศิ ชาที่ยืนตรงบันได ข้างๆยังมีทนายไวทินยืนอยู่ด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ