ยอดนักสู้สยบฟ้า

บทที่ 5 คนที่ไม่ไป ฆ่าไม่เว้น



บทที่ 5 คนที่ไม่ไป ฆ่าไม่เว้น

สีหน้าของสวีเทียนหมิงซีดเผือด แต่กลับแอบด่าอยู่ในใจ เจ้า สวะสวีเทียนเฉิงนั่นจะมามีเพื่อนแบบนี้ได้อย่างไร?

“เย่เทียน แกจะเอาอย่างไรกันแน่?” ท่านหญิงสวีเปิดปากพูด อีกครั้ง มือขวาบีบไม้เท้าแน่น ไม่มีท่าทีที่คิดว่าตัวเองแน่ที่สุด แบบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

“ผมพูดไปแล้ว” เย่เทียนหยิบขวดไวน์แดงขึ้นมารินให้ตัวเอง หนึ่งแก้ว แกว่งเบา ๆ “แค่คืนความยุติธรรมก็จบแล้ว”

เพลง!

เย่เทียนคลายมือ แก้วไวน์ร่วงลง

ไวน์แดงราดรดลงบนพื้น

เหมือนกับเลือดสด ๆ แอ่งหนึ่ง

“ในไวน์นี้มีรสเลือด พวกคุณชิมกันไม่ออกเหรอ?”

เย่เทียนลุกขึ้นยืนดังสวบ เดินเตร่มาถึงด้านหน้าของท่าน หญิงสวีอย่างช้า ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “เทียนเฉิงรับ กระสุนแทนผม เป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายของผม แต่กลับเสีย ชีวิตอย่างไม่กระจ่าง! ก่อนตายก็ยังโดนแย่งคู่หมั้นไปอีก ถูก ควักลูกตา ทั้งยังถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าอยากได้พี่สะใภ้อีก…นี่คือคำตอบที่ตระกูลสวีของคุณให้ผมใช่ไหม?”

ประโยคเดียว พูดจนทุกคนพูดอะไรไม่ออก

โดยเฉพาะสวีเทียนหมิงกับหลินเสวีที่พอสำนึกได้ก็ก้มหน้า

ก้มตา

สีหน้าของท่านหญิงสวีก็ยิ่งไม่น่ามองไปใหญ่

เธอไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าสวีเทียนเฉิงตายไปได้หนึ่งปีแล้ว แท้ ๆ ยังสามารถเกิดเรื่องมากมายได้ขนาดนี้

“วางใจเถอะ พวกคุณยังมีเวลาให้ไตร่ตรองดูอีกหนึ่งเดือน”

เย่เทียนมีน้ำเสียงเรียบ ๆ “เดือนหน้าก็จะเป็นวันเซ่นไหว้ของ เทียนเฉิงแล้ว ก่อนจะถึงวันนั้นผมจะหาหลักฐานมาทั้งหมด ให้ พวกคุณไปตายเป็นเพื่อนเทียนเฉิง… นอกจากนี้ในวันเซ่นไหว้ นั้น ทุกคนทุกระดับชั้นของตระกูลสวีต้องไปเซ่นไหว้บูชาที่ หน้าหลุมศพของเทียนเฉิงกันให้หมด! ผมจะเตรียมโลงศพไว้ ให้พวกคุณอยู่ที่นั่น!”

ว่าแล้วเย่เทียนก็มองไปที่ท่านหญิงสวีด้วยดวงตาดุร้าย “รวม ถึงคุณด้วย!”

“ใครที่มันบังอาจไม่ไปละก็ ฆ่าไม่เว้น!”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านอย่างหนักในใจ หนาว ไขสันหลัง

พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารและความตั้งใจอัน แน่วแน่ในคำพูดของเย่เทียนได้อย่างสิ้นเชิง

ท่านหญิงสวีสีหน้ามืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดลงมา แต่กลับ ไม่มีคำพูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว

การตายของสวีเทียนเฉิงแทบจะเกี่ยวข้องกับตระกูลสวีทั้ง ตระกูล

ถ้าเย่เทียนทำอย่างนี้จริง ๆ ก็ไม่ต่างจากการฆ่าล้างตระกูลสวี เลย!

“เย่เทียน แกอย่ามาทำเกินไปนะ!” สวีเทียนหมิงทนไม่ไหวอีก ต่อไป ในที่สุดก็เปิดปากพูดออกมา

ถ้าหากเย่เทียนจะตรวจสอบขึ้นมาจริง ๆ ละก็ คนที่จะเจอ ความหายนะคนแรกก็คือเขา!

“ผมทำเกินไป?” เย่เทียนมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ถ้างั้น เรื่องที่พวกคุณทำต่อเทียนเฉิงนั้น ควรจะให้ฟ้าผ่าสักห้าครั้ง ใช่ไหม?”

สวีเทียนหมิงแสดงออกอย่างเชื่องช้า ไม่มีข้อโต้แย้งโดยสิ้นเชิง
เย่เทียนหันหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นซาว่า “จำไว้นะ พวก คุณมีเวลาหนึ่งเดือน

“แน่นอนว่าพวกคุณเลือกที่จะหนีได้ แต่ไม่ว่าพวกคุณจะหนี ไปที่ไหน ผมจะตามไปด้วยตัวเองแน่ ไปตามเอาชีวิตของ พวกคุณ! แน่นอนว่าพวกคุณสามารถเลือกที่ต่อต้านได้ หรือ กระทั่งหาคนมาลอบฆ่าผม… จำไว้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการอะไร ก็สามารถใช้ได้ทั้งนั้น ให้ผมได้ดูตระกูลที่เรียกว่าเป็นอันดับ หนึ่งของหรงเฉิงนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน”

เสียงของเย่เทียนไม่มีคลื่นเสียงใหญ่ ๆ แม้แต่นิดเดียว แต่ใน สายตาของคนตระกูลสวีแล้ว ฟังแล้วราวกับฟ้าผ่าอยู่ใต้ผืนดิน อย่างไรอย่างนั้น!

ไม่ว่าจะวิธีการอะไรก็สามารถใช้ได้ทั้งนั้น!

กล้าพูดคำนี้กับตระกูลสวี ทั่วทั้งหรงเฉิงก็มีแค่เย่เทียนคน เดียวเท่านั้น!

พูดจบเย่เทียนก็หันหลังเดินไป ตอนที่มาถึงด้านหน้าของหลิน เสวก็หยุดก้าวกะทันหัน!

“ผมไม่รู้นะว่าทำไมคุณต้องทรยศเทียนเฉิง แต่ถ้าหากว่าผมรู้ ว่าการตายของเขาเกี่ยวข้องกับคุณละก็ เชื่อผมเถอะว่าคุณจะ ต้องนึกเสียใจที่ได้อยู่บนโลกใบนี้”

สายตาของเย่เทียนจ้องเธอเขม็ง “ส่วนน้องชายของคุณดูถูกเทียนเฉิง สมควรตาย!”

พูดจบเขาก็โบกมือ พาหลินขุยเดินก้าวยาว ๆ ออกจาก ตระกูลสวี

ด้านในห้องโถงใหญ่กระซิบกระซาบกันอย่างรวดเร็ว!

โครมคราม!

ป้ายวิญญาณทั้งหมดบนโต๊ะร่วงลงไปบนพื้น

สีหน้าของหลินเสวไร้วิญญาณ ในสมองก็สะท้อนเสียงของเย่ เทียนไม่หยุด ขาก็อ่อนแรง ก้นเบ้า

“เย่เทียน รังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ! รังแกกันเกินไป! คุณย่า ครับ ตอนนี้พวกเราควรจะทําอย่างไรดี?”

สวีเทียนหมิงหวาดผวาขึ้นบ้างแล้ว ทําได้เพียงขอความช่วย เหลือจากท่านหญิงสวี

“กลัวอะไร!” ท่านหญิงสวีจ้องเขาครู่หนึ่ง ไม่ได้รู้สึกเลยสักนิด ว่าขาของตัวเองก็กำลังสั่นระริก ๆ อยู่ เห็นป้ายวิญญาณร่วงลง มากระจัดกระจายดวงตาก็คลุ้มคลั่ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไป สืบฐานะที่แท้จริงของเย่เทียนมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ไม่ใช่ว่า ยังมีเวลาอีกเดือนหนึ่งหรอกเหรอ? ฉันเองก็อยากจะรู้นักว่าเย่ เทียนนั่นเอาอะไรมากล้าต่อกรกับฉัน!”
ด้านนอกตระกูลสวี

“คุณท่าน ให้ผมจัดการส่งคนมาตรวจสอบตระกูลสวีเลยไหม ครับ?” หลินขุยถามเสียงเบา

“ไม่รีบ กลับบ้านก่อน วันนี้เป็นวันเกิดคุณอาของผม” เย่เทียน ลูบไล้แหวนหยกบนนิ้วชี้ข้างขวา “การจู่โจมของวันนี้เพียง พอแล้ว ตระกูลสวี ผมจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาเป็นอย่างดี…

“ไปกันเถอะ ไปเซอร์ไพรส์คุณอากัน” เย่เทียนมีสีหน้ารอคอย พอหลินขุยสำนึกได้ก็เร่งความเร็วรถ ขับรถเร็วราวกับเหาะไป ยังทิศทางของบ้านตระกูลเย่

เขาได้รับการรับเลี้ยงจากเย่จิ้งซานมาตั้งแต่เด็ก

กลับมาครั้งนี้นอกจากจะเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับสวีเทียน เฉิงแล้ว เขาก็อยากจะกลับมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน…

ตระกูลเย่ ถึงแม้จะเพียงตระกูลระดับล่าง แต่ในงานเลี้ยงวัน เกิดครึ่งร้อยปีของเย่จิ้งซาน ผู้นำตระกูลเย่ก็มีคนที่เข้ามาร่วม อวยพรเรียกได้ว่าต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย

“ตระกูลจ้าวแห่งเมืองหรงเฉิง มอบหยกเสือให้หนึ่งชิ้น ขอ อวยพรให้คุณเย่มีกำลังวังชาแข็งแรง องอาจห้าวหาญ!”
พ่อบ้านของตระกูลเย่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองที่ประตู และ ประกาศรายการของขวัญทีละชิ้น ๆ

ในบ้านใหญ่ตระกูลเย่จัดโต๊ะงานเลี้ยงที่แขกสามารถเลือกที่ นั่งได้ตามใจชอบไว้สิบโต๊ะ ถึงแม้จะไม่มาก แต่คนที่สามารถ มาได้ในวันนี้ก็ล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในเมืองทรงเฉิง

โต๊ะกลมที่อยู่ตรงกลางสุด เจิ้งซานที่อายุห้าสิบปีสวมชุดสี เทาเรียบง่ายสง่างาม ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง กำลังทักทายแขก พร้อมลูกสาวทีละคน

หวังซิ่วเหลียนผู้เป็นภรรยามองดูคนสองคนติดต่อกับคนใหญ่ คนโตกับของขวัญหลากหลาย รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่แห้ง เหือดหายไปเลย

ทั้งตระกูลเย่เต็มไปด้วยบรรยากาศเฉลิมฉลองและเป็น ศิริมงคล

สิ่งเดียวที่น่าแปลกก็คือ เจ้าของวันเกิดที่ชื่นชอบดื่มสุรา นั้น นึกไม่ถึงเลยว่าในวันนี้จะไม่แตะสุราเลยแม้แต่หยดเดียว เพียงใช้ชาแทนสุรา

“ตระกูลอู่แห่งเมืองหรงเฉิง มอบเงินสดหกล้านหกแสนหก หมื่น กำไลหยกหนึ่งคู่ ปิ่นทองหนึ่งอัน และมอบบุหรี่หกแถวสุราเหมาถายชั้นยอดหกขวดให้เป็นพิเศษ! ขออวยพรให้วัน เกิดของคุณแย่ด้วยความเคารพ”

แช่ด ๆ ๆ

ทุกคนตกตะลึงไม่มีที่สิ้นสุด!

ตระกูลอู่ใจป้ามาก!

แต่ทั้งสุรายาสูบ ทั้งกำไลข้อมือเอย ปิ่นทองเอย นี่มันอวยพร วันเกิดที่ไหนกัน เกรงว่าจะมาสู่ขอน่ะสิ!

“คุณอาเย่ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลานชาย ขอให้ท่าน แข็งแรงปึงปัง มีความสุข อายุยืน ร่างกายแข็งแรงครับ”

อู่ทง คุณชายจากตระกูลอู่สวมชุดสูทสีฟ้าทั้งชุด หวีผมเป็น มันขลับ มองดูแล้วเป็นชายที่ลักษณะโดดเด่น

“เสี่ยวอู๋มีความตั้งใจดี” เย่จิ้งซานโบกไม้โบกมือด้วยรอยยิ้ม ในดวงตาไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด จากนั้นก็ไปทักทายกับ เพื่อนเก่า

“ฮ่า ๆ เสี่ยวอู๋เอ๋ย ขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ทำให้คุณต้องสิ้น เปลืองแล้ว” หวังซิ่วเหลียนจ้องมองอู่ทงด้วยดวงตาแวววาว ถูกตาขึ้นเรื่อย ๆ
“เสี่ยวน่า อย่ามัวแต่เอ้อระเหยลอยชายอยู่เลย มาคุยกับเสี่ย วอู๋ดี ๆ คนหนุ่มคนสาวเนี่ย จะต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนกันให้มาก

อู๋ทงยิ้มอย่างลำพองใจ รีบเข้าไปอยู่ตรงหน้าของเสี่ยวน่า

“เสี่ยวน่า ไม่พอใจกับของขวัญอวยพรของผมเหรอครับ? ที่ ผมยังมีแหวนหยกอีกวงหนึ่ง พรุ่งนี้จะเอามามอบให้คุณนะ ครับ”

เย่น่าสวมชุดกระโปรงรัดรูปทั้งตัว รูปร่างงดงามมีส่วนเว้า ส่วนโค้งชัดเจน ยิ่งรวมไปถึงผิวพรรณที่ขาวราวหิมะ เครื่อง หน้าที่งดงามประณีต เขามองจนตาค้าง

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ” เย่น่าเค้นรอยยิ้มออกมา

อู๋ทงตามเทียวไล้เทียวขื่อเธอมาไม่ใช่แค่วันสองวันนี้แล้ว แต่ เธอไม่มีความรู้สึกใดใดต่อเขาแม้แต่น้อย

“นี่ ๆ คุณไม่ชอบแหวนเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นผมให้รถคุณ คันหนึ่งดีกว่า เฟอร์รารี่หรือปอร์เช่?” อู่ทงยังคงตื้อไม่เลิก กลับ เห็นเย่น่าจ้องเขม็งกลับมา

“แล้วแต่คุณเถอะค่ะ ฉันยังต้องไปทักทายแขกนะคะ” พูดจบ ก็วิ่งเข้าไปหาเย่จิ้งซาน

อู่ทงกลืนน้ำลายมองแผ่นหลังของเธอ ในใจเกิดความรู้สึกร้อนรุ่มอย่างไม่สามารถอธิบายได้

ที่ประตูบ้านตระกูลเย่ รถจี๊ปค้นหนึ่งค่อย ๆ จอดลงอย่างเงียบ

“สิบกว่าปีแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะ”

มองดูบ้านตระกูลเย่ที่ดูโบราณเรียบง่ายเก่า ๆ เย่เทียนก็ ใจลอย

สิบปีผ่านไปแค่ชั่วพริบตา นอกจากค่ายทหารแล้วก็มีแค่ นี่แหละ ที่สามารถทำให้เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและเป็น กันเอง

ไม่รู้ว่าคุณอาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว สุขภาพร่างกายของอา สะใภ้น่าจะยังดีอยู่นะ เสี่ยวน่าโตหรือยัง?

ในใจร้อนรน ย่างก้าวก็เร็วขึ้นหนึ่งส่วน

ก้าวเข้าไปในประตู เห็นพ่อบ้านรายงานรายการของขวัญอยู่ เขาจึงหันหลังกลับไปมองหลินขุยแวบหนึ่ง

“นี่คือของขวัญของจอม… คุณท่านของบ้านผม แผ่นหยก หนึ่งคู่ แทนน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอให้คุณเย่มีความสุข อายุยืน ร่างกายแข็งแรง ถึงอายุมากก็ยังแข็งแรงครับ’
หลินขุยรีบนำของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาส่งมอบให้ ทั้งยัง เกือบจะหลุดปากออกมา

แผ่นหยกหนึ่งคู่?

ของขวัญนี่ก็ไม่เบาเลย

พ่อบ้านตกตะลึง รีบเข้าไปขวางเย่เทียนที่กำลังจะเข้าไปเอา ไว้

“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ได้บอกชื่อแซ่ของท่านเลยครับ”

“ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องประกาศหรอกครับ” เย่เทียน สายศีรษะอย่างไม่ใส่ใจ เขาเห็นเงาหลังของคุณอาอยู่ไกล ๆ นั่นแล้ว

พ่อบ้านสายศีรษะอย่างแสดงจุดยืน “จะไปได้ได้อย่างไรครับ ถึงอย่างไรก็ต้องให้ในตระกูลทราบฐานะของคุณนะครับ?”

เย่เทียนคิด ๆ ดูแล้วเดินเข้าไปด้านใน

“เย่เทียนจากตระกูลเย่!”

พ่อบ้านอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเสียงที่ดังสุดพลังก็ดังไปทั่วทั้ง ห้องโถง
“เย่เทียนจากตระกูลเย่ มอบแผ่นหยกหนึ่งคู่ ขอให้คุณเย่มี ความสุข อายุยืน ร่างกายแข็งแรง ถึงอายุมากก็ยังแข็งแรง!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ