ยอดนักสู้สยบฟ้า

บทที่ 3 หนี้เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด



บทที่ 3 หนี้เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด

“ดูเหมือนว่าท่านหญิงสวีจะตาบอดไม่เบาเลย นึกไม่ถึงเลยว่า จะคิดเอาว่าแกจะดีเด่นกว่าเทียนเฉิง…”

เย่เทียนมีสีหน้าไม่ใส่ใจ นั่งลงตรงข้ามกับสวีเทียนหมิง

หลินขุยยืนเอามือไพล่หลังอยู่ด้านหลังราวกับภูเขาสูงใหญ่

เทียนเฉิง?

สวีเทียนเฉิง?!

ช็ดดด!

แทบจะเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อก่อนนั้น!

ทุกคนตัวสั่นไปทั้งตัว มองดูเย่เทียน แล้วก็มองสวีเทียนหมิง แต่ละคนมีสีหน้าไร้วิญญาณ!

สวีเทียนเฉิงเป็นคำต้องห้ามอย่างเด็ดขาดของตระกูลสวี!

สีหน้าของสวีเทียนหมิงครึ้มฟ้าครึ้มฝนราวกับจะมีน้ำหยด ออกมาได้ในทันที หลินเสบู่ก้มหน้ากดฟันกรอด ไม่มีใครรู้ว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่

“แม่มันเถอะ แกอยากตายใช่ไหม? รีบไสหัวออกไป!”
หลินฮุยเห็นสวีเทียนหมิงไม่พูดไม่จาจึงเอ็ดตะโรขึ้นมาอีก

ครั้ง

เย่เทียนจ้องสวีเทียนหมิงตาเขม็งราวกับไม่ได้ยินอย่างไร อย่างนั้น “บอกฉันมา เทียนเฉิงตายได้ยังไง?”

เย่เทียนพูดออกมาทีละคำ ๆ น้ำเสียงไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

สวีเทียนหมิงกัดฟัน สีหน้ามืดครึ้มขึ้นเรื่อย ๆ

“แกคงใช้ชีวิตจนเอียนแล้วสินะ ก็แค่คนอ่อนแอไร้ความ สามารถคนหนึ่งเท่านั้น ตายก็ตายสิ เกี่ยวอะไรกับแก?!”

เพื่อที่จะเอาอกเอาใจพี่เขย หลินฮุยจึงชี้หน้าเย่เทียน “ดูไว้ให้ ดี ตระกูลสวีมีคุณชายแค่คนเดียวก็คือสวีเทียนหมิง พี่เขยของ ฉัน ส่วนไอ้สวะนั่นมันสมควรตาย! คนพรรค์นั้นอยู่ไปก็เปลือง เปล่า ไม่สู้ตายไปเสียก็ดี”

หลินฮุยฮึกเหิมขึ้นทุกที “อีกอย่างนะ สวะอย่างเขายังกล้า มาโลภมากอยากได้พี่สาวของฉัน? ไม่หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง สวะแบบนั้นตายไปก็ถือว่าเหมาะ กับเขาแล้ว”

“ส่วนแก คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกจริง ๆ งั้นเหรอ?” หลินฮุย หัวเราะเสียงเย็นออกมาสองครั้ง “ตอนนี้ฉันจะตัดลิ้นแกเสีย ตัดมือข้างที่แกตบหน้าพี่สาวฉัน แล้วค่อยมาโขกหัวขอโทษ เขยฉัน บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตไร้ค่า ของแกได้นะไม่อย่างนั้น…”

หลินฮุยสีหน้ากำแหง มีสวีเทียนหมิงหนุนหลังอยู่ จึงไร้ความ เกรงกลัวโดยสิ้นเชิง

แต่กลับมองไม่เห็นว่าสายตาที่เย่เทียนมองมาที่เขานั้นเยือก

เย็นลงแล้ว

“ยังตะลึงอยู่ทำไม? หรือจะให้ฉันช่วยแกเหรอ? เชื่อไหมว่า

ฉัน…”

เสียงเป่าลมดังขึ้นครั้งหนึ่ง!

เสียงของหลินฮุยขาดหายไปอย่างฉับพลัน สีหน้าของเขา งุนงงไม่รู้เรื่องรู้ราว จากนั้นก็ยิ่งขาวซีดขึ้นทุกทีๆ

ก้มหัวลง นิ้วมือของเย่เทียนกำลังชี้ไปที่ด้านหน้าศีรษะของ เขา ถึงแม้จะห่างกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ศีรษะด้านหน้าของหลินฮุ ยก็มีรูเลือดกว้างเท่านิ้วคนสามนิ้วเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรู เลือดไหล จ๊อก ๆ ออกมาไม่ขาดสาย

“แก… แก… ”

หลินฮุยมองเย่เทียนอย่างเหม่อลอย รูม่านตาขยายกว้าง ขึ้นอย่างช้า ๆ พยายามจะเข้าไปคว้าคอเสื้อของเขา แต่กลับ ทำได้เพียงล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
“อ๊ากกกก! ฆ่าคนแล้ว!”

“เสี่ยวฮุย!”

เลือดสด ๆ ของหลินฮุยพ่นอยู่บนพื้น ห้องโถงใหญ่โกลาหล ขึ้นในฉับพลัน

หลินเสวีเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอรีบล้มตัวลง

ไปตรงหน้าของหลินฮุย

เห็นน้องชายไม่มีลมหายใจไปแล้ว เธอก็ร้องไห้อย่างเสียใจ

สุดแสน

คนอื่นก็ยิ่งหวาดกลัว ใครก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนไม่เพียงแต่ กล้าลงมือ เขาถึงขั้นกล้าฆ่าคนต่อหน้า

“เอะอะน่ารำคาญ!”

เย่เทียนเก็บมือกลับไปเช็ดเบา ๆ ใบหน้าไม่มีส่วนใดขยับเลย

“แก แกทำให้ฉันโกรธจริง ๆ แล้ว แกเป็นใครกันแน่?” เส้นเอ็น บนหน้าผากโป่งขึ้นมา เสียงของเขาเยือกเย็นสุดขีด

“ทำไมแกต้องฆ่าน้องชายฉันด้วย? ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร แต่แกต้องลงหลุมไปพร้อมน้องชายฉัน!” เธอร้องคำรามไปทางเย่เทียนเหมือนกับคนเสียสติ

เย่เทียนมองเธออย่างเย็นชาปราดหนึ่ง “คนบางคนเหยียด หยามไม่ได้! และเธอก็ละเมิดข้อห้ามนั่น!”

สวีเทียนเฉิงได้รับบาดเจ็บเพื่อตน ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับบาด

เจ็บเพื่อประเทศชาติ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถดูถูกได้ พูดจบเย่เทียนก็มองไปที่สวีเทียนหมิงอีกครั้ง “ฉันไม่ชอบพูด

สอง! สวีเทียนเฉิงตายได้อย่างไร?”

ในตอนนี้สวีเทียนหมิงถูกยั่วให้โมโหอย่างถึงที่สุดแล้ว กำลัง จะให้คนมาจัดการเย่เทียน ก็เห็นยายแก่คนหนึ่งค่อย ๆ ยันไม้ เท้ามาทีละก้าว ๆ จนถึงห้องโถงใหญ่!

“นี่กำลังทำอะไรกันน่ะ? เสียงดังเอะอะโวยวาย มีเรื่องอะไร กัน?”

ถึงแม้เสียงของยายแก่จะแก่มาก แต่ก็น่าเกรงขามมาก ทั้ง ห้องโถงใหญ่เงียบลงในพริบตา

“คุณย่า!”

สวีเทียนหมิงไม่สนใจเย่เทียนแล้ว เขารีบเข้าไปประคองยายแก่นั่งลง
“หึม? ใครเป็นคนทำ?”

ยายแก่เพิ่งจะนั่งลงไปก็มองเห็นศพของหลินฮุย คิ้วก็ขมวด ขึ้นในทันที

เย่เทียนเงยหน้าขึ้นมา คนแก่ผมหงอก ดูแล้วอายุน่าจะ ประมาณเจ็ดสิบปี ทั้งร่างสวมเสื้อผ้าสั่งทำคุณภาพสูง นิ้วมือ ทั้งสิบสวมอัญมณีหลากหลายรูปแบบ ดูหรูหราราคาแพงไป ทั่วทุกส่วน

คิดดูแล้ว เธอจะต้องเป็นท่านหญิงสวีที่คุมอำนาจของตระกูล สวีอย่างแน่นอน

ในตอนนั้นสวีเทียนหมิงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร พอสำนึกได้ก็ มองไปที่เย่เทียน

ท่านหญิงสวีเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาคม ปลาบ “แกเป็นใคร? แกเป็นคนทำเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ?”

เย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา “เย่เทียน ผมทำเอง”

“เย่เทียน?” ดวงตาของท่านหญิงสวีหรี่ลง “ลูกบุญธรรมที่หาย ไปสิบกว่าปีของเย่จิ้งซานนั่นน่ะเหรอ? เฮอะ กล้าไม่เบาเลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาหาเรื่องที่ตระกูลสวีของฉัน”

ได้ยินมาถึงตรงนี้ทุกคนก็นึกขึ้นได้ทันที
ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็เป็นลูกบุญธรรมของเย่จิ้งซานเท่านั้นเอง

ตระกูลเย่เป็นไม่ได้แม้แต่ครอบครัวขั้นต่ำ นึกไม่ถึงว่าแค่ลูก บุญธรรมจิ๊บจ๊อยคนหนึ่งจะกล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลสวี!

ใจกล้าบ้าบิ่นจริง ๆ

ท่านหญิงสวีอยู่ในตำแหน่งสูงมานาน ทั้งร่างมีความน่าเกรง ขามโดยไม่ต้องแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา เธอจ้องมอง เย่เทียนด้วยสายตาไม่ดีนัก “ทางที่ดีแกหาคำอธิบายที่สมเหตุ สมผลมาหนึ่งข้อ ไม่อย่างนั้นตระกูลเย่ก็ไม่มีความจำเป็นจะ ต้องดำรงอยู่แล้วล่ะ”

เย่เทียนยิ้มน้อย ๆ “พอดีเลย ทางที่ดีคุณก็ให้คำอธิบายมา กับผมหนึ่งข้อด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นตระกูลสวี… ก็ไม่มีความ จําเป็นจะต้องดำรงอยู่เหมือนกัน พูดมาสิ สวีเทียนเฉิงตายได้ อย่างไร?”

“บังอาจ!” ท่านหญิงสวีตวาดด้วยความเดือดดาล ทำให้ทุก คนตกใจจนหนาวสะท้าน!

“ลูกไม่มีพ่อของตระกูลเย่ใจกล้าบ้าบิ่นเสียจริง! แกคิดว่าฉัน ไม่กล้าทําอะไรตระกูลเย่จริง ๆ เหรอ? เทียนหมิง โทรศัพท์หา เย่จิ้งซานให้มาถึงที่นี่ภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ งานเลี้ยงวันเกิดของเขากลายเป็นงานศพ!”

อย่าเห็นว่ายายแก่อายุไม่น้อย อารมณ์โมโหก็ไม่ใช่ร้ายธรรมดา ๆ เลย

“บังอาจ ไม่อนุญาตให้…

“หลินขุย!” เย่เทียนห้ามหลินขุยเอาไว้ เขามองท่านหญิงสวี อย่างสงบ “ท่านหญิงสวี เรื่องอะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็อย่า ได้ทํา

“สวีเทียนเฉิงเป็นพี่น้องของผม หนึ่งปีก่อนตายอย่างไม่ กระจ่าง ผมแค่อยากจะคืนความยุติธรรมให้กับเขาเท่านั้น ถ้า หากว่าเขาฆ่าตัวตายจริง ๆ ผมจะไม่พูดเป็นอื่นแน่ แต่ถ้าหาก เขาโดนใครให้ร้ายให้ทุกข์ทรมาน แล้วยิ่งโดนสังหารอีก…

พูดมาถึงตรงนี้เสียงของเย่เทียนก็เยียบเย็นขึ้นอีกหนึ่งระดับ ทันที “ทุก ๆ คนในตระกูลสวีของคุณต้องไปตายเป็นเพื่อน เขา!”

คำพูดนี้ดังออกมา ท่านหญิงสวีก็กัดฟัน ใบหน้าฉายความ

โกรธ

“ดีนี่! ให้ตระกูลสวีของฉันไปตายเป็นเพื่อน ปากกล้านักนะ กลัวแต่ว่าแกจะทำตามที่พูดไว้ไม่ได้น่ะสิ!”

“คุณสามารถลองดูได้

เย่เทียนลุกขึ้นอย่างช้า ๆ พลังอำนาจที่แข็งแกร่งพวยพุ่งออกมา แม้แต่หลินขุยที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ดูจะตัวเล็กลงไปมาก…

ดวงตาของท่านหญิงสวีหรี่ลงพักหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อกี้ใจ ของเธอจะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา!

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

เธอจะถูกเจ้าหนุ่มนี่ข่มขวัญได้อย่างไร?

ชั่วพริบตา ท่านหญิงสวีฟื้นสติขึ้นมาจากความสั่นกลัว เธอ เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะลองดูจริง ๆ! ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดอายุห้าสิบปีของพ่อเลี้ยงของแกนี่? ถ้าหากฉันเอาหัวของแกไปเป็นของขวัญอวยพรวันเกิดให้เขา ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจไหม?”

ท่านหญิงตบมือฉาดหนึ่ง

ผู้ชายที่อายุราว ๆ ครึ่งร้อย ร่างกายอ่อนแอผอมบาง สวม ชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของเธออย่าง เงียบ ๆ

พอเห็นผู้ที่มาใหม่ สวีเทียนหมิงและสายเลือดสายตรงของ ตระกูลสวีก็ตกตะลึงจนถึงที่สุด

ถึงแม้ท่านหญิงสวีจะแก่แล้ว แต่การที่ยังสามารถนั่งอยู่ใน ตำแหน่งผู้นำได้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงนั้น เกี่ยวข้องกับคนเฒ่าคนนี้มาก

คนคนนี้ผีเข้าผีออก ศักยภาพแข็งแกร่งหาใดเปรียบ

ทั้งตระกูลสวีล้วนเคารพบูชาเขาเป็นบรรพบุรุษ

หลายปีมานี้คนคนนี้ช่วยเหลือตระกูลสวีทำเรื่องที่ไม่อาจให้ ใครรู้ได้มาไม่น้อย แถมยังไม่เคยทำงานพลาดเลยด้วย

พูดได้ว่าขอเพียงมีเขาอยู่หนึ่งวัน ตระกูลสวีก็จะเป็นราชา แห่งหรงเฉิงตลอดไป!

“คุณฟู่หยุน รบกวนคุณแล้ว!” ท่านหญิงสวีพยักหน้าให้ผู้ที่มา เบา ๆ

“ไม่เป็นไร ยังใช้กฎเดิม สิบล้าน!” คุณฟูยิ้มแล้วยกนิ้วนิ้วหนึ่ง ขึ้นมา ท่าทางมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ

สวีเทียนหมิงหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งละสิบล้าน?

จัดการกับเย่เทียนคนเดียวเท่านั้น ขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือ เปล่า?

สีหน้าของท่านหญิงสวีไม่เปลี่ยน เธอพยักหน้าเบา ๆ “เงิน ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่เด็ดหัวของเขามาได้ก็พอแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ