บทที่12 ต่ำช้า
“หลินซูเนี่ยน! เธออย่าทำตัวได้ใจไปหน่อยเลย! “หลินหว่าน หยุตบโต๊ะไปที่หนึ่ง โกรธจนตัวสั่น นั่งคนแพศยา มีสิทธิ์อะไรมา ท่าแบบนี้กับเธอ”
ยิ่งเธอโมโห หลินซูเนี่ยนก็ยิ่งสงบนิ่ง “ถ้านี่เป็นท่าทางที่เธอใช้ ขอร้องให้คนอื่นช่วย ก็ช่างมันเถอะ
หลินหว่านหยูอ้าปากค้าง ยังไม่ทันพูดอะไร อีกด้านก็มีเสียง สัญญาณส่งมาแล้ว ทำให้เธอโกรธจัดและโทรกลับไปอีกครั้ง “หลินชูเนี่ยน พวกเรามาคุยข้อต่อรองกันหน่อยเป็นไง
สีหน้าของหลินซูเนี่ยนยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “ข้อต่อรอง อะไร ?”
“เธออยากจะหย่ากับห้าวหนานไม่ใช่เหรอ ฉันช่วยเธอได้นะ” คนที่อยู่อีกด้านดูเหมือนจะทำทุกอย่างที่เธอต้องการเอาไว้ ชัยชนะอยู่ในกำมือ
มุมปากเลยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “เธอคิดว่า ฉันจะหย่า เหรอ ?”
“ทำไมถึงไม่หย่าล่ะ หรือว่าเธออยากจะอยู่กับคนพิ… ห้าว
หนานไปตลอดชีวิตกัน เธอพอใจเหรอ ?”
“ทำไมจะไม่พอใจ ?” หลินชูเนี่ยนก้มหน้ามองแหวนที่ส่งแสง ระยิบระยับบนนิ้วนางของตัวเอง “ถึงฉันจะไม่รักห้าวหนานแล้วจะทำไม แล้วถึงแม้ว่าเขาจะเดินไม่ได้เหมือนคนอื่นแล้วจะทำไม อย่างน้อย เขาก็มีสิ่งที่ชีวิตนี้พวกเธอไม่มีวันได้มา 1
อานาจ เงินทอง!
ทุกอย่างนั้นสามารถเอาศักดิ์ศรีของพวกหล่อนมาไว้ใต้เท้าได้ เหมือนในตอนนี้ ทำให้พวกหล่อนต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธอ เท่านั้น!
หลินหว่านหยูเบิกตาโต ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดพวกนี้ จะออกมาจะปากเธอ โดยไม่รู้ตัว หล่อนเองก็สัมผัสได้ถึงความ เปลี่ยนแปลงของหลินซูเนี่ยน ความโกรธทอดกลั้นอยู่ในใจแทบ จะทะลักออกมา เธอพูดอย่างดูแคลนว่า “หลินซูเนี่ยน เธอทำให้ ฉันคลื่นไส้จริงๆ !
“นั่นก็เป็นเพราะพวกเธอบีบให้ฉันต้องมาอยู่บนเส้นทางนี้เอง หลินหวานหยู เธออย่าลืมว่าฉันต้องมามีสภาพอย่างทุกวันนี้ ก็ เป็นเพราะเธอ! ”
“นั่นเป็นเพราะเธอมันต่ำช้าเอง ! ” หลินหวานหยูบีบแขนของ โม่แน่น โดยไม่รู้ตัว ทำเอาเธอเจ็บจนต้องร้องออกมา “ฉันบอก แล้วว่าฉันสามารถช่วยเธอได้ ขอแค่เธอรับปากว่าจะขอให้ห้าว หนานปล่อยโมลีไป
“พูดจบแล้วใช่ไหม ?” หลินซูเนี่ยนมองทอดยาวออกไป ใน ขณะที่หลินหว่านหยูกำลังอึ้ง เธอก็ยิ้มแล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเธอพูดจบแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ลาก่อน!
“เธอ……ฮัลโหล! ? ” หลินหว่านหยยังไม่ทันได้ตั้งตัวตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์อยู่หลายแต่ไม่อะไรเกิดขึ้น โม่อยู่ข้างพอจะเดาจุดจบของตัวเองได้แล้ว ทั่วทั้งราดด้วยเย็นจัด
หลินชูเนี่ยนโยนโทรศัพท์ทิ้งอีกทาง นวดแก้มแรงๆ หลินหวานหยูมองเธอสูงเกินเธอแค่คู่หมั้นเชื่อมสัมพันธ์ เท่านั้น
ด้านหลังการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เธอรีบหันกลับไปดู เห็น ว่าหนานนั่งอยู่หน้าประตู แววเขาหม่นหมอง ต้อง ตรงมาเธอ และไม่ว่าอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน
ของหลินซูเนี่ยนคือ โทรศัพท์คุยเมื่อครู่ เขาได้ยินหรือเปล่า แล้วได้ยินไป มากแค่ไหน?
“คุณมาตั้งแต่
กลั้นความตื่นตระหนกที่ขึ้นเมื่อครู่
“เพิ่งมา
“แล้ว….สายตามองที่เขาอย่างระมัดระวัง ห้าวหนาน เงยขึ้น หน้าขึ้นมาเรียกเธอ”
ที่แท้แบบนี่เอง หลินซูเนี่ยนรู้สึกโล่งอก รีบลุกขึ้นมาพยุงเข็นของเขาแล้วพูดว่า งั้นพวกเรารีบไปทานกันเถอะ เพิ่งจากอากาศร้อนได้ทานน้ำหวานเย็นแบบนี้ดีจังเ เลย”
ห้าวหนานมองดูเธอที่ทำท่ารีบร้อน ความเยือกเย็น ในแวว ตาก็ผ่อนคลายลง แล้วปล่อยให้เธอเห็นตัวเองลงไปด้านล่าง
เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ พอดื่มน้ำถั่วเขียวหวานเย็นๆลงไป แล้ว ก็รู้สึกสดชื่นขึ้น หลินซูเนี่ยนแอบเหลือบมองเขาที่หนึ่ง “ใช่ แล้ว เรื่องของโม่ลี่ในวันนี้ คุณไม่ได้โกรธจริงๆ ใช่ไหม”
“โกรธเธอเหรอ ?” เขาเลิกคิ้ว แล้วยิ้มอย่างทะเล้น
หลินซูเนี่ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาจงใจพูด เพื่อให้เธอนึกถึง เรื่องจูบที่ร้านอาหารวันนี้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ห้าวหนานก็ถอน หายใจออกมา มือใหญ่ลูบหัวเธอเบาๆ “ซูเนี่ยนคนที่สร้าง หายนะเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวนั้นมีมากมาย ดังนั้น เธอ ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาหล่อนแค่คนเดียวมาใส่ใจหรอก”
เธอเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายต่อ อีก
เรื่องของโม่ลี่ ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ได้ใส่ใจก็คงโกหก แต่สิ่งที่ อยากจะทำ ก็คือใช้โม่มาเพื่อแสดงอำนาจของเธอ ให้คนของ ตระกูลหลินได้รู้ว่า เธอไม่ใช่ลูกพลับที่อ่อนแอ แต่เป็นผู้หญิงของ เขา และยิ่งไม่ใช่คนที่จะแตะต้องได้ง่ายๆ
สำนักพิมพ์นิตยสารลูกวง บรรณาธิการแบ่งหน้าที่มาให้หลิน เนียน ให้เธอกับเสี่ยวเหยียนไปสัมภาษณ์ดาราชั้นสอง เสลี่ พร้อมกัน เสลี่คือนักร้องไอดอลคนใหม่ เพราะภาพลักษณ์ที่ดู บริสุทธิ์และมีพลัง ตอนแรกเป็นเพราะเธอโพสต์วิดีโอคลิปหนึ่ง บนอินเทอร์เน็ตและมันกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาในทันที ต่อมาก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทหนึ่งอย่างรวดเร็ว และได้รับการผลักดันมา โดยตลอด
หลินซูเนี่ยนตื่นตัวเต็มที่ เสี่ยวเหยียนเห็นท่าทางของเธอ ก็นั่ง สลดหดหู่อยู่ข้างๆ “อย่าดีใจเร็วไปนักเลย ฉันได้ยินมาว่าเสลี่ คน รับมือไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ”
“ก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ” เธอไม่สามารถ
ปฏิเสธได้
“ไม่จริงน่า เดี๋ยวนี้ยังมีคนที่ใสซื่อแบบนี้ด้วยเหรอ เธอคิดว่า วงการบันเทิงเป็นอย่างที่เห็นจริงๆเหรอเสลี่มีชื่อเสียงในวงการ ว่ารับมือยากมากๆเลยนะ แล้วก็ เธอสามารถก่อเรื่องอื้อฉาวกับคู่ กรณีของเธอได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวด้วย เป็นคนที่เจ้า แผนการมาก”
หลินซูเนี่ยนพยักหน้า แต่ก็แบมืออย่างเหนื่อยหน่ายแล้วพูดว่า “แต่ถึงจะรับมือยากยังไงงานสัมภาษณ์ก็ยังต้องทำนี่นา”
ถึงจะพูดถูก แต่พอคิดขึ้นมาแล้วเสี่ยวเหยียนก็ยังอดถอนหาย ใจยาวๆออกมาไม่ได้
เวลาที่ทางนิตยสารนัดกับเสลี่เอาไว้คือเวลาบ่ายสอง ทั้งสอง คนมาถึงที่หมายก่อนครึ่งชั่วโมงเพราะเกรงว่าจะไม่เป็นที่ประทับ ใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า รอไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆก็ยังไม่เห็นเงาของ เธอโผล่มา
เสี่ยวเหยียน โมโหจนตบโต๊ะ “นี่มันจะเส้นใหญ่เกินไปหรือ เปล่า กล้าให้พวกเรารอนานขนาดนี้ได้ยังไง ! ”
“บางทีอาจจะเกิดการล่าช้าระหว่างทางก็ได้ รออีกหน่อย เถอะ” หลินซูเนี่ยนพยายามกล่อม เสี่ยวเหยียนเบ้ปากแล้วหยิบ โทรศัพท์ออกมา “ฉันติดต่อผู้จัดการของเธอก่อน
เพิ่งจะสิ้นเสียง ประตูของร้านอาหารก็ถูกเปิดออก ร่างสูง เพรียวร่างหนึ่งเดินเข้ามา เท้าสวมรองเท้าส้นสูงสีชมพู บนตัว สวมชุดกระโปรงสีข้าว ดูแล้วน่ารักน่าทะนุถนอม
เสวลี่นั่งลงช้าๆ แล้วยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาที่หนึ่ง “เอาล่ะ ฉันมี เวลาแค่สิบห้านาที พวกคุณมีอะไรอยากจะถามก็ถามมาได้เลย
“สิบห้านาที! ? ” เสี่ยวเหยียนอุทานออกมา “เวลาแค่นี้จะไป พอได้ยังไง”
เวลาเลืองมองเธอที่หนึ่ง แล้วพูดอย่างดูแคลนว่า “เวลา ของฉันมีค่ามากนะ ถ้าเสียไปสักนาที เธอจะรับผิดชอบไหว ไหม! ? ”
หลินซูเนี่ยนหมดคำพูดไปในทันที รับมือยากเหมือนที่ลือกัน จริงๆด้วย เธอรีบห้ามเสี่ยวเหยียนที่กำลังอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้ แล้วรีดรอยยิ้มแบบมืออาชีพออกมา “งั้นพวกเราเริ่มกันเถอะค่ะ”
“เสวลี่เป็นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน แต่ก็มีอัลบั้ม ออกมาติดต่อกันถึงสองอัลบั้มแล้ว ต่อจากนี้ไปมีแผนจะทำอะไร ต่อบ้างคะ”
เสวลี่เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ทำเสียงในลำคอที่หนึ่ง สีหน้าถมึงทึง แล้วจู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ตั้งแต่ฉันเข้ามายังไม่ได้ ดื่มน้ำเลยสักครั้ง เอาแต่ถามไม่หยุด พวกเธออยากจะให้ฉันคอแห้งตายหรือยังไง!? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ