ภรรยารักแรกของประธานลี่

บทที่14 ใส่ร้ายป้ายสี



บทที่14 ใส่ร้ายป้ายสี

เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะราวกับเสียงฟ้าคราม ทำให้หัวใจ ของหลินซูเนี่ยนกระตุกวูบ พยายามเค้นรอยยิ้มออกมาแต่กลับ ย่ำแย่ยิ่งกว่าใบหน้ายามร้องไห้ “ฉัน

“บอกมา ! ”

ร่างเล็กๆของหลินซูเนี่ยนสั่นระริก เม้มริมฝีปากอย่างดื้อดึงไม่ เต็มใจที่จะพูด สายตาของห้าวหนานเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม ปลายนิ้วหยาบเผลอกดบาดแผลบนใบหน้าของเธอโดยไม่ได้ ตั้งใจ ทําเอาเธอเจ็บจนต้องสูดหายใจเข้าลึกตา

“ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก” ห้าวหนานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม หลินซูเนี่ยนยังคงส่ายหน้า ผลักเขาออกไปและไม่กล้ามองเขา

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ คุณไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก”

“หลินซูเนี่ยน !” เขาบีบหมัดโดยไม่รู้ตัว อยากจะกดเธอไว้ ใต้อ้อมแขนแล้วสั่งสอนเธอสักยก แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่ รอให้เขาทำแบบนั้นก็กัดริมฝีปากพร้อมขอบตาที่เริ่มแดงก่ำเสีย ก่อนแล้ว

ป้าจางดูมาถึงตรงนี้ ก็รู้แล้วว่าคงถามอะไรไม่ได้แล้ว เลยรีบ เข้ามาเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ “คุณผู้ชายคะ คุณผู้หญิงอาจจะ หิวแล้วก็ไม่สบายใจอยู่
ขณะพูด เธอก็เอาซุปไก่ร้อนๆไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง “ดิฉัน ต้มซุปไก่มาให้ คุณผู้หญิงรีบดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่เถอะค่ะ

“ขอบคุณค่ะ” ในใจของหลินซูเนี่ยนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย ป้าจางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “คนทำงานอย่างพวกคุณเนี่ย ไม่รู้ จักดูแลสุขภาพกันเสียเลย คุณผู้ชายก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็ ปวดกระเพาะจนเป็นลมไปในห้องสมุด ทำเอาทุกคนในบ้านพัก ตื่นตกใจกันไปหมด เพราะกลัวว่าเขาจะเผลอทำร้ายร่างกายตัว เองอีก”

หลินซูเนี่ยนถือชามซุปไก่ไว้ไม่พูดไม่จา แอบเหลือบมองเขา อย่างระมัดระวัง ใบหน้าด้านข้างของเขาเย็นชาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงทำได้แค่เงียบตาม

พอเจอสายตาตักเตือนของห้าวหนาน ป้าจางก็ยังอดไม่ได้ที่ จะพูดเบาๆที่ข้างหูของหลินซูเนี่ยนอีกประโยคหนึ่งว่า “ต่อไปนี้ คงต้องให้คุณผู้หญิงคอยตักเตือนคุณผู้ชายแล้วล่ะค่ะ”

“ป้าจาง พูดมากเกินไปแล้ว! ” ห้าวหนานพูดออกมาอย่าง ชัดเจน

ป้าจางยิ้มออกมา และไม่ได้เกรงกลัว “เฮ้อ เรื่องของพวกคุณ ทั้งสองคนพวกคุณก็คุยกันเองแล้วกันค่ะ แต่ว่าเด็กน้อย จำไว้นะ คะว่าหากมีเรื่องไม่สบายใจ อย่าเก็บมันเอาไว้ในใจเลย”

เธอตบบนหลังมือเธอเบาๆ ท่าทางแบบนั้น ราวกับมารดาที่รัก ใคร่เอ็นดูเด็กๆ แววตาของหลินซูเนี่ยนเลยมีรอยยิ้มเผยออกมา น้ำเสียงก็เริ่มอ่อนช้อยขึ้น “ขอบคุณค่ะป้าจาง”
ห้าวหนานกวาดตาไปมองเธอที่หนึ่ง หลินเนี่ยนรีบหลบ เลี่ยงสายตาที่เขามองมา แล้วแกล้งทำเหมือนมองไม่เห็น

“ฉันจะให้เวลาเธอคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับฉันยังไง ถ้าหาก เธอไม่พูด ฉันก็มีวิธีรู้ได้เหมือนกัน”

เสียงเตือนที่ดังในใบหูทำให้ร่างของเธอกระตุก และการ ดื่มซุปก็ชะงักไปครู่หนึ่ง มองดูแผ่นหลังของเขาที่กำลังจากไป แล้วรีบเอ่ยปากพูดขึ้น “ห้าวหนาน เรื่องนี้คุณอย่าสอดมือเข้า มายุ่งได้ไหม”

“หลินซูเนี่ยน ฉันเป็นอะไรกับเธอ ?” เขาหันหลังให้เธอ แผ่น หลังนั้นดูเปลี่ยวเหงา

หลินซูเนี่ยนถูกถามเข้า เป็นภรรยาของเขาหรือ ? หรือว่าเป็นคู่ เชื่อมสัมพันธ์ของเขา ไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหน เธอก็พูดไม่ออก ทั้งนั้น

“ในเมื่อเธอไม่อยากพูดอะไรงั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว รอให้เธอ อยากพูดเมื่อไหร่ก็ค่อยพูดแล้วกัน”

หลินซูเนี่ยนตะลึงงัน หลุบตาลง สองมือของเธอกำหมัด แน่น ทันใดนั้นก็กระโดดลงจากเตียงและคว้าชายเสื้อของเขาเอา ไว้ “คุณให้เวลาฉันอีกหน่อย ตอนนี้ฉันยังยอมรับไม่ได้

เธอเพิ่งประสบกับความรู้สึกเหมือนถูกทรยศมาไม่นาน ไม่ อยากเอาหัวไปซุกไว้ในอ้อมอกของคนอื่นอีก ทั้งร่างกายและ หัวใจของเธอกำลังปฏิเสธมัน และยังตกอยู่ในความตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าหากคาดหวังไว้สูงเกินไป เวลาตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บผ่านไปครู่ใหญ่ ห้าวหนานก็พยักหน้า “ได้”

เขาหันกลับมาด้วยความยากลำบาก แล้วดึงเธอลงมาให้ สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แก้มของ เธอ “ฉันจะไม่ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่ว่า ไม่ว่าช้าหรือเร็ว เธอก็ต้องให้คำอธิบายกับฉัน”

หลินซูเนี่ยนแอบโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ฉันรับปากคุณ !

เรื่อง ในครั้งนี้ ที่ไม่ยอมบอกเขานั้นก็มีเหตุผลอยู่ เธอไม่อยาก ให้เขารู้ว่าครั้งนี้เสลี่จงใจพุ่งเป้ามาที่เธอเพราะโมลี่เป็นเหตุ แบบนั้น มันก็เหมือนกับว่าเขาทำผิดมาก่อนแล้ว อีกอย่าง เธอก็ ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธอ

“ถ้าดื่มซุปเสร็จแล้วอย่าลืมเอาถ้วยลงไปให้ฝ้าจางล้างด้วย ล่ะ”

หลินซูเนี่ยนรีบพยักหน้าตอบรับ ห้าวหนานมองเธอนิ่งๆอีก ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถอนสายตากลับไป แล้วออกไปจากห้องนอน

หลินซูเนี่ยนจับโดนเครื่องบันทึกเสียงที่อยู่ในกระเป๋า เลยเริ่ม มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง รีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วเริ่มเขียน ต้นฉบับ หลังจากเรียบเรียงเสร็จแล้วก็ส่งไปให้เสี่ยวเหยียนดูชิ้น หนึ่ง พอได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรถึงได้วางใจ

เช้าตรู่ของวันที่สอง ยังไม่ทันไปถึงบริษัท บรรณาธิการก็โทรมาแล้ว เธอรีบร้อนไปถึงเสวก็นั่งอยู่ในห้องของบรรณาธิการ แล้ว แถมยังทำหน้าเหมือนผู้เสียหายอีก

“บรรณาธิการคะ” หลินซูเนี่ยนกับเสี่ยวเหยียนเคาะประตูจาก นั้นก็เปิดประตูเข้าไป เพิ่งจะเข้าไปด้านใน หนังสือฟ้องร้องก็ กระแทกหน้าทั้งสองคนราวกับใบไม้ร่วง “หลินซูเนี่ยน เสี่ยวเห ยียน พวกเธอทั้งสองคนเป็นอะไรกันแน่ เมื่อวานฉันให้พวกเธอ ไปทํางานสัมภาษณ์ไม่ใช่เหรอ ? ”

หลินซูเนี่ยนก้มหน้าลงมองกระดาษที่ร่วงลงกับพื้น จากนั้นก็ เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเสลี่ที่มองมาด้วยสายตาเยาะเย้ย

“ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นคนใหม่ แต่ก็อย่าทำพลาด ใหญ่โต ขนาดนี้ได้ไหม ปล่อยให้คุณเสวรอตั้งชั่วโมงกว่ายังไม่พอ ยัง ถามคำถามส่วนตัวของเธอราวกับพวกปาปารัสซี่อีก พวกเธอจะ ทำเกินไปแล้วนะ !

เสียงคำรามของบรรณาธิการทำเอาหูของทั้งสองคนแทบจะ ทะลุ เสี่ยวเหยียนกัดฟัน “บ.ก.คะ หล่อนกำลังใส่ร้ายป้ายสีพวก เรานะคะ ทั้งๆที่พวกเราเป็นฝ่ายรอเธอชั่วโมงกว่าๆแท้ๆ จากนั้น เธอยังให้เวลาพวกเราแค่สิบห้านาที แถมถ้าไม่ได้ดื่มน้ำก็จะไม่ ตอบคำถาม ฉัน………

“ทำไมเธอถึงได้เป็นคนแบบนี้ มาใส่ร้ายเสลี่ของพวกเรา แบบนี้ได้ยังไง” อีกด้าน ผู้จัดการของเสลี่ก็เริ่มอาละวาดขึ้นมา

เสวพยักหน้าด้วยท่าทาง ใสซื่อ แล้วเริ่มกล่าวหาด้วยความ เกลียดชัง “ฉัน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะทำกับฉันแบบนี้เมื่อวานฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะปล่อยพวกเธอไป แต่ดูท่าตอนนี้ คง ไม่จําเป็นแล้วล่ะ”

บรรณาธิการรีบปลอบโยนทันที หลินซูเนี่ยนเบ้ปาก แล้วเริ่ม เปิดปากพูด “คุณเสบู่ลี่แสดงเก่งซะขนาดนี้ เคยคิดจะเลิกเป็นนัก ร้องแล้วหันไปเข้าวงการนักแสดงหรือเปล่าคะ ?”

ทำไมจะฟังไม่ออกว่าภายในคำพูดนั้นแฝงไปด้วยความ ประชดประชันเสวลี “เธอหมายความว่ายังไง เธอกำลังจะบอกว่า ฉันใส่ร้ายพวกเธอเหรอ! ? ”

ผู้จัดการเชื่อแต่คำพูดของเสวลี่เท่านั้น ถูกพนักงานนิตยสาร เล็กๆทำให้โมโหจนแทบจะลมจับ เอามือเท้าเอวแล้วเริ่มกรีดร้อง อย่างโอหังว่า “คุณบ.ก. คุณดูแล้วกันว่าเรื่องนี้จะแก้ไขยังไง ถ้า หากพวกเขาไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ฉันก็จะแจ้งความดำเนิน คดีพวกเขา ข้อหาหมิ่นประมาท

พอบรรณาธิการได้ยินแบบนั้น หน้าก็เปลี่ยนสีทันที

จู่ๆหลินซูเนี่ยนกับเสี่ยวเหยียนก็มองหน้ากันแล้วหลุดออก มา “งั้นก็ไปแจ้งเลย ใครกลัวกัน ?”

“พวกเธอสองคนกำลังพูดบ้าอะไร ! ” บรรณาธิการมองพวก เธอทั้งสองคนด้วยสายตาเชือดเฉือน “ยังไม่รีบเข้ามาขอโทษคุณ เสวลี่อีก เสวลีอีก ! ”

“ทำไมพวกเราต้องไปขอโทษคนที่หน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ ด้วย” หลินซูเนี่ยนขำออกมา แล้วหยิบเอกสารการสัมภาษณ์ที่ เขียนเมื่อวานพร้อมกับเครื่องบันทึกเสียงทั้งหมดออ ดออกมาวางบนโต๊ะของบรรณาธิการ “บ.ก.คะ นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ส่วนเรื่องที่ใครผิดใครถูกนั้น คิดว่าพอคุณได้อ่านแล้วก็คงจะรู้ เอง”

เสลี่ที่เมื่อครู่ยังทำสีหน้าเหมือนคนกุมชัยชนะไว้ในมือนั้นตัว แข็งที่อไปทันที จ้องไปที่เครื่องบันทึกเสียงที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่ อยากเชื่อสายตา!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ