ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนั

บทที่3



บทที่3

“นายหญิงไม่ควรขัดคำสั่งนายท่านนะขอรับ ถึงอย่างไร นายหญิงก็มอบยาให้แก่เขาไปแล้ว ก็ถือว่าทำในสิ่งที่ถูก ต้อง ข้าว่านายหญิงกลับมานอนต่อเถอะขอรับ ข้าไม่อยาก เตือนท่านซ้ำ ๆ นะขอรับ

ผู้ติดตามที่มีอำนาจรองจากเยวคังเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียง เนิบช้า ทว่าจริงจังอยู่ในที ทำให้หรู่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ต่อ หน้าชาวบ้านที่ติดตามทุกคนเรียกขานนางว่านายหญิงตาม คำสั่งของเยว่คัง ทว่า นางไร้อำนาจในการสั่งการใด ๆ ทั้ง สิ้นอยู่แล้ว แม้แต่การตัดสินใจในยามที่ชายหนุ่มไม่อยู่ด้วย เช่นนี้ก็ตามที ในที่สุด ร่างบางจำต้องหมุนกายเดินกลับไป นั่งลงยังที่ของตนเองอย่างเงียบ ๆ

“ข้าขออภัยท่านลุงอ้วน ที่มิอาจฝ่าฝืนคำสั่งของนายท่าน

ได้”

“มิเป็นไรขอรับ แค่ยาที่คุณหนูมอบให้ก็มากพอแล้ว ขอรับ”

ตัวนทำได้เพียงยิ้มอย่างมิเต็มใจนัก อยู่ ๆ สิ่งที่คิดว่าจะ ง่าย กลับกลายเป็นเรื่องยาก หากให้คนด้านนอกจัดการ เขาเกรงว่าหญิงสาวอาจรอดไปได้ แล้วจะเป็นที่ เคืองใจของผู้เป็นนาย

ต่างกันกับชายหนุ่มชาวบ้านที่แทรกตัวเขามาในการนี้ เขาเองก็มีเป้าหมายอยู่เช่นกัน

สวะ! หมายกินเนื้อหงส์ ช่างไม่เจียมตน

ตัวนชำเลืองมองชายหนุ่มผู้ทำลายแผนการของเขา ด้วยความขุ่นเคืองใจ

ทว่าชายหนุ่มยังคงทำเหมือนกับไม่รู้ว่าตนเองได้สร้าง ความพอใจแก่ชายชรา

‘หึ ๆ ขอให้เจ้ามีความสุขกับการคาดเดา รอยยิ้มอย่าง สุขใจปรากฏบนใบหน้าอันแสนธรรมดา แต่ทว่าเพียงริม ฝีปากของชายหนุ่มคลี่ออก กลับเพิ่มความน่ามองขึ้นมาอีก หลายเท่านัก

ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโปรยปรายหนักขึ้นเรื่อย ๆ ชาย หนุ่มยังคงก้าวเดินตามชายชราไปยังรถม้า เหมือนกับว่า เวลานี้ เขาไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของใครอีกหลายคน
“มิคิดว่าเจ้าจะแสดงละครเช่นนี้ก็เป็นด้วย หรูอี้”

หนึ่งในผู้ติดตามเอ่ยขึ้นโดยหันไปส่งยิ้มกว้างให้หญิงสาว เขาชื่นชมไหวพริบของนางไม่น้อย ที่พลิกเรื่องราวให้กลับ ไปอีกด้านหนึ่งได้อย่างแนบเนียน

“มันคือสิ่งที่พวกท่านคาดการณ์เอาไว้อยู่ก่อนแล้วมิใช่ หรืออย่างไร ข้าก็เพียงเสริมแต่งเข้าไปเล็กน้อย ท่านหญิง กำชับนักหนาว่าให้ระวังมากหน่อยกับคนที่เราต้องไปส่ง เห็นว่าข้ามค่อยฉลาดเท่าใดนัก แต่ข้าก็มิได้ขลาดเขลาจน เกินไปเสียหน่อย

หญิงสาวเอ่ยเสียงกระเป๋ากระงอดกับบรรดาชายหนุ่มที่ พากันนั่งขำกับอาการที่ยากจะได้เห็นจากคนเช่นหรูอี้ นาง เสมือนน้องสาวตัวน้อยเวลาที่อยู่กับพวกเขา เสียงพูดคุย ปนเสียงหัวเราะที่ดังมากกว่าปกติ คนภายนอกยากที่จะ ได้ยินเมื่ออยู่ท่ามกลางสายฝนเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่จำเป็น ต้อง

เสแสร้งเล่นละครใด ๆ อีก

ทางด้านต้วนลี่ เวลานี้กำลังพยายามปรับอาการให้เป็น ปกติ แม้อยากจะลงมือต่อชายหนุ่มที่กำลังเดินตามมาอยู่มากก็ตามที เขาต้องรอเวลาอีกสักหน่อย หากกระทำ การใด ๆ ในตอนนี้อาจทำให้ทุกอย่างพังลงได้

“เจ้าคิดสิ่งใดอยู่ เจี่ยเต๋า เจ้าอย่าได้วาดหวังสิ่งที่เกินตัว ให้มากนัก”

“ทุกคนย่อมต้องมีความหวังเสมอท่านลุง มิเว้นแม้แต่ท่าน ลุงเองก็มีความตั้งใจบางอย่างอยู่เช่นกันมิใช่ขอรับ แล้ว ไยตัวข้าจะคิดบ้างไม่ได้เล่า

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร

“ไม่มีอันใดขอรับ ข้าเป็นเพียงชาวบ้านไร้การศึกษา ย่อมม รู้จักสิ่งใดมากไปกว่าการที่ตัวข้าคิดเช่นไรก็พูดออกมาเช่น นั้นขอรับ”

“เช่นนั้น เจ้าก็จงจำไว้ให้ดีว่าอย่าพูดมากไป ควรสงบคำ เอาไว้บ้างก็ดี อีกเรื่องก็คืออย่าริหมายกินเนื้อหงส์”

“เนื้อหงส์มันมีรสชาติเช่นใดกัน ถึงคิดว่ามันจะอร่อยจนตัว ข้าต้องปรารถนาไขว้คว้ามาไว้ในมือเล่าขอรับท่านลุง
“เจ้า…. คนชั้น มิรู้จักอันใดควรมิควร กล้ามายอกย้อน ข้า น่าเสียดายที่เจ้าจะหมดโอกาสใช้ชีวิตในวัยหนุ่มให้คุ้ม

การสนทนาหยุดลงเมื่อทั้งคู่มาถึงรถม้า ต้วนก้าวไปยืน อยู่หน้าประตูรถม้า แต่กลับมิได้ส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ด้าน ในแม้แต่คำเดียว จากชายชราหลังโค้งงอ ทว่าบัดนี้กลับยืด ตัวตรง มือของชายสูงวัยคว้าจับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ท้องรถ ม้า

“ถึงข้าจะเป็นเพียงชาวบ้านโง่งม แต่ข้าก็รู้ดีว่าไม่ควร ทำร้ายผู้สูงวัยกว่าหากมิจำเป็น

น้ำเสียงกดต่ำจากเบื้องหลังทำให้ต้วนนิ่งงันไปเล็กน้อย เขาคงปล่อยให้เจี่ยเต๋ามาขัดขวางภารกิจในวันนี้ไม่ได้เป็น อันขาด คราแรกก็หวังจะให้ผู้อื่นลงมือจัดการทุกคนใน คณะเสีย แต่ไม่คิดว่าผู้เป็นนายจะทำในสิ่งคาดไม่ถึงขึ้นมา ก่อน

สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม เขามรู้สึกแปลกใจ แม้แต่น้อย แค่ตลอดการดินทาง เขาทำเพียงเฝ้ารอเวลา เท่านั้น
“เจ้าทำให้ข้าไม่มีทางเลือก”

“ก็มจําเป็นต้องมอบทางเลือกนั้นแก่ข้า

พิบ!

ร่างสูงของชายหนุ่มกระโดดถอยหลังอย่างแผ่วเบา เสมือนการถูกจู่โจมอย่างกะทันหันจากตัวนสี่เป็นสิ่งที่เขา คาดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

ตัวนไม่คิดรอช้า เขารีบพุ่งเข้าหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ความสงสัยที่มีมาตลอดการเดินทาง ดูเหมือนจะปรากฏแก่ สายตาเขาแล้วในตอนนี้ นับตั้งแต่มีชายหนุ่มชาวบ้านขอ ร่วมเดินทางมาด้วยหลายคน แม้ทุกคนจะไม่มีสิ่งใดโดด เด่น ทว่าก็สร้างความแคลงใจให้แก่เขาและผู้เป็นนายมา ตลอด

จนในที่สุด เขาก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า หนึ่งในชาวบ้าน เป็น คนที่เขาต้องลงมือกำจัดด้วยตนเองเสียแล้ว

ภายใต้สายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างมิขาดสาย จากชาย ชาวบ้านธรรมดาในคราแรก บัดนี้ ร่างกายกำยำได้เผยให้ เห็นเมื่อถูกสายฝนกระทบร่างจนเปียกโชก เชือกที่ผูกรั้งชุดถูกคลายออกอย่างอ้อยอิ่ง เหมือนเขามิได้เร่ง รีบกับการรับมือตัวนลี่เลยสักนิดเดียว เจี่ยเต๋าทำเพียงคอย หลบหลีกเท่านั้นเองโดยยังไม่คิดที่จะตอบโต้อีกฝ่าย

“เจ้าคิดจะดูถูกขาเช่นนั้น หึ ๆ เด็กแรกเกิดเช่นเจ้าอย่า หมายจะตีเสมอข้าจะดีกว่า”

“ฮา ๆ ท่านลุง ยังดีที่ข้าเป็นเพียงเด็กแรกเกิด ยังมีโอกาส เติบโต ทว่าช่างต่างกับท่านนัก ที่ใกล้ลงหลุมในเร็ววันแต่มิ เจียมสังขาร”

“ปากกล้านัก ตายซะเถอะ

“ข้าพร้อมส่งท่านลุงลงหลุมแล้วเช่นกัน หึๆ”

ขวับ!

เสียงเชือกแหวกสายฝนเข้าปะทะร่างของตัวน

“อีก!”
ร่างสูงของต้วนลี่ที่ดูจะแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนเห็นถึงกับ เซถอยหลังไปไกลหลายก้าว ทั้งที่เขาถูกเพียงปลายเชือก เท่านั้นแท้ๆ

“ไยถึงมีพลังมหาศาลได้ถึงเพียงนี้กัน

ตัวนลี่ทำได้เพียงเก็บงำความคิดเอาไว้ในใจ เขาผ่านการ สังหารผู้คนมามีน้อย ฝีมือของเจี่ยเต๋ามิได้ทำให้เขากลาย เป็นผู้พ่ายได้แน่นอน

การต่อสู้ท่ามกลางสายฝนเป็นไปอย่างดุเดือด ทว่ากลับ มิได้ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังเข้าสู่ห้วงการหลับใหลอย่างอื่ เหมยรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด แต่มันกลับเป็นการ หลับใหลที่ดูจะมีความสุขมากกว่าทุก ๆ คืนตลอดการเดิน ทางที่ผ่านมาเสียอีก

รอยยิ้มละมุนคลื่ออกเบาๆ ก่อนร่างงามจะขยับตัวให้ สบายที่สุดภายใต้ผ้าห่ม เพื่อการนอนที่รอเวลาตื่นขึ้นมา พบกับความสําเร็จในตอนเช้า

หวังว่าพวกนั้นจะทำให้ท่านเยวคังสยบแก่ข้าได้สำเร็จ ห ๆ ต่อให้ท่านเป็นเพียงบุรุษพิการ แต่หากท่านเป็นของข้า แต่ผู้เดียว เรื่องแค่นั้น ข้า
อี้เหมยมถือสา

ด้านที่พักของหรูอี้และผู้ติดตาม

เคล้ง!

กระบี่ยาวถูกยกขึ้นกันการจู่โจมได้ทันก่อนจะถึงตัว พร้อม การโต้กลับอย่างรวดเร็วของคนที่ถูกจู่โจม ส่วนคนที่เหลือ ต่างคว้าอาวุธข้างกายลุกขึ้น ฝ่าสายฝนออกไปประจันหน้า กับผู้บุกรุกยามค่ำคืน ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว

หรูอี้ยืนนิ่งไร้ความตื่นตกใจ กระบี่คู่กายยังคงอยู่ในฝัก นางกำลังประเมินคู่ต่อสู้ที่กำลังประมืออยู่กับบรรดาผู้ ติดตาม

เคล้ง!

หรูอี้ไม่ขยับกายแม้แต่น้อยเมื่อถูกจู่โจมจากทางด้านหลัง หญิงสาวยกกระบี่ที่ยังคงอยู่ในฝักขึ้นรับมือ ก่อนที่ร่างงาม จะหมุนกายกลับไปเผชิญหน้ากับคนร้ายด้วยสายตาอัน เยือกเย็น
“คิดสังหารคนจากด้านหลัง ช่างต่ำช้าเกินไปแล้ว เห็นที ข้าคงให้อภัยเจ้าไม่ได้แล้วจริง ๆ”

“ปากดี!”

“และงดงามอีกด้วย หึๆ”

หรูอี้ต่อคำพูดของชายชุดดำ ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู ทว่า การโจมตีโต้กลับของหญิงสาวกลับแตกต่างจากรอยยิ้มยิ่ง นัก แต่สิ่งที่สร้างความขุ่นเคืองให้แก่ชายชุดดำก็คือ หญิง สาวไม่แม้แต่จะชักกระบี่ออกจากฝัก เสมือนการหยามเขา อย่างตั้งใจ

“ชักกระบี่ออกมา

ใช้ความสามารถของเจ้าลองดูสิ ว่าจะทำให้ข้าชักกระบี่ ออกมาได้ ไม่ คนมีคู่ควร ข้าก็มจำเป็นต้องให้ค่าแก่มัน เจ้า ว่าจริงไหม”

“อ๊ากกก! อย่าอยู่เลย สตรีน่ารังเกียจ”

เมื่อถูกหมิ่นเกียรติด้วยคำพูดของสตรี ทำให้ชายชุดดำถึง กับสติขาดสะบั้นในทันที ทุกกระบวนท่าว่องไวประดุจสายลม ทว่า หญิงสาวเองก็ใช่จะน้อยหน้า ทุก ท่วงท่ากลมกลืนไปกับสายฝนที่โปรยปราย

หรูอี้มิได้ประมาทคู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่เพราะฝึกกระบี่ ของนาง ถูกสร้างขึ้นมาด้วยรูปแบบอันพิเศษ ต่อให้นางมิ ดึงกระบี่ออกมาก็สามารถต้านทานศัตรูได้เป็นอย่างดี ฝัก กระบี่นี้ นางซ่อนมันภายใต้คราบอันไร้ความงดงามมานาน จนถึงวันนี้ที่มันถูกเปิดเผยออกสู่สายตาผู้คน

เมื่อมินานมานี้ ผู้เป็นนายของนางก็เคยเอ่ยถึงกระบี่เล่มนี้ อยู่เช่นกัน เมื่อนึกตามคำพูดของผู้เป็นนายแล้ว นางมิควร ปิดกั้นสิ่งใดอีกต่อไปจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

“หลู่อี้”

“เจ้าค่ะ”

“กระบี่นั่น จะซ่อนมันไว้อีกนานไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าคือน้องสาวขององค์ชาย ข้ามั่นใจว่าเขามอบมันไว้ให้ เจ้า เพื่อใช้มันปกป้องตัวข้าและรวมถึงเจ้าด้วย อย่าซ่อน ความสวยงามและคุณค่าของมันเอาไว้ภายใต้ความเศร้าของเจ้า เพียงรอยยิ้มเดียวของเจ้า หรูอี้ พี่ชาย ข้าจะต้องมีความสุขมากกว่าการที่เจ้าแอบซ่อนเอาไว้อยู่ เช่นนี้

“เจ้าค่ะ หรูอี้ทราบแล้ว

และในวันนี้ นางจะใช้มันเป็นครั้งแรก เพื่อปกป้องตัวนาง เอง ตามความต้องการของเขาผู้นั้น องค์ชายไม่คัง ผู้เป็น หนึ่งเดียวในใจของนางเสมอมา นางจะใช้กระบี่ ตามความ ตั้งใจของเขามิให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

“ข้าจะทําให้ท่านผิดหวัง องค์ชาย

“อ๊ะ!”

อาการเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นบนกายของชายชุดดำ ทําให้เขา เผลอก้มลงมองยังตำแหน่งนั้น โดยมิพลั้งเผลอเปิดช่อง ว่างให้แก่หญิงสาว บัดนี้มีเพียงความมืดและสายฝนเท่านั้น การมองเห็นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการต่อสู้

เพราะการปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้หนังสัตว์ที่กางป้องกันสายฝนได้ถูกอาวุธทำลายจนหมดสิ้นแล้ว เมื่อ ไฟมอดดับ การต่อสู้จึงต้องอาศัยเพียงประสาทสัมผัส กระพรวนผูกข้อมือถูกนำออกมาพันที่ข้อมือกันอย่าง รวดเร็ว เพื่อให้แยกฝ่ายของตนเองกับกลุ่มผู้ลอบโจมตี ศัตรูมากด้วยเล่ห์ พวกนางจำต้องมากด้วยกลเช่นกัน ผิด พลาดน้อยที่สุดจึงจะเป็นการดีในสนามรบ

ถึงแม้จะมีเสียงกระพรวนดังขึ้นเป็นระยะ ทว่าก็เกือบจะ เกิดการผิดพลาดอยู่หลายหน ด้วยฝนที่เทลงมาประดุจ สวรรค์พิโรธ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีฝีมือสูงส่งมิแพ้กัน อุปสรรคคือสายฝน ซึ่งต่างจากความมืดที่ไม่ว่าจะเป็นนัก ฆ่าหรือยอดฝีมือก็สามารถมองเห็นได้โดยง่าย

เสียงอาวุธกระทบกระแทกกันถูกกลบไปด้วยสายฝน ทว่า การต่อสู้ก็ไม่สามารถที่จะยอมล่าถอยต่อกันได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ