ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนั

บทที่2



บทที่2

บริเวณน้ำตก

ซ่า!

เสียงน้ำตกไหลกระทบโขดหิน ร่างสูงยืนนิ่งอยู่กับที่ หลัง จากได้นำคบไฟปักไว้ยังพื้นดินห่างไปไกลนัก การรอ คอยของโม่ดังดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อมีเสียงของ การเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง

รอยยิ้มมุมปากค่อย ๆ คลี่ออกทีละน้อย ฝนก็ใกล้จะตก นักฆ่า หมายเอาชีวิตก็ดูเหมือนจะมิยอมเลิกรา เขายังไม่ อยากรีบร้อนแหวกหญ้าให้งูตัวอ้วนตื่นจากการจําศีล เขา ต้องการเลี้ยงมันไปจนกว่าจะถึงที่หมาย ฉะนั้น บรรดา เหลือบไรพวกนี้ เขาจําต้องกำจัดออกไปให้หมดเสียก่อน

“ใจกล้ายิ่งนักคุณชาย สมกับเป็นที่วางใจของคนสกุลโม่ กล้าที่จะออกมาเพียงลำพัง หึ ๆ

“ข้าแค่ออกมาสูดอากาศยามดึกเท่านั้น อ๊ะ! ว่าแต่พวก ท่านเล่าเป็นใครกันถึงมาพบข้ายามวิกาลเช่นนี้ หากจะปล้น ตัวข้า ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะข้ามิได้พกสิ่งของมีค่าติดตัวมาเลย จะมีก็แต่เพียง…เอ่อ…สิ่งสำคัญที่ ติดกายข้ามาแต่กำเนิดเท่านั้น แน่นอน สำหรับบุรุษทุกคน แล้วมันมีค่ายิ่งนัก”

โม่คังหันหน้ากับไปยังทิศทางของเสียง พร้อมทั้งแสร้ง ถามอีกฝ่ายออกไปด้วยน้าเสียงติดตลก แต่ทว่ากลับไม่ได้ รับเสียงหัวเราะหรือปฏิกิริยาใด ๆ จากคนในเงามืด

ข้าคิดไปเองใช่หรือไม่ ว่ามันไม่ตลกเอาเสียเลย

“อย่ามามัวเล่นลิ้นให้เสียเวลาเลยคุณชายเยว่ ข้ามสนว่า เจ้าจะเป็นใคร และสิ่งล้ำค่าอันใดที่เจ้าหวงแหนนั่นด้วย เพราะมันไม่ได้จําเป็นต่อภารกิจของพวกข้า ซึ่งข้าไม่ชอบ ที่จะต้องมาเสียเวลาพูดคุยให้มากความกับคนเช่นเจ้า

“แล้วที่อ้าปากพ่นลมอยู่นี่…เขามเรียกว่าพูดคุย ข้าเอง ก็สงสัยอยู่ว่า คนเช่นข้ามันเป็นอย่างไร นี่! ข้าก็ไม่ค่อยรู้ ด้วยสิว่าตัวข้าเป็นเช่นไร

โม่คังยังคงเอ่ยยั่วเย้าแขกผู้มาเยือนอย่างรื่นเริง ในเมื่อ อีกฝ่ายทําให้เขาเสียเวลารอ เขาก็จะเมตตาให้พวกมันมีลมหายใจต่ออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

“จะ…เจ้า ช่างมิรู้จักอะไรเอาเสียเลย กำลังจะตายยังจะ มายอกย้อนข้าอยู่อีก

ชายชุดดำมิรู้จะสรรหาคำใดมากล่าวกับชายหนุ่มตรงหน้า ดี ด้วยทุกคำนั้นนอกจากจะยอกย้อนแล้วยังแอบแฝงไป ด้วยคํายั่วยุ

“แล้วอย่างไร ก็ข้าพอใจจะพูด หากเจ้ามิพอใจ อยากกลับ เมืองหลวงถวายฎีกาต่อฮ่องเต้เลยก็ย่อมได้ ว่าพ่อค้าบ้าน นอกเช่นข้าปากดีกับนักฆ่าสวะของแผ่นดินเช่นเจ้า

โม่คังไม่ได้สนใจคนที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมา นอกจากส่ง เสียงโต้ตอบกับเขาเท่านั้น ชายหนุ่มยกถุงหอมของหรูอี้ขึ้น มาสูดดมด้วยพึงพอใจ

เคล้ง!

เสียงดาบกระทบกันจนเกิดประกายไฟแปลบปลาบออกมา เมื่อถูกจู่โจมจากด้านข้าง
“อย่าทําตัวเยี่ยงสุนัขต่อหน้าข้า”

โม่คังเอ่ยออกมาทั้งที่ใบหน้ายังคงก้มมองของที่อยู่ใน มืออีกข้าง ส่วนข้างที่ถือดาบอยู่ตรงไปยังคนร้ายที่ลอบ โจมตีโดยหวังมิให้เขาได้ทันตั้งตัว

ชายในชุดด่าถึงกับผงะถอยหลัง ด้วยเขาไม่คิดว่าอีกฝ่าย จะรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้

มิธรรมดาจริง ๆ สมกับเป็นคนของสกุลโม่

จากชายชุดดำหนึ่งคนบัดนี้ กลับเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน ไม่คังถอนหายใจเล็กน้อย ในเมื่อเวลานี้ด้านหน้าคือศัตรู ด้านหลังคือน้ำตก ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือ มิอาจถอย และที่สำคัญไปกว่านั้น คือตัวเขากำลังถูกเอาเปรียบจาก ศัตรูในเรื่องจํานวนคน

หากสงครามครั้งนี้เขารอดไปได้ เขาจะพาหรูอี้ไปอยู่บน เขา ใช้ชีวิตท่ามกลางความเงียบสงบห่างไกลวังหลวง เมื่อ มีลูก เขาจะมิยอมให้มาใกล้อำนาจแห่งการนองเลือดแบบ นี้เป็นอันขาด

หวังว่าข้าจะทำได้อย่างที่คิดนะ เฮ้อ!
ไม่มีคำพูดใด ๆ อีกจากทั้งสองฝ่าย ทว่าต่างพุ่งเข้าปะทะ กันอย่างรวดเร็ว ไม่คังรู้ตัวดีว่าเขากำลังตกเป็นรอง แต่จะ ให้ดึงคนพวกนี้เข้าไปในคณะเดินทางนั้น มันไม่เคยมีในหัว สมองของเขาเลยแม้แต่น้อย

โม่คังถอยร่นไปอีกฟากของที่พักเพื่อนำพาศัตรูไปยังทุ่ง หญ้ากว้างแทน หากต่อสู้ในที่แคบจะเป็นการเพิ่มความเสีย เปรียบให้แก่ตัวเขาเองมากยิ่งขึ้น

ดูเหมือนการต่อสู้จะไม่จบลงง่าย ๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ในครา າ แรก เสียงอาวุธปะทะกันดังสนั่นไปทั่วทุ่งหญ้า ร่างของคน ทั้งกลุ่มมองเห็นเพียงเงาเลือนราง ทว่า ชายหนุ่มผู้มาใหม่ ทั้งสามคนกลับมองออกได้โดยง่ายว่าผู้ใดคือคนที่พวกเขา ตามหา

ณ ลานพัก

ผู้ติดตามทั้งหมดต่างพากันมารวมตัวอยู่ข้างกองไฟ ซึ่ง ได้รับการป้องกันจากหนังวัวผืนใหญ่ที่กางป้องกันฝนเอา ไว้เป็นอย่างดี

เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบางเบา ทำให้คนที่พากันหลับ ใหลพลันตื่นขึ้นมา มิเว้นแม้แต่อี้เหมยที่คลี่ม่านรถม้าออกมามองยังด้านนอก โดยเป้าหมายของสายตาคือห อี้ ซึ่งบัดนี้ไร้เงาของเยว่ งเคียงกาย ก่อนที่

เหมยจะดึงสายตากลับมายังตัวนที่เงยหน้ามองนางอยู่ ก่อนแล้ว

“อย่าให้พลาด ขาเกลียดความผิดพลาดเป็นที่สุด”

มือบางปล่อยจากม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะเอนกายลง นอนด้วยความสบายใจ

ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้ต้องมีคนอยู่และตาย คำสั่งที่ได้รับมา จากบิดานั้น แม้ว่านางจะมเต็มใจเท่าใดนักในตอนนี้ ด้วย ความเสน่หาในตัวของเยวคัง ทำให้ยากที่จะทำใจกำจัด ชายหนุ่มได้ แต่ด้วยเหตุใดกันที่ทำให้นางมั่นใจว่า อย่างไร เสีย คืนนี้ ชายหนุ่มต้องปลอดภัย แต่กับหญิงสาวอีกคน มัน คือจุดจบ

‘สิ่งใดที่คนอย่างขาปรารถนา ไม่ว่าจะยากเพียงใด หรือ ต้องปลิดชีพผู้ใด ข้าก็พร้อมที่จะลงมือ

ต้วนลี่เดินตรงไปยังกลุ่มของชายหนุ่มหลายคนที่นั่ง ล้อมวงกันอยู่รายล้อมตัวหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว เขายังคิดไม่ออกกับเรื่องที่ต้องกระทำเลยสักนิดเดียว ยิ่งการ โจมตีใกล้จะเกิดขึ้น เขาจะนําตัวเองมาอยู่ตรงนี้นานก็มิอาจ ทำได้

ชายสูงวัยเดินเลียบเคียงไปใกล้ฝั่งที่หวู่อี้นั่งอยู่ให้มาก ที่สุดเพื่อดำเนินตามแผนที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้เมื่อครู่นี้

“คุณหนู พอดีหลานสาวของขาเกิดจับไข้ขึ้นมา คุณหนูพอ มียาสักหน่อยหรือไม่ขอรับ เอ่อ…หากคุณหนูจะเมตตาตาม ข้าน้อยไปตรวจดูอาการของนางแทนขาสักนิดจะยิ่งเป็น พระคุณยิ่งนักขอรับ ตัวข้าเป็นชายจะแตะเนื้อต้องตัวนาง มากไป มันก็มสมควร ในคณะเดินทางก็มีเพียงคุณหนู เท่านั้นที่เป็นสตรีเช่นเดียวกับนาง”

“นายหญิงของข้าเป็นหมอไรกัน ท่านลง

หนึ่งในผู้ติดตามเอ่ยขึ้น ขณะที่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ นั่งอยู่กำลังจะขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปดูหลานสาวของชาย สูงวัย ทว่า จำต้องนิ่งเสียเมื่อคนของเยวคังเอ่ยขึ้นมาเพื่อ เป็นการย้ำเตือนว่านางกำลังจะทำนอกเหนือคำสั่งของผู้นำ คณะ

“ท่านลง พี่อี้เหมยไม่สบาย ข้าพอมียาติดตัวมาบ้างสักครู่นะ

เจ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะหาให้

หรูอี้จึงเปลี่ยนเป็นล้วงเข้าไปในห่อผ้า ก่อนจะนำขวดยา ขนาดเล็กออกมาส่งมอบแก่ชายชราแทน สายตาดุดันของ ผู้คุ้มกันทั้งหมดต่างพากันชำเลืองมองร่างที่ยืนค้อมหัวอยู่ มิไกล

“เอ่อ…ขอบคุณขอรับคุณหนู แต่ข้าเกรงว่าหากนางมีไข้สูง ข้าจะไม่สะดวกดูแลนางน่ะขอรับ”

“เอ่อ…คือว่า ใช่ข้าจะแล้งน้ำใจนะเจ้าคะท่านลุง แต่ว่า….

“ท่านเยว่คังมิอนุญาตให้นายหญิงออกจากตรงนี้ เข้าใจ ชัดไหมท่านลุงอ้วน ข้าว่าท่านลุงควรรีบเอายาไปให้หลาน สาวจะดีกว่า หากชักช้าไปข้าเกรงว่านางอาจอาการหนัก กว่านี้”

ความหวังของต้วนลี่เสมือนกองไฟที่ถูกน้ำสาดจนมอดดับ การลวงเอาตัวหรูอี้มิใช่เรื่องที่ง่ายเลย แม้หญิงสาวจะดูใส ชื่อ ทว่ากลับเชื่อฟังคำสั่งของคนเช่นเยวดังจนเกินไป

“อ้อ….ท่านลุงขามีอีกเรื่องที่จะแนะนำ ท่านควรอบรม หลานสาวของท่านบ้างก็จะดีนะ การที่ทำให้คนอื่นเดือด ร้อนไปด้วยเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควร ดึกดื่นเที่ยงคืน เที่ยว แหวกว่ายเล่นน้ำอยู่กลางลำธาร ย่อมเกิดการเจ็บป่วยเป็น ธรรมดา หากวันหน้า นางยังทำอีกก็อย่าหาว่าพวกข้ามิ เกรงใจ ว่าแต่ท่านเป็นลุงของนางจริง ไยมิรู้จักห้ามปราม นางบ้าง”

ทุกถ้อยคำของชายหนุ่ม ทำให้ร่างของชายชราสั่นเทิ้มไป ทั้งกาย เขาเสมือนถูกตบหน้าหลอกถามความจริงอย่างไร มิรู้ ชายหนุ่มพวกนี้นอกจากจะฝีมือร้ายกาจ ทว่าฝีปากก็ ช่างบาดลึกได้มิแพ้กันเลยทีเดียว ต่อให้เก่งปานใด คืน นี้ เขาก็จำต้องไว้อาลัยให้ชนรุ่นหลังกลุ่มนี้อยู่ดี เพราะ ถ้อยคำเช่นนี้จะได้หลุดออกจากปากของชายหนุ่มเหล่านี้ เป็นคืนสุดท้ายแล้วนั่นเอง

“ข้าต้องขออภัยแทนอี้เหมยด้วยขอรับ ที่ทำตัวมิเหมาะ สมเช่นนี้ อ้อ! ประเดี๋ยวข้าเติมพื้นให้นะขอรับ

มิพูดเปล่า ต้วนลี่ขยับกายย่อลงข้างกองไฟ ก่อนจะคว้า ท่อนฟืนที่วางรวมกันอยู่มิไกลสุมเข้าไปในกองไฟหลาย ท่อน เป็นจังหวะเดียวกับที่
หรูอี้มาหยุดยืนอยู่ไม่ห่างร่างงอมของตัวน

“ท่านลุง ประเดี๋ยวข้าจะตามท่านไปดูอาการป่วยของพี่ อี้เหมยก็แล้วกัน อย่างไรเสีย นางก็เป็นคนร่วมทาง ข้าจะ อธิบายเรื่องนี้กับท่านเยวคังเอง”

ตัวนลี่เองก็รู้สึกแปลกใจมน้อย อยู่ ๆ ทำไมหญิงสาวจึงได้ เปลี่ยนใจกะทันหัน ทั้ง ๆ ในคราแรก นางดูจะเกรงกลัวต่อ คำสั่งของผู้นำคณะนี้ยิ่งนัก ต้วนลอบยิ้มอยู่ภายในใจ มิว่า ด้วยเหตุผลใดต่างก็ส่งผลดีต่อสิ่งที่เขาต้องการอยู่นั่นเอง

“ขอบพระคุณขอรับคุณหนู เช่นนั้น เรารีบกันเถอะนะ ขอรับ”

“ช้าก่อน นายหญิงให้ข้าไปแทนเถอะนะขอรับ ฝนกำลัง ลงเม็ดเช่นนี้ ต่อให้มิแรงมากนัก ทว่าอาจทำให้นายหญิง ล้มป่วยลงได้ ข้าเป็นชาวไร่ชาวนาที่ผ่านแดดฝนมามาก ร่างกายข้ามเป็นอันใดง่าย ๆ แน่นอนขอรับ”

ชายหนุ่มที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาซึ่งขอติดตามคณะ เข้าสู่เมืองหลวงด้วย ได้ก้าวเข้ามาขวางทางคนทั้งคู่เอาไว้ ก่อนที่หรูอี้และต้วนลี่จะก้าวออกจากที่พัก
“เรื่องนั้น ข้าไม่เถียงท่านหรอกนะ แต่พี่อี้เหมยเป็นสตรี จะให้บุรุษที่มิใช่สามีเข้าไปพบนาง มันดูจะเหมาะเอาได้ หญิงสาวแย้งชายหนุ่มขึ้นอย่างมีเหตุผล

“เรื่องนั้น ข้าทราบดีขอรับ แต่ท่านลุงต้วนก็อยู่ด้วยทั้งคน อีกอย่าง ข้ามีความสามารถในการตรวจชีพจรอยู่มากที เดียว เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะนะขอรับ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ