บทที่ 7 ลงโทษสถานหนักไม่มีการผ่อนปรน
ลงโทษสถานหนักไม่มีการผ่อนปรน
ฉีเทียนเจิ้งตาสองคนนั้นเปิงไปรอบหนึ่ง สุดท้ายก็เคาะนิ้วเป็น จังหวะแล้วพูดว่า “มองหาพระแสงอะไร ยังไม่ปล่อยตัวอีก!
ในที่สุดเหล่าหวางกับเสี่ยวจางก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง มิน่าล่ะ ตอนแรกไม่ว่าอย่างไรเจ้าหนุ่มนี่ก็จะโทรศัพท์ให้ได้ เห็นได้ชัดว่า เขามีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่!
จบกัน ครั้งนี้จ้าวเทียนเหลยเตะออกไปสุดแรง สุดท้ายกลับเตะ ไปโดนบนแผ่นเหล็ก
ทันใดนั้นเหล่าหวางก็มีสีหน้าอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา เดิน มาถึงข้างกายของจางผิงแล้วพูดเสียงต่ำว่า “เอ่อ…. คุณชายจาง ก่อนหน้านี้เป็นการเข้าใจผิด ท่านเป็นผู้ใหญ่มีน้ำใจกว้างขวาง โปรดให้อภัยพวกเราที่ดูหมิ่นผู้ที่ด้อยกว่าด้วยเถอะ
“ไป?”
จางผิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ มองดูเหล่าหวางที่อยู่ตรงหน้า บนใบหน้าฉาบด้วยอาการเสียดสี ไม่ใช่ว่าจะให้ผมกินข้าวใน คุกเหรอ?”
“มิกล้า มิกล้า ผิดต่อคุณชายจางแล้ว ผมมันคนเลวพูดอะไรดีๆ ไม่ได้…”
เหล่าหวางกลัดกลุ้มในใจ อยากจะตบปากตัวเองสักหลาย ๆ ที ถ้ารู้แต่แรกว่าหมอนี่มีฐานะน่าหวาดกลัวขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ใช้อำนาจคุกคามแบบก่อนหน้านี้เด็ดขาด ตอนนี้อาจ จะมีผลกระทบส่งมาถึงเขาก็เป็นได้
“อ๋อ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง เช่นนั้นก็ดี พวกนายไม่มีเรื่องอะไร แล้ว แต่ผมยังมีธุระที่นี่!!
จางผิงชี้ไปที่จ้าวเทียนเหลยที่ยังนอนสลบไสลไม่ฟื้นอยู่บนพื้น แล้วพูดว่า “คนคนนี้ก่อนหน้านี้จะลงมือกับผม แถมยังปา โทรศัพท์ผมอีก เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรดี?”
“นี่… ฉีเทียนเจิ้งยิ้มเจื่อนทันที
จ้าวหยวนซานร้อง ‘เฮอะ เสียงเย็นออกมาเสียงหนึ่ง ถามด้วย เสียงตำหนิฉีเทียนเจิ้งว่า “ผู้บัญชาการฉี พวกคุณจัดการเรื่องกัน แบบนี้หรือ?”
ดวงตาของฉีเทียนเจิ้งแทบจะพ่นไฟออกมาได้ คว้าคอเสื้อของ เหล่าหวางแล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “ที่คุณชายจางพูดมามันจริง หรือ?”
“ผม…ผม…”
เหล่าหวางจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ แล้ว ถ้าจะเอาเรื่องก็ต้องไป เอาเรื่องกับจ้าวเทียนเหลยสิ เรื่องนี้แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร กับเขาเลย
ตอนนี้เสี่ยวจางมีปฏิกิริยาตอบสนอง พูดแก้ตัวว่า “ไม่เป็นธรรมเลย ผู้บัญชาการ ที่เหล่าหว่างมีเสียงบันทึกอยู่ ไม่เชื่อท่านก็ ลองฟังดูได้”
“อย่างนั้นเหรอ? ยังไม่เอาออกมาอีก?”
ฉีเทียนเจิ้งลอบถอนหายใจออกมาในใจ ถ้าหากเป็นแบบนี้ จริง ๆ ละก็ ก็ยังอธิบายได้ง่ายขึ้นหน่อย ขอเพียงฝั่งของตัวเองทำ อย่างสมเหตุสมผล ขอโทษคุณชายจางดี ๆ ก็จบแล้ว เรื่องจะได้ ไม่ลุกลาม เรื่องก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น
“ยังรีรออะไรอยู่! รีบเอาออกมา!”
ฉีเทียนเจิ้งเอ่ยปากเร่งรัด
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เหล่าหวางรู้ว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมา เปิดเสียงบันทึกเปิด ให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุฟัง
“เหอะ ๆ ไอ้หนุ่ม รออีกสักพักจะให้แกได้รู้ว่าอะไรเรียกว่ามี ชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย…”
“ฉันจะบอกแกให้นะ ต่อให้ตอนนี้แกจะยอมรับไปก็ไม่มี ประโยชน์!”
“แกรู้แล้วใช่ไหม? นี่ก็คือหลักฐาน ถ้าไม่อย่างนั้นละก็…
ใบหน้าของเหล่าหวางซีดไร้สีเลือด เดิมทีเสียงบันทึกนี้จะอยู่ ในมือของพวกเขาเท่านั้น อยากตัดต่ออย่างไรก็ย่อมได้ ดังนั้น เขาจึงบันทึกเสียงไว้ตลอด แม้แต่คำพูดของตนก็ยังถูกบันทึกไว้ อย่างชัดเจน ในตอนนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็ล้างได้ไม่สะอาดแล้ว
“ดี! เป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ! นี่มันเรื่องดี ๆ ที่พวกแกทำไง!
ฉีเทียนเจิ้งฟังเสียงบันทึกจนจบ โมโหจนสั่นไปทั้งตัว ครั้นแล้ว นิ้วมือสั่น ๆ ก็ชี้ไปที่เหล่าหวางกับเสี่ยวจาง จ้าวเทียนเหลยที่อยู่ บนพื้นก็ไม่ปล่อยไป
จ้าวหยวนซานไม่เกรงใจเลยสักนิด ยิ้มเย็นและพูดว่า “ผู้ บัญชาการฉี นี่ก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีของคุณ วันนี้ได้เปิดหู เปิดตาจริง ๆ!”
ฉีเทียนเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เดินไปอยู่ตรงหน้าจางฝั่ง อย่างช้า ๆ โค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง กล่าวว่า “คุณชายจาง เรื่องนี้ เป็นความผิดพลาดในการทำงานของผมเอง ขอให้ท่านวางใจ ผมจะจัดการลงโทษสามคนนี้อย่างเด็ดขาด ไม่มีการผ่อนปรน อย่างแน่นอน!”
จางผงพยักหน้า ในเมื่อท่าทีของเขาถูกต้องแล้ว ตนเองก็ไม่ จำเป็นจะต้องกัดไม่ปล่อย เรื่องเล็กเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ จะให้เขาใส่ใจ
“เอาเถอะ ในเมื่อผู้บัญชาการพูดเช่นนี้แล้ว ผมสอบถามไปก็ จะดูเหมือน ใจแคบ ถอยคนละก้าว โทรศัพท์ของผมก็ไม่ต้องให้ พวกคุณชดใช้แล้ว เป็นอย่างไร?”
ฉีเทียนเจิ้งยกมุมปาก อ้าปากไปก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไร ผ่านไป นานถึงจะพออกมาได้แค่คำว่า “ดีครับ”
นอกสถานีตำรวจ จ้าวหยวนซานมีใบหน้ารู้สึกผิดพูดกับจาง ผิงว่า “คุณชาย ขออภัยด้วยครับ ผมมาช้าไป ถ้าไม่อย่างนั้นท่าน ก็จะไม่ต้องมายอมรับความไม่เป็นธรรมพวกนี้
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น”
จางผิงตบบ่าจ้าวหยวนซาน บอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวลใจไป พูดต่อว่า “ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ ผม ยังมีเรื่องบางเรื่องต้องจัดการ
จ้าวหยวนซานพยักหน้าทันที ได้รับความชื่นชมจนรู้สึก ประหลาดใจ จางผิงตบบ่าเขาไม่กี่ที ทำให้เขามีความสุขเหลือ เกิน จนเกือบจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมา นี่มันเป็นเกียรติยศอันยิ่ง ใหญ่ พิสูจน์ได้ว่าคุณชายยอมรับเขาในเบื้องต้นแล้ว
ต่อไปก็มีหวังแล้ว!
หลังจากปฏิเสธคำขอร้องที่จ้าวหยวนซานจะจัดรถไปส่งเขา แล้ว จางผิงก็เรียกแท็กซี่มาหนึ่งคัน รีบเดินทางกลับไปยังโรง พยาบาลตี้อีในทันที
เวลาสั้น ๆ เพียงสองวันกลับเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ดู ๆ แล้วชีวิตที่สงบสุขก่อนหน้านี้เกรงว่ากำลังจะจบลงแล้วสินะ
คิดมาถึงตรงนี้แล้วในใจของจางผิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจิตตก แต่ว่ามีส่วนเสียก็ต้องมีส่วนได้ เทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว อย่าง น้อยตัวเองในตอนนี้ก็สามารถที่จะรับประกันชีวิตที่มีความสุขของยุ่นเอ๋อร์กับหลี่เสว่ได้ล่ะนะ!
“แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ยุ่นเอ๋อร์เป็นยังไงบ้างแล้ว ต่อไปพ่อจะไม่ ให้ลูกได้รับความไม่เป็นธรรมแม้เพียงเล็กน้อย! แน่นอน!!
นึกถึงลูกสาว ในใจของจางผิงก็เจ็บปวด เทียบกับเด็กที่อยู่ใน วัยเดียวกันแล้ว ยุ่นเอ๋อร์ทั้งฉลาดและน่ารักกว่ามาก ถ้าหากไม่มี ลูกสาวที่น่ารักแบบนี้ เกรงว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของ เขากับหลี่เสว่จะต้องแย่กว่านี้แน่ กระทั่งอาจจะอยู่กันไม่รอด จนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม จนป่านนี้แล้วตัวเขาเองยังไม่เคยซื้อตุ๊กตาผ้า ให้กับยุ่นเอ๋อร์แม้แต่ตัวเดียว แม้กระทั่งพาเธอไปเดินห้างสรรพ สินค้า ไปภัตตาคารดี ๆ ได้กินอะไรที่ยุ่นเอ๋อร์ชอบสักครั้งก็ไม่มี…
เรื่องที่เขาติดค้างลูกมีมากมายจริง ๆ ทำให้จางผิงโทษตัวเอง และเป็นเพราะอย่างนี้ เขาจึงเผชิญกับความไม่เข้าใจของหลี่เส การดูถูกของพ่อแม่ของหลี่เสวี เพื่อนที่รายล้อมหักหลังก็ไม่ใส่ใจ สักนิด เพราะเรื่องที่ทำให้เขาเป็นทุกข์ยิ่งกว่านี้ก็คือเขาไม่ได้ทำ หน้าที่พ่อจนถึงที่สุด!
“เชื่อพ่อเถอะนะ มันจะดีขึ้น เรื่องทั้งหมดจะออกมาดี พ่อจะ ทำให้หนูเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนต่างอิจฉา จะซื้อตุ๊กตาผ้า ให้หนูจน นับได้ไม่หวาดไม่ไหว พาหนูไปกินอาหารอร่อยทุกอย่างทุกหน ทุกแห่ง!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ