บทที่ 2 ทั้งหมดก็เพื่อเงิน
ในใจของจางผิงอดที่จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้ พูดต่อไปว่า “ลุง เฉียนครับ ตอนนี้ผมยังไม่สะดวกที่จะบอกกับคุณลุง คุณลุงโอน เงินมาให้ผมสามแสนก่อนนะครับ ผมมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน
“สามแสน?! คุณชายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ?
ลุงเฉียนอึ้งแล้วพูดต่อว่า “เงินแค่นี้เอง? ในเมื่อมีเรื่องต้องใช้ ด่วน สามแสนจะไปพออะไรกัน เดี๋ยวผมโอนไปให้สามล้านเลย! จริงสิ คุณชาย ข้อกำหนดของตระกูลคือท่านจะต้องกลับมารับ มรดกถึงจะสามารถ…
จางผิงฟังความลำบากใจของลุงเฉียนออก เขาถอนหายใจลึก ครั้งหนึ่ง “ผมรู้ครับ ตอนนี้ผมจะกลับไปเซ็นสัญญาให้เลย จริงสิ ครับ เมืองชิงไห่มีสาขาย่อยของบริษัทเราใช่ไหมครับ?”
“มีมีมี! มีแน่นอนครับ! ผมจะออกคำสั่งให้ตอนนี้เลยครับ!”
จางผิงคิดอะไรไปร้อยแปดพันเก้าระหว่างนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ตอนแรกตนได้ละทิ้งการรับช่วงต่อมรดกของตระกูลเพื่อสิ่งที่ เรียกว่าอิสระ อยากจะประสบความสำเร็จด้วยความสามารถของ ตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับหลี่เสว่ แต่ทว่าสังคม วัตถุนิยมนี้ทำให้เขามองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ เรียกว่าความสุขนั้นเป็นฝันที่ไกลเกินจะเอื้อมถึง
แต่ว่าเงิน… คือสิ่งที่เขาไม่ขาดที่สุดพอดีเลย!
“พ่อหนุ่ม ถึงอาคารจินหัวแล้ว ค่ารถสิบหยวน”
คนขับรถหันมามองจางผิงจากด้านหน้าด้วยสีหน้าไม่ค่อย ปกติ จินหัวกรุ๊ปเป็นถึงบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ อยู่ในระดับ ชั้นผู้นำ คนที่ได้ทำงานที่นี่ต้องเป็นคนที่มีความสามารถมาก
แต่ว่าเสื้อผ้าบนตัวของพ่อหนุ่มอัปลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังนี้รวม ๆ กันแล้วน่าจะแค่ไม่กี่ร้อย ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนมีสตางค์ จะ ต้องเป็นพวกที่มาแสวงโชคแน่ ๆ
หลังลงจากรถก็เงยหน้ามองดูสิ่งปลูกสร้างสูง ๆ นี้ จางยิ่งอด ไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ ถึงแม้ว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้เศรษฐกิจของเมือง ชิงไห่พัฒนาได้อย่างนับว่าไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับสาขาย่อยใหญ่ ๆ ของเถิงหลงกรุ๊ปอีกหลายแห่งแล้วยังห่างชั้นกันไกล
“เฮ้ แกทำอะไรน่ะ?! ที่นี่มันใช่ที่ที่แกจะมามองส่งเดชได้เห รอ!?”
ทันใดนั้นเองก็มีชายบึกบึนรูปร่างสูงใหญ่พุ่งเข้ามาหาจางฝั่ง ด้วยความรวดเร็ว เห็นชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความ ปลอดภัยที่รีดเรียบของเขาก็รู้ฐานะของเขาได้ในทันที
สายตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยมองพิจารณาจางผิง ขึ้นลงอย่างไม่เก็บอารมณ์ มุมปากฉาบด้วยอาการเสียดสี ตน เป็นถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยของอาคารจินหัว สายตา ของเขาถูกฝึกมาจนร้ายกาจเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มที่อยู่ตรง หน้าคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือรูปร่างหน้าตาก็ล้วนแต่ เป็นคนธรรมดา ๆ ทั้งนั้น คนแบบนี้จะมามีธุระอะไรที่อาคารจินหัวได้?
จางผิงตกตะลึง ทำไมเขาจะดูสายตาผิดปกติของพนักงาน รักษาความปลอดภัยไม่ออก เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ผมมาทำ ธุระที่นี่ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
“เหอะ ๆ ขี้ครอกอย่างแกไม่แน่ว่าอาจจะมาขโมยของน่ะสิ
ต้องเกี่ยวกับฉันแน่นอน
ใบหน้าของพนักงานรักษาความปลอดภัยเต็มไปด้วยการดูถูก เหยียดหยาม ไม่ปกปิดนิสัยที่แท้จริงใด ๆ อีก กล่าวว่า “ฉันให้ แกสามวิ ไสหัวออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะจับแกโยนออกไป เหมือนหมา”
“ถือดีอย่างไร?!” จางผิงโกรธแล้ว
“แกดูคนพวกนั้นสิ แล้วลองดูตัวแกอีกที ขอทานอย่างแก คุณสมบัติอะไรจะเข้ามาที่นี่?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังเข้าออกอา คารจินหัวอยู่ไม่ไกล ไม่มีเลยสักคนที่จะแต่งกายไม่เรียบร้อย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ของใช้ฟุ่มเฟือยหลากหลายกับเสื้อผ้า แบรนด์เนม รถหรู นาฬิการาคาแพง ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด คน พวกนี้ล้วนแต่เป็นบุคคลอัจฉริยะระดับบนของเมืองชิงไห่
“รีบไสหัวออกไป อย่ารอให้กูต้องลงมือ เดี๋ยวมือจะแปด เปื้อน!” พนักงานรักษาความปลอดภัยแสยะยิ้มพูด
“ความหมายของคุณคือไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็จะไม่ให้ผมเข้าไป
นัยน์ตาของสิ่งประกายวาบผ่าน “ผมจะจ้าวซานขอร้องผมเข้าไป
“ตลกจนจะตาย หนุ่ม หน่อย แค่เห็นชื่อประธานจ้าวในหน้าหนังสือพิมพ์กล้าพูดจา ใหญ่โตแบบนี้สวะประธานจ้าวพนักงานรักษาความปลอดภัยกำหมัดแน่น เดิน เขา กูให้ลูกหมาดูถูกประธานจ้าวอย่างมึงรู้จัก ว่าอะไรคือความร้ายกาจ”
ชั่วพริบตากำลังจะปะทะบ่าของเขามีเสียง
พนักงานรักษาความปลอดที่เดิมมีใบหน้าฉุนเฉียวร่างกาย กลุ่มกำลังยืนด้านหลังของเขา สูทรองเท้าหนัง มี พลังธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนระดับบนของอาคาร
แถมคนเป็นคนพูดนั่นก็คือหัวหน้าผู้รับผิดชอบบริษัท รักษาความปลอดภัยซานหัว
“เอ่อ… หัวหน้าซุน ท่านเวลาลงเดินเล่นอย่างไร
บนใบหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยเต็มเอาเอาใจ รีบเดินเข้าไปหาหัวหน้าซุนทันที
“แกรู้ไหมว่าแกกําลังทำอะไรอยู่!” หัวหน้าซุนสีหน้าเย็นยะ เยือก
“ที่นี่มีคนจะมาขโมยของคนหนึ่ง พนักงานรักษาความ ปลอดภัยรีบพูดใส่ร้ายป้ายสีจางผิงทันที
หัวหน้าซุนตบหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างโหด เหี้ยมหนึ่งที่อย่างเสียงดังฟังชัด นึกไม่ถึงว่าจะทำให้พนักงาน รักษาความปลอดภัยที่ร่างกายบึกบึนเซได้ พูดอย่างเดือดดาลว่า “แกหุบปากไปซะ!”
จ้าวหยวนซานที่ยืนอยู่ตรงกลางของกลุ่มคนขมวดคิ้ว พูดด้วย น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโมโหอย่างหาที่สุดมิได้ว่า “หัวหน้า ซุน ถ้าหากว่าคุณชายจะโมโหด้วยเรื่องนี้ นายก็ไสหัวออกจาก งานไปได้เลย”
“ครับ! ครับ!”
วินาทีต่อมาหัวหน้าซุนที่ยังดูสง่างามน่าเกรงขามไปทุกด้าน ผงกศีรษะทันที รีบลนลานเดินมาหาจางยิ่งที่ยืนมองดูเรื่อง ครึกครื้นอยู่ไม่ไกลตามที่จ้าวหยวนซานบอก สีหน้าหวาดหวั่น สองขาอ่อนแรงกล่าวว่า “คุณ คุณชาย ขออภัยครับ เรื่องนี้เป็น ความบกพร่องของแผนกรักษาความปลอดภัยของพวกเรา ผม สมควรตาย”
เหงื่อเม็ดโตบนใบหน้าของจ้าวหยวนซานไหลหลั่ง ท่าทียิ่ง ตกต่ำลงไปอีก ค้อมเอวเหมือนการโค้งคำนับแล้วพูดว่า “คุณชาย ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดในการทำงานของผม เชิญท่านลงโทษ!”
จางผิง โบกไม้โบกมือซ้ำเลืองมองจ้าวหยวนซานครั้งหนึ่งแล้ว พูดว่า “ดูไม่ออกเลย ประธานจ้าว กลับยังคงดูสง่างามน่าเกรง ขามไปทุกด้าน การจะพบคุณสักครั้งดูจะยุ่งยากเสียจริง แม้แต่จะ พูดชื่อของคุณก็เกือบจะถูกต่อย ยอดเยี่ยม”
“คุณชาย! ผมยอมรับผิดแล้ว! เป็นเพราะผมดูแลได้ไม่เหมาะ สม! ทำให้ท่านโมโหแล้ว ผมทำผิดสถานหนักสมควรตายเป็น หมิ่น ๆ ครั้ง!”
จ้าวหยวนซานถูกทำให้ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว แผ่นหลังเปียก ชุ่ม อีกนิดหนึ่งก็จะคุกเข่าให้จางยิ่งแล้ว
พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าเขียวคาที่ สองขาอ่อนแรง
เหมือนกับเส้นบะหมี่ อ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น เขารู้สึกเพียงว่า
ตรงหน้าเขามืดมัวไปหมด น่าหวาดกลัวเหมือนกับฟ้าจะถล่มดิน
จะทลาย
ไอ้ขี้ครอกนี่…
นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้ประธานจ้าวคุกเข่าเสียแข้งเลียขา อย่างไม่ละอายเช่นนี้ เมื่อกี้ตนหาเรื่องที่ตายชัด ๆ เลย!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ