ฝึกยังไงถึง เป็นมาเฟีย

บทที่ 3



บทที่ 3

“อ๊าก~~”หลี่ วงเอามือปิดหน้าแล้วร้องเสียงดังกังวาน เซ่เห วินตงเข้ามาจับหัวเขา แล้วดึงแรงๆ เพื่อให้หลวงมองตน “รู้ ไหม? อันนี้คือจุดจบที่รังแกผม!”หลี่ล่วงมองสายตาเย็นแข็งของ เซ่เหวินตง แค่เพียงรู้สึกวูบเดียว มันไม่ใช่สายตาของมนุษย์ แต่ เป็นดวงตาสัตว์ร้ายถึงจะมีแสงเปล่งประกายเช่นนี้ ตอนนี้เขากลัว มาก ตั้งแต่เล็กจนโต เขาพึ่งรู้ซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าความตาย ไม่ใช่เพราะแผลบนใบหน้า และไม่ใช่มีดในมือของเซเหวินตง แต่เป็นคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าที่เป็นทั้งคนคุ้นเคยและไม่รู้จัก

นักเรียนช่วงมัธยมต้นล้วนเป็นวัยรุ่นด้วยกันทั้งสิ้น จะเคยเห็น เหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร นักเรียนหญิงที่ขี้กลัวตกใจจนร้องไห้ มีนักเรียนชายคนหนึ่งผลักประตูวิ่งออกจากห้อง วิ่งเท้ายาวไปยัง ห้องทำงานของครูประจำชั้น เมื่อผลักประตูก็วิ่งเข้าไป เวลานี้ครู ประจำชั้นกำลังอ่านเอกสารอ้างอิงก่อนเรียน เห็นนักเรียนใน ความดูแลของตนวิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย ถามว่า “ซุนเสว เหวิน ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา?”

ซุนเสวเหวินพูดกระหืดกระหอบ คุณครูครับ แย่แล้วครับ เซ่เห วินตงเอามีดปาดหน้าหลวงครับ เลือดไหลเยอะมากครับ!”

ครูประจําชั้นเป็นเพศชาย ปกติชื่นชอบเซ่เหวินตงมาก รู้สึกว่า เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่ตั้งใจเรียน สมองยังฉลาดเป็นพิเศษอีกด้วย ถึงโจรย์จะยากแค่ไหน เขาสอบรอบเดียวก็เป็น เพียงแต่ขี้อายไปหน่อย เมื่อได้ยินซุนเสวเหวินพูดเช่นนี้ เขาไม่ค่อยอยากเชื่อสัก เท่าไหร่ เด็กดีอย่างเซ่เหวินตงจะไปเฉือนหน้าของเพื่อนร่วมห้อง ได้อย่างไร? แต่ดูจากสีหน้าของซุนเสวเหวินก็ไม่เหมือนโกหก จึง ไปห้องเรียนกับซุนเสวเหวินด้วยความอยากรู้อยากเห็น

พอถึงหน้าประตูห้อง ได้ยินความเงียบผิดปกติด้านใน คุณครู มองไปยังซุนเสวเหวินอย่างแปลกใจ เด็กน้อยอย่างนายอย่าได้ หลอกครูเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นดูเสียว่าครูจะสั่งสอนนายยังไง ซุนเสวเหวินถูกครูมองจนขนลุก ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ คุณครูผลัก ประตูเดินเข้าห้องเรียน นักเรียนต่างนั่งประจำที่ของตัวเอง คุณครูมองเซ่เหวินตงก่อน ตอนนี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็เงยหน้าไปมองด้านหลัง พบว่าหลวง ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด หน้าไว้ แต่เลือดสดได้ซึมออกจากผ้าเช็ดหน้าแล้ว ยังหยดใส่บน โต๊ะอีก

คุณครูถามเสียงดัง”หลวง ใครเอามีดมาปาดหน้านาย?”

หลี่ล่วงเงยหน้าแอบชำเลืองมองเซ่เหวินตงที่นั่งอยู่ตรงหน้า พบว่าเขาหันหน้ามามองตน ยังคงเป็นแววตาแบบนั้น แววตา ของสัตว์ร้าย ทำให้เขารู้สึกว่า ขอเพียงตนพูดความจริงออกไปก็ จะถูกฉีกจนแหลกสลาย เขารู้สึกเย็นวูบในใจ อดสะดุ้งสั่นไม่ได้ ลุกขึ้นมาพูดเสียงดังว่า “คุณครูครับ ผมไม่ระวังปาดหน้าตัวเอง ครับ ไม่ใช่ถูกคนอื่นบาดครับ”

นักเรียนอย่างเขา เดิมทีครูก็ไม่ชอบอยู่แล้ว ได้ยินเขาพูดอย่าง นี้คุณครูก็โล่งอก “แล้วยังนั่งอยู่ตรงนั้นทำไม เฉินฮุยพาเพื่อนไป ห้องปฐมพยาบาลที!”พูดจบก็ทำตาขาวใส่ พลางพูดดื่มน้ำเสียงเบาน่าเบื่อจริงๆ ท่าพื้นเลอะเลือดไปหมด!!

จากนั้นก็ชี้ไปยังซุนเสวเหวิน”ทำไมนายพูดว่าหน้าของหลวง ถูกเซ่เหวินตงบาดล่ะ?”ซุนเสวเหวินพูดอย่างอยุติธรรม เมื่อผม เห็นกับตา เซ่เหวิน…แต่ตอนที่เขามองแววตาเซ่เหวินตงก็เก็บคำ พูดด้านหลังไว้ หันไปพูดกับคุณครูว่า “ขอ…ขอโทษครับคุณครู ผมไม่ควรพูดปด หน้าของหลวง เขาเป็นคนบาดเองครับ!”

“ครั้งนี้ดูให้ชัดก่อนจะมาบอกครู” คุณครูหันไปพูดกับเซ่เหวิน ตง เหวินดงครับ ใกล้สอบกลางภาคแล้ว ทบทวนไปถึงไหน แล้ว?”

เซ่เหวินตงยืนขึ้นมาตอบอย่างนอบน้อม คุณครูวางใจได้เลย ครับ!ผมเชื่อมั่นว่าสามารถคว้าที่หนึ่งของผลการศึกษาตลอด หนึ่งปีครับ”

มีนักเรียนแบบเซ่เหวินตงคือความภาคภูมิใจของคุณครู ใน ห้องมีนักเรียนอย่างนี้เพียงหนึ่งคน เขายืนเคียงไหล่กับครูท่าน อื่นแล้วยังรู้สึกตัวเองสูงกว่าเลย ยิ้มอย่างพอใจ พลางตบไหล่เซ เหวินตงเบาๆ “เหวินตง ตั้งใจเรียนถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวัง สุขภาพร่างกายด้วย อย่าให้เหนื่อยโทรมล่ะ?”

เซเหวินตงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ขอบคุณคุณครูที่เป็นห่วง ครับ ผมจะระวังครับ!”

ครูให้เซ่เหวินตงนั่งลง พลางพูดกับซุนเสวเหวินว่านักเรียนไป เอาไม้ถูพื้นมาเช็ดเลือดให้สะอาด”ตอนนี้ซุนเสวเหวินยอมจำนง ยินดีเคืองใจคุณครู แต่ก็ไม่พูดความจริงออกมา เพราะเขารู้สึกเเหวินตงน่ากลัวกว่าคุณครูเสียอีก ครูยืนอยู่ในห้องเรียนอีกสัก พัก เห็นซุนเสวเหวินเช็ดพื้นสะอาดแล้วจึงจากไป ในห้องเรียน เงียบอย่างแปลกประหลาด นักเรียนต่างนั่งประจำที่ พลางรู้สึก เหมือนมีก้อนหินตัวใหญ่มากดทับไว้ ทำให้หายใจไม่สะดวก ซึ่ง สวีน่าเป็นผู้ทำลายความเงียบ ถามเพื่อนร่วมโต๊ะด้านข้างว่า “ทําไมกลายเป็นคนโหดอย่างนี้?”

เช่เหวินตงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะผมเข้าใจแล้วว่า มี เพียงอย่างนี้ถึงจะไม่ถูกคนอื่นรังแก

“ถึงหลี่ วงจะเลวไปหน่อย แต่นายก็โหดเกินไปนะ แผลใหญ่ บนหน้าขนาดนั้น จะเป็นรอยแผลเป็นมั้ง?”สวีน่ารู้สึกเซเหวินตง ทําเกินไปเล็กน้อย

เซ่เหวินตงหัวเราะ พูดคำที่แปลกประหลาด “ชีวิตคนเราถูก สวรรค์ลิขิตไวแล้ว ถึงเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองได้” พูดจบก็นั่งที่โต๊ะนักเรียน แล้วอ่านหนังสือ ไม่สนใจสวีน่าที่มีใบหน้าสงสัย

ผ่านไปสักพัก หลวงกับเฉินฮุยก็กลับมาจากห้อง ปฐมพยาบาล จมูกของหลี่ม่วงแปะผ้าพันแผลยาวสี่นิ้ว ตอนที่หลี่ ส่วงเดินผ่านเซ่เหวินตง เขาก็หยุด พร้อมกับโค้งคำนับอย่าง นอบน้อม “พี่ตง วันหลังพี่คือลูกพี่ของผม ผมเป็นลูกสมุนของ ลูกพี่!”

ไอ้อ้วนที่รังแกเซ่เหวินตงเป็นประจำอย่างหลีช่วงเวลานี้ กลายเป็นผู้คุ้มกันที่ภักดีของเขา ในอนาคต รอยแผลเต็มตัว ซึ่งไม่รู้ว่ามีกี่แผลที่รับแทนเซ่เหวินตง และนี่คือคำพูด ในอนาคต

วันถัดไปในช่วงกลางวัน ในห้องน้ำโรงเรียนมัธยมที่สอง

“ไอ้อ้วน ได้ยินมาว่ามึงโดนไอ้เด็กไร้ค่า ในห้องเฉือนที่หน้าเห รอวะ มึงยังเป็นข้ารับใช้มันอีก จริงหรือเปล่าว่ะ?”วัยรุ่นร่างสูง ใหญ่คาบบุหรี่ แล้วเอียงหน้าถามหลวง หลี่ล่วงชักสีหน้าใส่แม่ งงดิ ถ้ากล้าเรียกเขาว่าเด็กไร้ค่าอีก กูจะอัดมึงให้เละแน่!”

วัยรุ่นร่างสูงใหญ่คิ้วกระตุก หยิบไขมันบนหน้าของหลวง แล้วดึงไปมา “ไอ้สัตว์ ซึ่งกำลังพูดอยู่กับใคร?”

หลี่ส่วงสะบัดมือเขาทิ้ง จองถลึง พร้อมกับพูดว่า”แม่งมึงดิ เกา เฉียง จึงคิดว่ากูกลัวมึงนะเหรอ? อย่าคิดว่าตัวเองรู้จักคนหน่อยก็ มาวางมาดใส่กูได้!”เกาเฉียงหัวเราะคิกคิก “มึงแน่มาๆ ไอ้เวร หลังเลิกเรียนวันนี้ถึงกับไอ้สัตว์นั้นรอในห้อง ถ้ากล้าไปก่อน จะหักขามึง!”

หลี่ส่วงจ้องมองดวงตาของเขา “กูจะรอถึง กลัวก็แต่ถึงไม่มา

หลังกลับเข้าห้องเรียน หลี่ห่วงก็เล่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ให้เช่ เหวินตงฟัง เซ่เหวินตงถามหลีส่วงว่า “เกาเฉียงคือใคร? ทำ อะไร?” “ก็คือคนที่อยู่กับผมตลอด ร่างสูงใหญ่ คนที่แย่งเงินลูกพี่ กับผมครั้งก่อน”พูดถึงตรงนี้ก็มองเซ่เหวินตงอย่างระวัง เห็นเขา ไม่ใส่ใจ จึงพูดต่ออย่างโล่งอก เขาก็คือเกาเฉียง เกเรตั้งแต่ ประถมแล้ว ยังมีลูกน้องกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้เป็นเด็กเสเพลของห้อ งม.3/6”

เซ่เหวินตงพยักหน้า ถามเขา “นายหาคนมาได้กี่คน?”หลี่ล่วงคิดแล้วพูดว่า “พึ่งได้หน่อยมีห้าหกคนมั้งที่เหลือคือคนไร้สมอง แค่ขู่ขวัญตบตาเท่านั้น หากสถานการณ์ไม่เป็นใจก็จะวิ่งหนีเป็น คนแรก”

เซ่เหวินตงพูดว่า”งั้นก็ได้ นายไปตามพวกที่พึ่งได้มาดูหน่อย หลี่ล่วงรับปากเสร็จก็วิ่งไปด้านนอก

หกโมงเย็น ชั้นสองที่อาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมที่สอง หลวงยืนอยู่หลังห้องยกเก้าอี้ขึ้นตัวหนึ่ง จากนั้นก็โยนลงไป แรงๆ เกิดเสียง’ปัง ส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วระเบียงทางเดิน เก้าอี้ถูกโยนจนไม่เหลือชิ้นดี หลี่ล่วงก้มตัวหยิบ ท่อนไม้ สี่เหลี่ยมยาวสองฟุต แล้วเดินมาถึงที่นั่งของเซ่เหวินตง พลางพูด ว่า “พี่ตง ถืออันนี้ไว้ เดี๋ยวตีกันแล้วต้องใช้มัน

เซ่เหวินตงส่ายหัว”ไม่ใช้อันนี้”หลี่ล่วงไม่กล้าพูดอย่างอื่น เอา ท่อนไม้สี่เหลี่ยมไว้บนโต๊ะ ลูกพี่ไม่ใช้ก็เก็บไว้ใช้เอง ผ่านไปสัก พักประตูห้องที่ปิดสนิทถูกถีบออก เสียงที่ส่งมากะทันหันทำให้ หลวงตกใจ หันหน้าไปมองก็พบเกาเฉียงพาพวกเดินเข้า ห้องเรียนเจ็ดถึงแปดคน “ใช้ได้นี่ พวกมึงสองคนแน่จริงๆ รอก อยู่นี่จริงๆด้วย”เกาเฉียงหันกลับไปหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ~~ดูไอ้ โง่สองตัวนี่สิ!”

เซ่เหวินตงไม่ได้พูด นั่งในที่นั่งประจำของตัวเองอย่างเย็นชา หลี่ล่วงได้ยินเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชนถึงขีดสุด “เกาเฉียงถ้ามึง เป็นคนอยู่ก็มาสู้กับกูตัวต่อตัวเลย ใครแพ้คนนั้นเป็นลูกชาย!”

“สู้กับมึงตัวต่อตัว?ไอ้สัตว์ไม่ส่องกระจกดูตัวเองบ้างเหรอว่ะ!”หันไปมองเซ่เหวินตงที่นั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพูดว่า “ไอ้เหี้ย มึงมานี่เลย!”

เซ่เหวินตงค่อยๆลุกขึ้นเดินไปหาเกาเฉียง หลี่ล่วงเดินตามเขา อยู่ด้านหลัง มองเซ่เหวินตงที่เตี้ยกว่าตนหนึ่งศีรษะ แววตาของ เกาเฉียงก็มีประกายเหยียดหยามแวบผ่าน “ไอ้ควย ช่วงนี้มึง อวดดีมากนี่ กล้าแย่งคนกับกู หลีส่วงเป็นสวะไร้ค่า จึงอยากได้ ก็ให้ แต่กูทนหยามไม่ได้ จึงว่าทำไงดี?”เซ่เหวินตงก้มหน้า เส้นผมยาวเล็กน้อยบดบังดวงตา มุมปากเปล่งเสียงเย็นแข็งออก มา “ถ้านายฉลาดก็กลืนลงท้องไป หลี่ล่วงมีสิทธิ์เลือกทางเดิน ของตัวเอง”

เกาเฉียงได้ยินเสียงเย็นแข็งก็สะดุ้งไม่รู้ตัว มองหลวงที่อมยิ้ม อยู่ด้านหลังเซ่เหวินตง แล้วเอาความอ่อนแอในใจทิ้ง “มึงทำเหี้ย กับกูเหรอ?”จับหัวเซ่เหวินตงกดลง แล้วใช้หัวเข่ากระแทกใบ หน้าเซเหวินตง นั่งคุกเข่าที่พื้น จมูกมีเลือดไหลออก หลวง ตะโกนชื่อเกาเฉียงแล้วพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกพวกที่มาด้วยกันกับ เกาเฉียงกดลงพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ