ผู้พิทักษ์ใกล้ตัวของเจ้านายหญิง

ตอนที่ 3 เกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น



ตอนที่ 3 เกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น

“ป่ายฉิน คำพูดเมื่อกี้นี้ของคุณมันไร้สาระ ถ้าไม่เชื่ออย่าง

นั้นพวกเราไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในผับเมื่อคืนกัน เห็นได้ ชัดว่าผมเป็นคนที่ออกมาก่อน หลังจากนั้นคุณถึงได้ออกมา แล้ว คุณก็ล้มมาใส่อ้อมแขนของผม มันเป็นเรื่องง่าย ๆ แน่นอนอยู่ แล้วว่าใครออกประตูมาก่อนฉินเฟิงเองก็ลืมไปนานแล้ว เพียงแต่ คิดว่าคืนนั้นปายฉันเองก็คงดื่มไม่น้อยแน่นอน เธอจะต้องไม่ ได้แน่

เป็นไปตามที่คาดไว้

ป่ายฉินลังเลไปพักใหญ่ และถามอย่างดุร้าย “ถ้าอย่างนั้น คุณเอาเงินสองแสนให้ฉันทำไม?”

ฉันเพิ่งปล่อยมือออก แล้วพูด: “นี่คุณโทษผมอีกแล้ว ผมเอา เงินให้คุณ เพียงเพราะชดเชยสิ่งที่ทำหลังจากการดื่มเหล้าของ เราทั้งสองคน ถ้าหากผมรู้ว่าคุณคือลูกสาวของป้าปาย ผมไม่ ตามหาคุณเพื่อเอาเงินก็ดีแล้ว ผมอยากรู้ ผมมีอยู่แค่สองแสน และก็ได้ให้คุณไปหมดแล้ว”

“เหอเหอ ใช่หรือ?” ป้ายฉันหัวเราะเสียงเย็น

ฉินเฟิงสาบานทันที “ฟ้าดินเป็นพยาน อีกอย่างผมเองก็เป็น สุภาพบุรุษ พวกเราสองคนก็ถือว่าเท่าเทียมกัน ยกหัวข้อนี้ขึ้นมา เสียงของรถสปอร์ตก็ดังขึ้นแล้วก็เร่งความไวราวกับบินออกไป

เสียงไพเราะของปายฉินดังแทรกเสียงคำรามของสายลมขึ้น มา: “เท่าเทียมกัน? รอจนถึงวันนั้นที่เราเท่าเทียมกันฉันถึงจะ บอกคุณ”

ผ่านไป 30 นาที ยืนอยู่หน้า บริษัทเล็ก ๆ ของป้าป้าย ฉัน

เฟิงอับอายจนเหงื่อไหล

ไหนคือบริษัทขนาดเล็ก? นี่เป็นระดับมาตรฐานของบริษัท ขนาดใหญ่หรือ? พนักงานมากว่า 200 คน ย่านธุรกิจที่เจริญ รุ่งเรืองที่สุดในเมืองซีจิง อีกทั้งยังเป็นอาคารเดี่ยวที่ตั้งอยู่ ศูนย์กลาง ไหนคือเล็กอย่างนั้นหรือ?

“สงบไว้ สงบไว้ อย่าทำตัวเหมือนคนบ้านนอก อย่างไรพวก เราก็เป็นคนมีฐานะทางสังคมเหมือนกัน” ฉินเฟิงทางหนึ่งก็ พยายามสงบใจตัวเอง อีกทางหนึ่งก็เดินไปทางลิฟต์ ของ CEOกับป้ายฉัน

ตลอดทาง ฉินเฟิงเดินตามหลังบ่ายฉิน

ไม่กล้าพูด และก็ไม่จำเป็นต้องพูด ตอนนี้เพียงทุกครั้งที่ฉัน เพิ่งจะพูดอะไร ก็ต้องโดนคัดค้านอย่างไม่เหลือชิ้นดี พูได้ว่าคำ พูดไหนที่เป็นของตัวเองก็จะโดนทำให้อับอาย เขายังไม่โง่พอ

ดึงดอง(เสียงลิฟต์)

ลิฟต์หยุดที่ชั้นห้าสิบหก ทั้งชั้นล้วนเป็นห้องทำงานของ พนักงานบริษัทระดับสูง
“ประธานปาย เตรียมกาแฟของคุณไว้ให้แล้วครับ” ชาย หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสูงผอมเดินเข้ามาเจอหน้า สายตามอง ป้ายฉันด้วยความเคารพนับถือ แต่ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนนี้มี อวัยวะบนใบหน้าที่มาตรฐานสูงจริง ๆ และจะต้องเป็นลูกครึ่ง แน่นอน

ป้ายฉันพยักหน้า ชี้นิ้วไปที่ฉันเพิ่งตามอำเภอใจ พูด: “นี่คือ ลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของฉัน รอมาจัดการภายหลัง

“ได้ครับ ประธานป่าย” หนุ่มลูกครึ่งเดินไปอยู่ด้านหน้าของ ฉันเฟิง ยื่นมือออกมาแล้วยิ้มอย่างสุภาพ: “สวัสดีครับ ผมชื่อ เดวิด เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี่ครับ”

“ครับ สวัสดีครับ ผมชื่อฉินเฟิง ผมดูแล้วคุณเหมือนเป็นลูก ครึ่งเลยครับ เป็นลูกครึ่งประเทศไหนหรือครับ” ฉินเฟิงยื่นมือ ออกไปแต่น้ำเสียงต่างออกไป เพียงแต่น้ำเสียงที่เปลี่ยนนั้นเป็น เพียงความคิดของคนอื่น ฉันเพิ่งนั้นอยากรู้อย่างจริงจังว่าเขา เป็นลูกครึ่งประเทศไหน

หลังจากฉินเฟิงหยอกล้อเขาด้วยประโยคนั้น สายตาของป้าย ฉิน จึงพูดคำที่เป็นธรรมออกมา: “ฉินฉิน ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ ระหว่างพวกเราจะสนิทสนมกัน แต่ก็ไม่ควรที่จะปกปิดนะ ที่จริง แล้ว ผมคือว่าที่คู่หมั้นของฉันฉิน หญิงสาวคนนี้หน้าบางไปหน่อย เลยเขินอายที่จะพูดเท่านั้น”

“ว่าที่คู่หมั้น? นี่….…..!” เดวิดตกตะลึงงัน รู้สึกสับสนไปหมด เขายังไม่รู้จริง ๆ ว่าป่ายฉันมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว ดูเหมือนข่าวลือก่อนหน้านี้จากประธานบริษัทจะกลายเป็นความจริง?

ฉินเฟิงเกากีรษะ พูดอย่างเขินอาย “เงียบไว้ก่อน หน้าผมก็ บางเช่นกัน”

ป้ายฉันมองคนข้าง ๆ ที่สร้างเรื่อง ได้แต่ขบเขียวเคี้ยวฟัน เพียงแต่เพื่อที่จะรักษาหน้า จึงพูดเสียงต่ำ: “พูดเรื่องไร้สาระอะไร รีบจัดการตาแหน่งให้เขา

เดวิดก็อยอายอีกครั้ง มองปายฉิน พูดเสียงเบา: “ประธาน ป่ายครับ ตอนนี้ที่บริษัทผู้จัดการชั้นกลางและชั้นสูงไม่มีที่ว่าง แล้ว จะเหลืออยู่แค่เพียงตำแหน่งผู้ช่วยของคุณ คุณจะให้จัดการ อย่างไรครับ?”

ปายฉันเลิกคิ้ว ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง พูด: “โอเค คุณไปทำงาน เถอะ ฉันจัดการเอง

จากนั้นก็พูดกับฉินเฟิงเสียงเย็น: “คุณ เข้าห้องทำงานกับ

ฉินเฟิงเบะปาก เดินตามร่างป้ายฉันไป

เฮ้ คนอยู่ใต้ร่มชายคาไม่ก้มหัวให้คงไม่ได้คงต้องพูดแบบนี้ สินะ เดินไปได้ไม่เท่าไร ฉินเฟิงกระซิบกับเดวิดเสียงขรึม: “ถ้ามี โอกาสคุณต้องบอกผมนะว่าเป็นลูกครึ่งประเทศไหน ผมอยากรู้ อย่างมาก”

เดวิดมองแผ่นหลังของทั้งสองคน ใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น แต่งแต้ม พูดเสียงเย็น: “ที่แท้ก็เป็นความจริง ดูแล้วต้องรีบไปบอกกับคุณชายหยาง จุ๊จุ๊ ถ้าพวกเขาได้รู้ข่าวนี้ คงจะต้องตื่นเต้น กันไปใหญ่แน่ ปายฉัน ถ้าหากผมไม่ได้คุณ ถ้าอย่างนั้นได้บริษัท ของคุณแทนก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเท่าไร

ห้องทํางานของป่ายฉิน สามารถสรุปได้คำเดียว ใหญ่ หรูหรา มีสง่าราศี

ฉินเฟิงตัวอ่อนนั่งลงโซฟาอย่างอับจนปัญญา พูดอย่าง ปลดปลง: “ผมพูดนะฉินฉิน ทำไมคุณถึงได้ฟุ่มเฟือยขนาดนี้ คุณ ดูเฟอร์นิเจอร์แค่ห้องเดียว ราคาแสนกว่าแล้วนะ คุณป้าป้ายที่ ประหยัดขนาดนั้นสิ ทำไมคุณถึงได้ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง แบบ นี้ไม่ดีนะ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าต้องประหยัดและอดออมหรือ? คุณต้อง เพิ่มการเรียนรู้ดเนการนึกคิดอีกหน่อย”

เงียบไป” ปายฉินตะคอกอย่างเบื่อหน่าย เสียงเย็น: “ตอน นี้คุณกลับออกไปก่อน ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงที่นี่ ต้องเข้าใจทุกแผนก อย่างทองแท้ หลังจากนั้นมารายงานสรุปแต่ละแผนกของบริษัท ให้ฉัน”

“นี่คืองานตำแหน่งอะไรกัน?” ฉันเพิ่งตกตะลึง นี่เป็นการ ประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเป็นทางการสินะ

“เป็นผู้ช่วยของฉัน นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของการเป็นผู้ ช่วยของฉัน ถ้าหากคุณทำไม่สำเร็จ อย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วย เชิญออกประตูเลี้ยวขวาแล้วลงลิฟต์ไปได้เลย ลาก่อน”

ก็ได้ ถึงแม้ว่านี่ไม่ใช่นการประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเป็น ทางการ แต่ก็เป็นการไล่ตัวเองออกไปกลาย ๆ
ฉันเพิ่งคิดมาได้ดังนี้ ก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “ทําสำเร็จได้ แน่นอน ดูด้วยว่าผมคือใคร รอได้เลย ผมจะไปทำเดี๋ยวนี้

“มารายงานฉันก่อนเลิกงานตอนห้าโมงเย็น ตอนกลางคืน ถือโอกาสพาฉันไปประชุมด้วย” ป้ายฉันพูดด้วยใบหน้าได้ อารมณ์ ท่าทาง ในตอนนี้คล้ายฉันเพิ่งได้กลายเป็นผู้ช่วยไปแล้ว

ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่ยากลำบากมาก แต่ว่าฉันเพิ่งได้ แค่กัดฟันกล้ำกลืนลงท้องไป แต่ก็ดีแล้ว ทุกปัญหามีวิธีแก้ไข เสมอ ชี วิธีการมีมากกว่าปัญหาเสมอ

ฉันเพิ่งกำลังเดินออกจาห้องทำงานของปายฉิน ป้ายฉันก็รีบ ร้อนหยิบโทรศัพท์มาโทรออก

“ฮัลโหล เหวินเหวิน ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ” ปายฉินพูดด้วย น้ำเสียงที่เย็นเยียบ ในที่สุดก็เป็นเหมือนเด็กสาวธรรมดา

“มีเรื่องอะไรคะ คุณพี่สาวของฉัน?”

“อย่าเล่น เธอช่วยรวบรวมคนที่เคยตามจีบฉันมาไว้ให้ หน่อยได้ไหม ฉันรออยู่ที่ผับของพี่ชายเธอคืนนี้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่า ภูเขาน้ำแข็งอย่างเธอจะรับสมัครลูกเขย?”

“อย่าเอ็ดไป จําไว้ ต้องเอามาทั้งหมด มีเท่าไรเอาเท่านั้น”

“ได้เลย รับรองว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย

วางสายโทรศัพท์ ป้ายฉันหัวเราะเย็นชา: “ฮี ฉินเฟิง คอยดูครั้งนี้ฉันจะคุณให้ถึงตาย ฉันไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีใครมาหยาม ฉันได้ ฉันเคยบอกแล้ว คิดว่าเท่าเทียม ต้องเป็นฉันเท่านั้นที่พูด ได้”

กลับมาดูทางฉินเฟิง กำลังเล่นเกมอยู่กับพนักงานที่ชั้นสาม อย่างสบายอกสบายใจ ทางด้านข้าง มีชายหนุ่มสวมแว่นคนนึง กำลังช่วยเขียนรายงานสรุปแต่ละแผนกให้กับฉันเพิ่ง

อะไร ทำอย่างไรนั้นหรือ?

ง่ายจะตายไปง่ายถึงขนาดที่ฉันเพิ่งใช้แค่สามขั้นตอน หนึ่ง

ตะโกนถามว่าใครเข้าใจแผนกงานทั้งหมดของบริษัท, สอง ใครเป็นคนที่ภาษาจีนดีที่สุด สามใครสามารถช่วยฉันเขียน รายงานสรุปแต่ละแผนกของบริษัทได้ จะได้เงินรางวัลหนึ่งหมื่น หยวน เขียนเสร็จถึงจะจ่ายให้ นี่คือการสั่งการของประธานฝ่าย

หลังจากนั้น ฉินเฟิงก็เล่นเกมอย่างไม่เป็นกังวล

อย่างรวดเร็ว หลังจากการทำงานอย่างหนักหน่วงสอง ชั่วโมง ฉินเฟิงก็ได้รายงานสรุปของแต่ละแผนกในบริษัท ประมาณสิบหน้า ฉินเฟิง โอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์หนึ่งหมื่น หยวนให้กับชายหนุ่มคนนั้น แล้วจึงเดินสะบัดก้นเข้าลิฟต์ไป

กำลังจะเข้าลิฟต์ โทรศัพท์ของฉันเฟิงก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เจอป้าป้ายกับว่าที่คู่หมั้นของ แกหรือยัง?” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพ่อของฉันเฟิงแน่นอน
ฉินเฟิงพูด: “เข้าไปตีสนิทข้างในแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นผู้ช่วย ของว่าที่คู่หมั้นอยู่”

“ทุกวันนี้ไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ดีแล้ว หลังจากนี้แกจะ โดนตัดออกจากกองมรดก แกก็ควรดูแลตัวเองได้แล้ว ฉันกับแม่ ของแกจะได้เตรียมตัวไปเดินทางไปต่างประเทศ อย่างน้อย 3-5ปี นานสุด 10ปี ถ้าหากว่าพวกแกต้องการของขวัญ แต่งงาน ก็ให้ป้าบ่ายของแกติดต่อฉันมา” พูดจบ ก็วางสายไป ทันทีอีกแล้ว เพียงแต่ฉินเฟิงยังมีข้อสงสัย

ดูเหมือนว่า ทั้งหมดมันตรงไปตรงมาเกินไปหน่อย……

ทันใดนั้นว่าที่คู่หมั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เดินออกจากบริษัท อย่างรีบร้อน พ่อกับแม่จู่ ๆ ก็จะไปต่างประเทศ อีกทั้งยังไปตั้ง หลายปีอาจจะถึง10ปีเลยก็ได้ ในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ขณะที่กหลังคิด เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้น บอกว่าถึงชั้น56แล้ว เรื่องที่กำลังคิด ในตอนนี้ต้องวางลงก่อน การที่ตาเฒ่าทำแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่ หรือไม่ก็อาจจะมาอธิบายต่อหน้า

ฉินเฟิง เปิดประตูห้องทำงานของปายฉิน ถือเล่มรายงาน สรุปส่งก่อนที่มันจะหายไป ได้พบกับเสียงตะคอกของป้ายฉัน “คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่รู้ว่าต้องเคาะประตูก่อนเข้ามา? ออกประตู ไปอล้วเข้ามาใหม่

“ฉินเฟิงยังอารมณ์เสีย แม้แต่ป้ายฉันก็ยังไม่สนใจ พอดี ชอบทำอะไรให้มันชัดเจน รายงานสรุปถูกทิ้งไว้บนโต๊ะของปาย ฉิน พูดเสียงทุ้ม: “ขอโทษนะ พอดีไม่ค่อยคุ้นชิน รายงานที่คุณต้องการ อดูให้ดี ๆ อย่าตกหล่น

“คุณ…” ได้ฟัง พูดยั่วยุไม่เข้าหูแบบนั้น ป้ายฉันก็ลุกขึ้น ยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มองรายงานที่อยู่บน โต๊ะ หยิบขึ้นมาโยนใส่ถังขยะ แล้วหยิบกุญแจรถโยนให้ฉันเพิ่ง พูดเสียงเย็น: “ไปรอฉันที่ลานจอดรถ

มองดูผลงานของตัวเองที่เสียเงินไปหนึ่งหมื่นแล้วโดนโยน ใส่ถังขยะ ฉินเฟิงรู้สึกเจ็บเนื้อ อีกอย่างตอนนี้เขาโดนตัดออก จากกองมรดก หนึ่งหมื่นหยวนก็คือเงินนะ ไม่เพียงแค่นั้นก็คิดขึ้น ได้ว่าก่อนหน้านี้ก็เอาเช็คธนาคารให้ปายฉิน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ก็เสียไปสองแสนหนึ่งหมื่นหยวนเสียแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งเนื้อ ทั้งตัวจะมีเพิ่มขึ้นสองแสนกว่า แต่ว่าก็เพียงพอแล้ว

แต่ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบกุญแจรถแล้วเดินไป

ที่ลานจอดรถ

ป่ายฉินตอนนี้ราวกับเป็นระเบิดเวลา เขาจะต้องไปให้ไกล จากเธออีกหน่อย กำลังจะถึงลานจอดรถ ก็เห็นเดวิดอยู่ตรงนี้ พอดี กำลังเตรียมตัวขับรถออกไป คล้ายมีเรื่องรีบร้อนอย่างไร อย่างนั้น

“โย่ คุณลูกครึ่ง คุณยังไม่บอกกับผมเลยว่าคุณเป็นลูกครึ่ง อะไร” ฉินเฟิงเป่าปาก เดินไม่นานก็มาอยู่หน้าเดวิด มองดู ใบหน้าของเขาแล้วทำเสียง พร้อมส่ายหัว ความรู้สึกแบบนี้ ช่างทีมทอน่ากลัว

เดวิดยิ้มอย่างอึดอัด: “คุณฉินพูดเล่นแล้ว ผมมีธุระนิดหน่อยต้องไปแล้วล่ะครับ” ขณะเดียวกันฉันเพิ่งภายในใจของเขาเอง ก็ได้นิยามเพิ่มว่านี่จะต้องไม่ใช่พวกคนลูกคนรวยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แน่นอน เรื่องแบบนี้จะต้องรายงานให้คุณชายหยางทราบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ