ท่านประธาน เราแต่งงานกันเถอะ

บทที่ 9 เขาจูบเธอแล้ว



บทที่ 9 เขาจูบเธอแล้ว

“คุณหนูใหญ่ รั่วฉิงของเราไปทำอะไรให้คุณโกรธ กัน ทำไมคุณต้องโรยเกลือบนบาดแผลของคนอื่นด้วย ลูกสาวของฉันยังน่าสงสารไม่พออีกหรอ? จะต้องให้ เธอไปตายก่อนไหมคุณถึงจะพอใจ!”

เซ่หวินพูด พลางน้ำตาที่เบ้าตาก็ร่วงหล่นลงมาตามๆ กัน แม้แต่พ่อบ้านเจียงที่อยู่ข้างๆเองก็อดที่จะตาแดง ขึ้นมาด้วย แต่ก็ยังจ้องไปทางภรรยาด้วยการเตือน! อย่างไรก็ตามไป่หลิงซีก็เป็นถึงคุณหนูของตระกูลไป๋ ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่คนใช้เท่านั้น

“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นคุณป้า เซ่หวิน คุณเชื่อใจฉันเถอะ ฉันก็แค่ไม่อยากให้รั่วนิ่ง รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ให้เธอกล้าที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป”

ไป่หลิงซีรีมโบกมือคัดค้าน แต่น่าเสียดาย ยิ่งเธอ พยายามจะอธิบายมากเท่าไหร่ สายตาที่พวกเขามอง มาที่ตัวเองก็ยิ่งแย่กว่าเดิม ทำเอาเธอไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลย จนกระทั่งถูกจู่จิ่งเหยียนกระชากด้านหลังของเสื้อ จนทั้งร่างถูกลากไปทางด้านหลัง

“ได้เวลาแล้ว รีบไปเถอะ อย่าทำให้ผมต้องเสียเวลา!”

มู่จิ่งเหยียนออกแรงผลัก ให้ร่างของไป๋หลิงซียืนนิ่ง แล้วพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย จากนั้นก็เดินจากไป ตอนนี้ ไป๋หลิงซีตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมอีก ยังมีความ รู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอทำให้คนในใจของเขาร้องไห้ เขาคงจะยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

“รู้ รู้แล้ว!”

ไป่หลิงซีก้มหน้าลง เท้าที่กำลังก้าวเดินไม่มีความ ลังเล และเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ตามหลังของ จิ่งเห ยียนและขึ้นรถไป จนกระทั่งรถเริ่มเคลื่อนที่ออกไป เธอ ก็ยังไม่ได้หันกลับมา มู่จิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆยังคงขับรถ ไปอย่างเงียบๆ คิ้วที่ดูตั้งใจนั้น ทำให้ไป๋หลิงซีสติหลุด ไปชั่วขณะ

“หน้าผมมีตัวหนังสือติดอยู่หรอ? มองได้ตั้งใจขนาด

เอ่ยปากพูดขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงกลับเย็นชา สายตา ยังคงมองไปทางถนนที่อยู่ด้านหน้า ราวกับว่าเขาไม่ได้ สังเกตเห็นความลำบากใจจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเลย

“ขอ ขอโทษนะ!”

เสียงของไป๋หลิงซีเบามาก พูดจบก็ไม่มีประโยคคำ พูดใดอีก ภายในรถเงียบสงบ เธอไม่ได้เอ่ยปาก มู่จิ่งเห ยียนก็ไม่พูดอะไรกับเธออีกเลย พูดง่ายๆก็คือ เขาไม่ได้ อยากคุยกับตัวเอง!

ถึงแม้ว่าเมืองเมืองเจียงเฉิงกับเมืองเยนเฉิงจะอยู่ใกล้ กัน แต่ถ้าจะไปมหาวิทยาลัยของไป๋หลิงซี จะต้องขับรถ ไปอย่างน้อย2ชั่วโมง ตอนแรกไป๋หลิงซียังบอกตัวเอง อยู่เลยว่าจะหลับไม่ได้ แต่ว่าเมื่อเวลานานไป เธอกลับเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ พบกับใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่ตรงหน้า ยังไม่ทันที่เธอจะ ตกใจ ก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่นุ่มนวล

เขา…. …จูบเธอแล้ว!

จูบนั้นตื้นมาก มู่จิ่งเหยียนก็แค่ลิ้มรสจากนั้นก็รีบผละ ออก กลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองอย่างเดิม ใบหน้าที่เย็น ชานั้น ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน ในทางกลับกันไป๋หลิงซีทำราวกับว่าตัวเองเป็น ขโมยที่กำลังหลบความผิดอยู่เลย!

คนที่แอบจูบคือเขาต่างหาก ทำไมคนที่ตื่นเต้นกลับ กลายเป็นตัวเองหละ ไป๋หลิงซีดูถูกตรงจุดนี้ของตัวเอง กล่าวได้อย่างคร่าวๆคือ ทั้งๆที่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นกับคน ทั้งสองคน ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แล้วตอนนี้เธอจะมาเขินอาย อะไรหละ!

“ถึงโรงเรียนแล้ว!”

ไป๋หลิงซีไม่ขยับ มู่จิ่งเหยียนจึงต้องเอ่ยปากขึ้นก่อน

“ถึง ถึงแล้ว! เร็วขนาดนี้เลยหรอ?” ไป๋หลิงซีเงยหน้า ขึ้น แน่นอนว่าเป็นโรงเรียนจริงๆด้วย ถึงแม้จะยังไม่เปิด เรียน แต่นักเรียนที่มารายงานตัวก่อน ก็เดินไปเดินมา อยู่ไม่น้อย สภานักศึกษาก็เริ่มยุ่งขึ้นมาแล้ว

“ฉันลงไปก่อนนะ ขอบคุณนะที่มาส่งฉัน!”
ไป่หลิงชีพยักหน้าเล็กน้อย และลงไปจากรถอยากจะ หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไป

“ทุกๆวันที่10ของเดือนลาหยุด3วัน มาเจอกันที่นี่ กุญแจอยู่ในกระเป๋าเดินทางของคุณแล้ว”

ในตอนที่ ไป๋หลิงซีกำลังจะลากกระเป๋าเดินทางจาก ไป มือใหญ่ก็ยื่นมา กระดาษในมือคือนามบัตรแผ่นเล็กๆ ด้านบนคือที่อยู่แห่งหนึ่งในเมืองเจียงเฉิง อยู่ไม่ไกล จากโรงเรียน

ไป๋หลิงซีมองไปทางนิ้วที่เรียวยาวนั้นอย่างชะงัก เธอ คิดไม่ถึงเลยว่า แม้เธอจะย้ายมาอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงแล้ว เขายังต้องการ…….เธอเข้าใจดีว่าจุดประสงค์ที่เขาพูด คืออะไร มือที่ถือกระเป๋าเดินทางไว้กำแน่น รับกระดาษ ที่อยู่ตรงหน้าไว้ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ