ท่านประธาน เราแต่งงานกันเถอะ

บทที่ 12 ใครลำบากใจใครกัน



บทที่ 12 ใครลำบากใจใครกัน

ภาพตรงหน้าคือมู่จิ่งเหยียนวิ่งออกมา อุ้มเจียงรั่วฉิง ที่มีเลือดอาบไปทั่วทั้งร่างพุ่งไปทางประตูทางออก ไม่มี ใครสนใจเธอที่ล้มลงบนพื้นเลย ทุกคนมองเธอด้วย ความรังเกียจ ความเกลียดชัง และความเยาะเย้ย ยังมี สายตาที่ลึกซึ้งของมู่จิ่งเหยียนที่มองตัวเองครั้งสุดท้าย ทั้งลึก ทั้งซึ้งที่เต็มไปด้วยความโกรธ คนที่เขาชอบคือ เจียงรั่วฉิงนี่เอง ไม่ใช่เธอ!

“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้เป็นคนผลัก ไม่ใช่!

ไป๋หลิงซีตะโกนและลุกขึ้นมานั่ง ภาพที่เห็นไม่ใช่ หอพักที่คุณเคย ไม่ใช่รูมเมทที่คุ้นเคย แต่เป็นใบหน้า หล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

มู่จิ่งเหยียน!

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

“ทำไมถึงเป็นคุณ?”

ไป๋หลิงซีพูดออกมาโดยไม่ได้คิด พูดจบถึงได้รู้สึก ตกใจกับคำพูดของตัวเอง เมื่อสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่ เยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา อกที่เคยสงบ ก็มีอาการ ปวดแน่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ทำไม คุณไม่ได้คาดหวังว่าเป็นผมมาโดยตลอด หรอ? กลัวผมจะรู้ความลับในใจคุณ? หรือว่า ไม่อยากให้ผมเห็นคุณกลับใจสารภาพ?

มู่จิ่งเหยียนบีบคั้นทีละน้อย รอยยิ้มที่กระตุกขึ้นบน ใบหน้าที่หล่อเหลา ยิ่งมีเสน่ห์ขึ้นเรื่อยๆอย่างแปลก ประหลาด ยิ่งเขาใกล้เข้ามามากเท่าไหร่ ไป๋หลิงซีก็ ถอยห่างมากเท่านั้น จนกระทั่งร่างทั้งร่างร่วงมารวมกัน เป็นก้อน เธอนอนเอนอยู่ที่มุมของเตียง มองดูใบหน้าอัน หล่อเหลาที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตรงหน้า ใบหน้าที่เคย ซีดขาว เริ่มสั่นไหวขึ้นมา

“ไม่ ฉันไม่ได้ คุณไม่อยากเห็นฉันมากขนาดนี้ แล้ว คุณยังจะมาที่นี่อีกทำไม? ที่ฉันป่วย คุณควรจะดีใจ ไม่ใช่หรอ?”

ไป่หลิงซีคลุมหัวของตัวเองไว้ อดไม่ได้ที่จะพูดออก มาเสียงแหลม เสียงที่คมชัดของเธอ ทำให้มู่จิ่งเหยีย นที่กำลังขยับเข้าไปใกล้หยุดชะงัก การกระทำทั้งหมด หยุดลง มองไปทางดวงตาของไป๋หลิงซี และเริ่มโกรธ ขึ้นมาเรื่อยๆ

“คุณพูดถูก ผมก็แค่มาดูว่าคุณตายหรือยัง แต่น่า เสียดาย………ต้องผิดหวัง!

เธอไม่เพียงแต่ไม่เป็นอะไร ยังมีชีวิตอยู่อย่างสุข สบายอีกด้วย และยังมีแรงมากพอมาเถียงกับเขาอีก เขาควรจะชมว่าเธอกล้าหาญดี? หรือจะบอกว่าเธอไม่ กลัวตายดี!

“จริงหรอ ทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว ต้องขอโทษจริงๆตอนนี้คุณก็ดูเสร็จแล้ว คงจะไปได้แล้วใช่ไหม! ข้อ ตกลงของเราคือวันที่ 10 ของทุกเดือน ตอนนี้ก็ยังไม่ถึง วันที่ 10 คุณมู่ไม่ควรใจร้อนขนาดนี้จริงไหม ที่มาทำให้ คนป่วยต้องลำบากใจ!”

ทั้งๆที่เธอกลัวว่าเขาจะโกรธ ทั้งๆที่เธอกลัวว่าเขาจะ ไม่สนใจตัวเอง แต่ว่าไม่รู้ทำไม คำพูดที่เธอพูดออกมา ในช่วงนี้ กลับต่อต้านเขา ถูกกดขี่มานานมากจริงๆ แม้ นิสัยดีมากแค่ไหน ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะต่อต้านแล้วหรอ?

“ใครบอกว่าไม่? ผมชอบรังแกคนป่วยมากที่สุดเลย ผมเป็นคนกำหนดเวลา ผมต้องการเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น คุณคิดว่าคุณมีสิทธิปฏิเสธด้วยหรอ?”

มู่จิ่งเหยียนยิ้มขึ้นมาด้วยความเย็นชา ร่างสูงไปถอย แต่ขยับเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันที่ไป๋หลิงซีจะรู้ตัว ทั้งร่าง ก็ขยับเข้าไปชิดทันที มือใหญ่ดึงคอเสื้อของไป๋หลิงซีล จนร่างของเธอประชิดเข้าในอ้อมกอด

“มู่จิ่งเหยียนคุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอคนอันธพาล ฉันยังป่วยอยู่นะ”

“ทำไมเมื่อก่อนยังเรียกพี่จิ่งเหยียนอยู่เลยไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วหละ หรือเธอคิดว่าเมื่อมาถึง เมืองเจียงเฉิง เธอก็มีความสามารถที่จะหลุดพ้นไปจาก ผมได้แล้ว”

มู่จิ่งเหยียนพูดไปด้วย มือใหญ่ก็เริ่มฉีกเสื้อที่เปราะ บางบนร่างของไป๋หลิงซีออก เสียงของผ้าที่ฉีกขาดอย่างง่ายดาย ดังกระทบประสาทสัมผัสของคนทั้งสอง

ตอนที่มู่วิ่งเหยียนออกมาจากห้องพยาบาล หมู่จิ่นและ หลิวซือเจียที่เฝ้าอยู่ด้านนอกถึงกับชะงัก เมื่อเห็นรอย ข่วนสองเส้นบนคอของมู่จิ่งเหยียน ทั้งสองคนตะลึงไป ชั่วขณะ

“ทำไมพวกคุณยังอยู่ที่นี่?”

เมื่อเห็นคนทั้งสองที่อยู่ด้านนอก มู่จิ่งเหยียนก็ตกใจ คิ้วที่สวยขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มี การเปลี่ยนแปลงมานานกว่าพันปี ถูกเผากลายเป็นสี แดง

“เอ่อ… …พวกเราก็แค่เป็นห่วงว่าไป๋หลิงซีจะเป็นอะไร คุณ.…….…….

หมู่จิ่นเพิ่งได้ยินคณบดีเรียกแบบนี้ ดังนั้นสำหรับคู่จิ่ง

เหยียนเธอรู้แค่ว่านามสกุลมู่ เป็นคู่หมั้นของไป๋หลิงซี

“ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ ดูแลเธอให้ดี!”

โทนคำสั่งทั่วไป พูดจบก็สาวเท้าเดินออกไป ไม่ได้ ทิ้งสายตาไว้มากนัก ท่าทางที่เย็นชา ทำให้คนสงสัยได้ อย่างง่ายดายว่าเคยไปติดหนี้เขาไว้หรือเปล่า!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ