ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

บทที่ 9 เขาเป็นโรคกลัวผู้หญิง



บทที่ 9 เขาเป็นโรคกลัวผู้หญิง

ชางหลิงเล่าเรื่องทั้งหมดของหยูเฉินและซางฉิงให้กับซูเสี่ยวเฉิง แต่ข้ามเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและโหมวไป บอกเพียงแค่ดื่ม มากไปจึงนอนที่นี่คืนหนึ่ง

“ไร้ยางอาย!” เมื่อฟังเธอเล่าจบ นิสัยของซูเสียวเฉิงดุเดือด กว่าเธออีก “ไอ้หยูเฉินมันเป็นแค่ผู้ชายที่เหี้ย! พวกเธอสองคน คบกันตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี ตลอดห้าปี ช่วยวัยรุ่นที่กำลังงอกงาม ของเธอเสียเวลาไปกับบนตัวของเขาทั้งหมด เขาทรยศเธอใน ตอนนี้ได้อย่างไร? และน้องสาวของเธออีก! เพราะแม่เลี้ยงเธอไป อ่อยพ่อเธอถึงมีเธอ ยังทำให้แม่เธอ……..

เมื่อซูเสี่ยวเฉิงพูดถึงตรงนี้ สายตาของชางหลังเปลี่ยนไป เธอ รีบหยุดพูดทันที

“ฉันโง่เองแหละ” ชางหลิงหัวเราะตัวเอง “ฉันควรจะรู้ว่าแม่ เป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้น ฉันประเมินความรู้สึกที่หยูเฉินมี ต่อฉันมากไป”

หยูเฉินบอกว่าเธอคือรักแรกพบ ในช่วงอายุสิบเจ็ดปี เธอรู้จัก กับหยูเฉิน ในงานนิทรรศการศิลปะในโรงเรียน ตอนนั้นทั้งสอง คนยังอยู่วัยใส ไม่รู้เรื่องความรัก

แต่จะไปมีรักแรกพบแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ ส่วนใหญ่ก็รักที่ หน้าตาทั้งนั้น ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าเป็นเพราะว่าเธอหน้าตาสวย จึงชองเธอ แต่ในตอนนี้ เธอพบเจอกับชางฉิงที่สวยกว่าเธอ ก็เลยไปรักอีกคน

“แล้วตอนนี้เธอต้องทำยังไง?” ซูเสี่ยวเฉิงเป็นห่วงเธอ “เธอจะ ยอมทนเสียเปรียบโดนที่ไม่พูดอะไรทั้งนั้นเลยเหรอ?”

“ฉันซางหลังกินทุกอย่าง แต่เรื่องเสียเปรียบไม่ยอมแน่นอน! ชางหลิงพูดอย่างจริงจัง “มีสิทธิ์อะไร? ตอนนี้ทั้งตระกูลชางใช้ เงินของแม่ฉันทั้งหมด เรือนหอนั้นก็แม่เตรียมให้ฉัน หญิงร้าย ชายชั่วคู่นั้น มีสิทธิ์อะไรว่าอยู่บ้านของแม่ฉัน!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ชางหลิงก็โมโหไม่ไหว แทบอยากจะกลับตระ

กูลซางแล้วโวยวายสักที

“แต่……….หลังนึกถึงหลีซินที่ยังรออยู่ข้างนอก ยักคิ้วใส่ เสี่ยวเฉิง “ตอนนี้มีเรื่องหนึ่ง ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

ใบหน้าของเธอมีความเจ้าเล่ห์ลาบผ่าน หลังจากกระซิบบอก

เสี่ยวเฉิง……

ชั้นบนสุด

บนโซฟาหนังสีดำ มีผู้หญิงในชุดกระโปรงยาวสีนู้ดกำลังดื่ม

ชาอย่างสง่างาม ผมยาวสลวยพาดบ่าข้างหนึ่ง แสงแดดจาก

หลังคาโปร่งใสที่สาดส่องเข้ามานั้น ทำให้ผิวของเธอดูขาวเป็น

พิเศษ ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความรัก ไม่จำเป็นต้องปริปาก

พูด ก็ทำให้คนสามารถรู้สึกว่าเธอน่าเอ็นดูน่าสงสาร

โหมวยเข้ามาในห้อง เขา ในขณะนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เสื้อ ยืดสีดำปกติบวกกับกางเกงขายาวสบายๆ เป็นความเคยชินที่เขาติดเป็นนิสัย ในตอนเป็นทหาร เสื้อผ้าต้องใส่สบายเป็นหลัก

“โหมวยู่” หญิงสาวเห็นเขาเดินเข้ามา รีบวางถ้วยลง ยิ้มอย่าง อ่อนโยน

โหมวยไม่แม้แต่จะมอง นั่งตรงอีกฝั่งของโซฟา ไขว้ขา เอน หลังหลับตาพักผ่อน

บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย แต่โมโม่ก็ยังคงทนไว้ ค่อยๆเข้าหา เขา “ช่วงนี้ฉันไปยุโรปมา มีเพื่อนแนะนำนักจิตวิทยาที่เก่งกาจ ให้คนหนึ่ง นายว่า จะหาเวลาว่างไปดูหน่อยไหม?”

โหมวยู่ไม่ได้ตอบ

“ฉันได้ยินหมอบอกว่า อาการของนายเป็นความผิดปกติทาง จิตใจ สามารถรักษาให้หายได้ ขอแค่นายให้ความร่วมมือใน การรักษา……

เธอยังเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะเดินมาถึงข้างเขาแล้ว

“หยุด” โหมวลืมตา น้ำเสียงเย็นชา

เท้าที่โมโม่ก้าวออกมาก็ถอยหลังไป รอยยิ้มของเธอก็ดึงบน

ใบหน้า

“ห่างจากผมด้วย” สีหน้าของโหมวยเข้มงวด

โม่โม่ในฐานะสุภาพสตรีคนโตของตระกูลโม่ ไม่เคยมีใคร กล้าปล่อยให้เธอรองรับอารมณ์แบบนี้ แต่ คนที่เผชิญหน้าคือ โหมวย ตระกูลโหมวเป็นไฮไซมหาอำนาจที่ใครหลายคนไม่ว่าจะมีคู่แข่งหลายคนก็อยากจะแต่งงานด้วย จึงทำได้เพียงบังคับให้ ตัวเองทนไว้

“โหมวย คุณลุงตกลงจะพบหมอท่านนั้นแล้ว ฉันรู้ว่านายไม่ สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่า โรคกลัวผู้หญิงได้มีผลกระทบต่อชีวิต ปกติของนาย นายอายุยี่สิบแปด ฉันก็อายุยี่สิบหกแล้ว ตอนนี้ผู้ ปกครองของทั้งสองฝ่ายกำลังเร่งเร้าให้แต่งงาน…….

“คุณคิดมากไปแล้ว ” โหมวยยักคิ้ว ยิ้มอย่างเย็นชา ไม่ได้มี ผลกระทบใดๆ ต่อผมเลย

“โหมวย… โม่ไม่รู้ว่าเขาแค่ปากแข็ง “สุขภาพของคุณลุงก็ ไม่ค่อยดี นายยอมทนดูเขาอายุมากขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่ได้อุ้ม หลานอีกเหรอ?”

“คุณโม่โม่ชักจะยุ่งมากไปหรือเปล่า?” สีหน้าของโหมวยเย็น ชาเรียบเฉย “ถ้าหากคุณรีบร้อนจริงๆละก็ สามารถแต่งงานเข้า ตระกูลโหมวเป็นแม่เลี้ยงของผม นายท่านมีลูกชายง่ายกว่ามี หลานเสียอีก

“นาย!” โม่โม่โมโหจนพูดอะไรไม่ออก

โหมวยกำลังจะเรียกหยูเฉิน ให้ส่งแขก แต่ร่างของหลีซินกลับ แอบมองอยู่ที่ประตู โหมวยขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้น เดินไปหาอย่าง รวดเร็ว

“มีอะไร?” เมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของหลีซิน โหมวยู่รู้ว่า ไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
หลีในมองไปข้างหลังของโหมวย กดเสียงต่ำลง “พะ……พี่สะใภ้หนีไปแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ