ตอนที่ 4 กลายเป็นดวงดาวคอยปกป้องเธอ
เด็กผู้หญิงคนนี้……..มีสถานะอะไรกันแน่?
“เธอชื่อว่าหลิ่วหมิงซี นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะ มาอาศัยอยู่กับพวกเรา”
คุณลุงหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ท่าทีที่พวกเธอแสดงออกต่อเด็กคนนี้ ต้องมีความ เคารพเทียบเท่ากับหานชิงเหอ เวลาที่ฉันไม่อยู่บ้าน ห้ามใครก็ตามรังแกเธอเด็ดขาด”
“รับทราบค่ะ คุณท่าน” ผู้ดูแลและคนรับใช้ต่างตอบ รับอย่างนอบน้อม
ทันใดนั้นน้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นข้ามหัวเธอเบา ๆ
หลิ่วหมิงซีอดหันหน้าไปดูไม่ได้ พบว่าเป็นหานชิงเหอ ยืนพิงราวบันได จ้องมองมายังพวกเธออย่างเยือกเย็น
พอประสานตากัน เขาก็หันแผ่นหลังอันเย็นชาให้กับ เธอ เมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปแล้ว ก็กระแทกปิดเสียงดัง ปังตามหลัง
“คุณชายโมโหอีกแล้วสิท่า…” ผู้ดูแลอดถอนหายใจ ออกมาไม่ได้
แล้วเหลือบตามองมายังหลิ่วหมิงซี
เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนี้หรือเปล่านะ
“ไม่ต้องไปสนใจเขา ไม่รู้จักทำตัวดี ๆ เสียบ้าง เอาแต่ ขลุกอยู่กับดนตรีไร้สาระพวกนั้นอยู่ได้ทั้งวัน!”
คุณลุงหานดูเหมือนไม่ค่อยพอใจเช่นกัน
เมื่อบรรยากาศกลายเป็นอย่างนั้น หลิ่วหมิงซีจึง วางตัวไม่ถูก ค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นเปลี่ยนรองเท้าแล้วย้าย ไปยืนด้านข้าง
สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ความสัมพันธ์ของหานชิงเหอกับพ่อ ของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
จากนั้น คุณลุงหานก็กลับเข้าห้องทำงาน ภายในห้อง รับแขกจึงเหลือเธออยู่เพียงคนเดียว
“คุณซีคะ กรุณาตามฉันมาทางนี้ค่ะ พวกเราจะจัดหา ห้องให้กับคุณเอง”
คนรับใช้ยังไม่ลืมคำสั่งของคุณท่าน เดินมาข้างตัว เธอแล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อม
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” หลิ่วหมิงซีเกาหัวแกรกใบหน้า แดงก่ำด้วยความรู้สึกขัดเขิน เดินตามคนรับใช้ขึ้นไปยัง ชนสอง
ห้องของเธออยู่ติดกับห้องของหานชิงเหอ และด้วย การจัดการอย่างกะทันหัน จึงไม่ได้ตระเตรียมอะไรเป็นพิเศษนัก
แต่ว่าเมื่อเทียบกับบ้านเดิมของเธอแล้ว ที่นี่ก็ยังดูหรู หรากว่ามาก
เพียงแต่ว่าเครื่องเรือนราคาแพงที่แสนเย็นชาพวก
ส่งบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกแปลกถิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
คนรับใช้ยังให้เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนกับเธออีกหลาย ชุด ก่อนที่จะขอตัวออกไป
“หากต้องการอะไรสามารถกดกริ่งเรียกพวกเราได้นะ คะ พวกเราจะรีบมาทันที”
“ตกลงค่ะ ขอบคุณพวกคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว”
หลังจากคนรับใช้จากไปแล้ว หลิ่วหมิงซีก็นั่งยอง ๆ เอนหลังพิงเตียง กอดตัวเองไว้อย่างเงียบงัน จู่ ๆ ของเหลวอุ่นร้อนก็ไหลเอ่อขึ้นมายังขอบตา
มองไปยังดวงดาวมากมายที่ส่องกระพริบอยู่นอกบาน กระจกหน้าต่าง
ไม่รู้ว่าดาวดวงไหน…
คือแสงกระพริบจากพ่อและแม่ของเธอ
เธอกลั้นสะอื้นไว้ไม่อยู่ ค่อย ๆ ร้องไห้เสียงแผ่วเบา มือจับตรงตำแหน่งหัวใจเอาไว้แน่น
ทุกครั้งที่รู้สึกโศกเศร้า ตรงนี้มักรู้สึกเหมือนมีอะไร บางอย่างจะพุ่งตัวออกมาเสมอ
เจ็บปวดจนเกินจะทนไหว
ขณะที่เธอกำลังหน้าซีดหน้าเซียว หยาดเหงื่อเย็น ไหลซึมออกมาจากหน้าผากนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงกีต้าร์ดังมา จากห้องข้าง ๆ
ให้ความรู้สึกปลอบประโลมราวกับล่องลอยมาจาก ส่วนลึกของธรรมชาติ…….
“ทำนองนี้..….……….
หลิ่วหมิงซีสงบลงได้ทีละน้อย ความเจ็บปวดในใจ ค่อยคลายออกราวกับปาฏิหาริย์
“นี่มัน ‘ดาวรุ่ง’ เพลงดังที่สุดจากอัลบั้มที่เหอชิงหาน เพิ่งออกมาปีนี้นี่”
เหอชิงหานโดดเด่นด้านการแต่งเพลงและร้องเอง เป็นไอดอลที่มีความสามารถรอบด้าน ด้วยจังหวะเพลง และสไตล์อันเข้มข้นรุนแรงจนทำให้กลายเป็นกระแส ขึ้นมา
เพลงนี้เป็นเพลงเดียวในอัลบัมของเขาที่มีความอ่อน โยน เนื้อเพลงเองก็เขียนได้ซาบซึ้งอย่างน่าประหลาด
[กี่ปีมาแล้ว ที่ฉันปีนขึ้นไปบนหลังคา เฝ้ารอจากยาม ค่ำคืนจนฟ้าสาง
ทันใดถึงได้เข้าใจ ว่าดวงดาวอยู่ตรงนั้นเสมอ เพียง ถูกดวงอาทิตย์กับแสงสว่าง
เมื่อค่ำคืนมาถึง พวกมันจึงได้ถูกมองเห็น ถักทอจน กลายเป็นดาวบนท้องฟ้าอันอ่อนโยนไร้ขีดจำกัด
เปลี่ยนแปลงสถานที่อันมืดมิด ให้กลายเป็นส่องสว่าง
เปลี่ยนแปลงคนที่โดดเดี่ยว ไม่ให้สิ้นหวังไปตลอด กาล’
เนื้อเพลงที่คุ้นเคย ล่องลอยเข้าสู่ความคิดคำนึงทีละ ประโยค ราวกับกำลังบอกกับเธอในตอนนั้น
ยากที่จะจินตนาการว่า เด็กหนุ่มคนนั้น กลับสามารถ เขียนข้อความที่อ่อนโยนขนาดนี้ออกมาได้
หลิ่วหมิงซีฟังไปพลาง ซุกหน้าลงกลางหัวเข่า ร้องไห้ สะอึกสะอื้นออกมา
ใช่ไหมคะ?
พ่อกับแม่……
จะกลายเป็นดวงดาว คอยคุ้มครองซีเอ๋อร์ตลอดไปใช้
ไหมคะ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ