ดาวโรงเรียนสุดหล่อของฉัน

ตอนที่ 2 ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว



ตอนที่ 2 ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม

“แย่มาก ออกไปจากห้องฉันซะ!”

ไม่รู้ว่าเธอเอาแรงมาจากไหน ผลักเขาออกไปด้วย

ความโมโห แล้วปิดประตูเสียงดังลั่น

“แกล้งคนอื่นสนุกมากนักหรือไง!”

เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ขอบตากลายเป็นสี แดงก่ำ มองไปยังโปสเตอร์ที่ติดอยู่หลังบานประตูนั่น

หานชิงเหอที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนตรงหน้า เมื่อเทียบกับ ความเป็นจริงแล้ว กลายเป็นเรื่องน่าขันอย่างเห็นได้ชัด

“โกหกทั้งเพ!” เธอฉีกโปสเตอร์ลงมาแล้วโยนมันทิ้ง ลงในถังขยะ

ไอดอลอะไรกัน

โกหกกันทั้งนั้น…..…..

เธอดันไปหลงชอบคนเฮงซวยคนนี้ ชอบมาได้ตั้ง หลายปี!

แถมในขณะที่ถูกเขายันตัวติดกับกำแพง ยังรอคอย จูบจากเขาด้วยความเต็มใจ

หลิ่วหมิงซีเอามือปิดหน้าด้วยความหดหู่อย่างที่สุด
“แพ้ยับเยินเลย……เจ้าหมอนั่นต้องแอบหัวเราะเยาะ เราอยู่ในใจแน่!”

“ซีเอ๋อร์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลูกรีบไปห้องทดลอง เรียกพ่อมากินข้าวเร็ว”

“ค่ะ ได้ค่ะ!” หลิ่วหมิงซีดึงสติกลับมาทันควัน สงบสติ อารมณ์ สูดหายใจลึกแล้วลุกยืนขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าวิ่ง ออกไป

เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นตอนผ่านห้องรับแขก เพียง เปิดประตูห้องข้าง ๆ เดินเข้าไป

รอบด้านนั้นคือทิวเขาเรียงราย

ถูกแล้ว

ครอบครัวของหลิ่วหมิงซีอาศัยอยู่ในเมืองซานเฉิงอัน ห่างไกลผู้คน พ่อของเธอคือนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ แห่งประเทศZ

ทางรัฐบาลสร้างบ้านเดี่ยวให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะ ทั้งยังมีศูนย์วิจัยลับให้อีก

เพื่อไว้ใช้สำหรับทำการวิจัยโปรเจกต์ลับ

ภายในห้องทดลอง

“สำเร็จแล้ว! ในที่สุดก็สำเร็จเสียที!”
ชายหนุ่มในเสื้อกาวน์สีขาวตัวใหญ่ ใบหน้าดูเปี่ยม เสน่ห์ กําลังจ้องมองยังสสารสีฟ้าในหลอดทดลองขนาด ยักษ์ ในดวงตาฉายแววประหลาดใจอย่างเหลือล้น

ฟองอากาศสีน้ำเงินที่อยู่ภายในหลอดทดลองนั้น ราวกับกำลังห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่าง มันพลิกตัว ไปมาอย่างรุนแรง ราวกับต้องการจะพุ่งตัวออกมา

นาทีต่อจากนั้น หน้าต่างก็ถูกทำให้แตกจนแหลก ละเอียด พร้อมกับคนในชุดดำแปดถึงเก้าคนพัง หน้าต่างเข้ามา รัวปืนใส่หลอดทดลองนั่น

เป้าหมายของพวกเขาคือ-

สสารที่กำลังวิวัฒนาการ!

“ไม่ได้ ฉันไม่มีทางให้พวกแกไปเด็ดขาด!”

ชายในเสื้อกาวน์สีขาวสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน กระโจนตัวออกไปเพื่อจะหยุดคนพวกนั้น

แต่ทว่าเขาไม่ใช่คู่มือของพวกคนชุดดำเลยแม้แต่ น้อย

“พ่อคะ!”

นาทีนั้นที่ได้ยินเสียงปืนดัง หลิ่วหมิงซีก็กรีดร้องขึ้น ใบหน้าน้อยพลันกลับกลายเป็นซีดขาว
ผลักบานประตูพุ่งเข้าไปทันใด

แต่ว่า เพื่อไม่ให้สสารสีน้ำเงินอันสำคัญนี้ถูกขโมยไป

ในสถานการณ์คับขันอย่างนี้ ชายหนุ่มในชุดขาวจึง ตัดสินใจกดปุ่มกลไกทำลายตัวเอง

หลังจากปุ่มสีแดงถูกกดลงไป เสียงระเบิดเปรี้ยงก็ดัง กระหึ่มขึ้นอย่างรุนแรง

ทั่วทั้งห้องทดลองพลันถูกระเบิดเพลิงเผาผลาญ เปลวไฟลุกโชนพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า

ใบหน้าของหลิ่วหมิงซีอาบไปด้วยแสงเพลิงสีแดง คลื่นความร้อนแทบจะผลักดันตัวเธอให้ลอยขึ้น

สสารสีน้ำเงินนั้นก็ระเบิดแตกออก ‘สิ่งมีชีวิตที่ ขยับเขยื้อนอยู่ภายใน

กลับกระโจนเข้าสู่กลางอกเธออย่างทันทีทันใด

จากนั้นแผ่นเหล็กขนาดยักษ์ที่ติดประกายไฟก็ลอย มายังเธอ

“ระวัง!”

ในนาทีวิกฤตนั้น ปรากฏเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจาก ด้านหลัง ใครบางคนเสี่ยงอันตรายพุ่งตัวเข้ามาหาเธอ แล้วกดตัวเธอให้ล้มลงกับพื้น
หลิ่วหมิงซีถูกคนผู้นั้นกอดไว้ รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทน ไม่ไหว โดยเฉพาะภายในทรวงอก ราวกับจะแยกออก เป็นเสี่ยง

ขณะที่กำลังมึนงงอยู่นั้น เธอไม่ทันได้เห็นชัดเจนด้วย ซ้ำว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอคือใคร ภาพตรงหน้าพลันกลาย เป็นสีดำ แล้วเธอก็สลบไป

ตอนที่ตื่นขึ้นมา

ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว

ไฟยังคงลุกอยู่ หลิ่วหมิงซีพยายามลืมตาขึ้น พบว่าตัว เองกำลังเกาะอยู่บนหลังของหานชิงเหอ

เขาโน้มตัว เคลื่อนไหวอย่างยากลำบากในเขตที่ถูก ไฟถาโถม แสงเพลิงส่องกระทบลงบนใบหน้าเข หยาด เหงื่อไหลซึมจากขมับ ร่วงลงไปสู่ช่วงอก

“ทำไมถึงช่วยฉัน……..แค่ก..……….

หลิ่วหมิงซีอ้าปากพูดอย่างยากลำบาก ลมหายใจที่สุด เข้าไปมีแต่กลิ่นเขม่าควัน ระคายเคืองจนน้ำตาแทบเล็ด ออกมา

“ไม่อยากตายก็อย่าพูดมาก!”

หานชิงเหอขมวดคิ้วเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเปรอะเปื้อน ไปด้วยเขม่าควันสีดำ
แม้ว่าจะดูเย็นชาเหลือเกิน แต่เขาก็ยังค่อย ๆ แบกเธอ ไว้บนหลัง ก้าวเดินไปทีละก้าว

อุณหภูมิบนแผ่นหลังช่างอบอุ่น อบอุ่นจนทำให้ทั้ง ชีวิตนี้ของหลิ่วหมิงซีคงไม่อาจลืม

แต่ว่า……เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมด

หัวใจของหลิ่วหมิงซีก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตา พร่าเลือนขึ้นมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง กลั้นเสียงไว้เพื่อช่วยเขา อีกแรง

ในที่สุด ทั้งสองคนก็สามารถหนีรอดออกมาจากกอง เพลิงอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

พอออกมาได้ จึงพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วน

เปลี่ยนแปลงไปแล้ว รอบด้านเละเทะกระจัดกระจาย

เหม่อมองไปยังซากปรักหักพัง หลิ่วหมิงซีคุกเข่านั่ง ลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง มือสองข้างกุมเข่าตัวเองเอาไว้ หัวไหล่บอบบางห่อเข้าหากัน น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา ไม่หยุด ร่วงหล่นลงสู่พื้นอันแห้งผาก

ทำไม

ทำไมกัน…….
บ้านของเธอพังทลายหมดแล้ว

ห้องทดลองก็ถูกระเบิดจนภูเขาถล่มลงมา

กลบทับบ้านของเธอไว้ภายใต้กองหินแตกหัก กระจัดกระจาย

“พ่อ แม่……” หลิ่วหมิงซีส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น

หานเคอเองก็ยืนนิ่งงันเหม่อมองยังซากพังทลายนั้น เขาหนีออกมาได้ในนาทีสุดท้าย

ตอนนั้นคุณแม่หลิ่วอยู่ในห้องครัว เขาตั้งใจจะไปช่วย เธอแต่ทว่าไม่ทัน

น้ำตา เอ่อล้นออกมาจากขอบตาของเขาไม่หยุด

เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นจากทางเหนือศีรษะ ทีมกู้ภัย เร่งรุดเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เพื่อเริ่มทำการดับไฟ และ ยังมีหน่วยกู้ชีพอีกทั้งนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคน

พวกเขาล้วนมาเพื่อผลการวิจัยทั้งนั้น

เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมอย่างนี้ขึ้น ต่างคนต่างไม่มีใคร คาดคิดถึงมันมาก่อน

“ซีเอ๋อร์ อย่าเสียใจไปเลย”

ขณะนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ หานเคอตบบ่าซีเอ๋อร์เบาๆ แล้วกอดเธอ

หน่วยพยาบาลเร่งรุดเข้ามาปฐมพยาบาลให้กับพวก เขา

หานชิงเหอเหลือบมองรอบด้านอย่างเฉยเมย สีหน้า ยังคงไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ

จนทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่า เขายังมีอารมณ์ความ รู้สึกอย่างมนุษย์อยู่หรือเปล่า

หลิ่วหมิงซีไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น

โลกของเธอพลันเงียบสงัดลงโดยปริยาย

เหม่อมองไปยังกองซากปรักหักพังอย่างนิ่งงัน นึกถึง พ่อและแม่ที่ต้องจากกันตลอดกาลอย่างกะทันหัน

แล้วน้ำตาก็หลั่งไหลออกมาไม่หยุดอีกครั้ง

ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ…….

ต้องไม่ใช่ความจริง…….

เธอไม่เชื่อ! ไม่เชื่อ!

ตอนแรกทุกอย่างยังปกติดีอยู่แท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้?

เสียงปืนที่ดังขึ้นจากในห้องทดลองนั่นคืออะไรกัน!

ทำไมจู่ ๆ ห้องทดลองถึงเกิดระเบิดขึ้น!

“เสียใจก็ร้องไห้ออกมาเถอะ”

จู่ ๆ เสียงอันไพเราะแสนเย็นชาก็ดังขึ้นมาจากเหนือ ศีรษะ

หานชิงเหอก้าวเดินมาทางเธอ ฉุดแขนของเธอให้ลุก ขึ้นแล้วโอบกอดไว้ในอ้อมอกของเขา

หัวใจของหลิ่วหมิงซีสั่นสะท้าน สะอื้นไห้หนักหน่วงขึ้น มือน้อย ๆ จับเสื้อเชิ้ตของเขาแน่น ร้องไห้ออกมาเสียง ดังอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

“พ่อกับแม่………..ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว……

“ไม่หรอก”

..อะไรนะ?”

“ฉันบอกว่า ไม่หรอก” หานชิงเหอจับหัวไหล่เธอไว้ แล้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของเธอ

เมื่อได้ยินคำตอบของเขา
หลิ่วหมิงซีรู้สึกเจ็บในใจ ร้องไห้หนักหน่วงยิ่งขึ้น แล้ว ก้มหน้าลงไปยังอ้อมอกเขาอีกครั้ง

น้ำตาน้ำมูกไหลปะปนกัน จนเปียกเสื้อเชิ้ตเบาบางบน อกเขา

สองทุ่มคืนนั้น

“กู้ร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้หมดแล้ว สมาชิกใน ครอบครัวของใคร ช่วยมายืนยันด้วยครับ”

ทั้งสามคนนั่งพักอยู่ภายในเฮลิคอปเตอร์ พลันได้ยิน เสียงหน่วยกู้ชีพประกาศขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ