ซีรีส์โคแก่

5



5

Chapter 5

วิษณุกับตรกาญจน์ที่อีกใจหนึ่งไม่เชื่อทำท่าผิดหวังที่ไม่ได้คำ ตอบ แต่ใยไหมแอบถอนใจอย่างโล่งอก

“ผมขอตัวคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ” เขาบอกทุกคนก่อนจะ เอ่ยขอตัวไปคุยโทรศัพท์อีกด้านเพราะต้องคุยธุระสำคัญ

“ฉันก็ขอไปห้องน้ำแป๊บนึง” ใยไหมเบ้ปากใส่คนทั้งสองก่อน จะรีบเดินตามดนุเดชไปติดๆ พอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมา มองเธอ ลูกศิษย์ของเขากำลังกะพริบตาปริบๆ ดึงนิ้วไปมา เหมือนมีเรื่องจะคุยด้วย

“มีอะไรครับ” น้ำเสียงของเขาฟังแล้วทำเอาเธอบรรยายความ รู้สึกไม่ถูก

“อาจารย์แกล้งเป็นแฟนหนูหน่อยได้ไหมคะ”

“สรรพนามเมื่อครู่ก็ดีนะ อาชอบ” เขาเดินเข้ามาใกล้พูดกับ เธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก

“เอ่อ… ขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะเรียกอาจารย์ว่าคุณอา หนูไม่ ได้ตั้งใจ”

“ถ้าจะเป็นแฟนกันน่ะต้องเปลี่ยนสรรพนามนะ” เขาเดินเข้าหา อีก เธอเผลอถอยแต่เขารั้งเอาไว้ ตรงนี้เป็นสวนหลังร้านที่ถูก ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามมีน้ำพุและเก้าอี้สำหรับนั่งรับลมสามารถมายืนชมทัศนียภาพอันสวยสดงดงามและชมดอกไม้ หลากหลายชนิดที่ส่งกลิ่นหอมจับจิตจับใจได้ถนัดตา เจ้าของ ร้านเป็นคนรักธรรมชาติและต้นไม้จึงชอบแต่งสวน ให้ลูกค้าชม

“แทนตัวเองว่าไหม เรียกฉันว่าอาเดช ถึงจะเหมาะเป็นแฟน กัน”

“อาเดชเอ่อ… ยอมตอบตกลงแล้วเหรอคะ”

“เป็นแฟนกับอาต้องทำหลายอย่างเลยนะ” น้ำเสียงของเขาฟัง แล้วทำให้เธอหัวใจเต้นระทึก

“ไหมไม่ได้จะเป็นแฟนกับอาเดชจริงๆ เสียหน่อย แค่หลอก สองคนนั่นเท่านั้น”

“ทําไมต้องหลอกสองคนนั่นล่ะ”

“วิษณุน่ะเคยเป็นแฟนเก่าของไหม ส่วนยายกาญจน์นั่นเป็น เพื่อนสนิทของไหม แต่เมื่อก่อนนะคะ เดี๋ยวนี้! คนหน้าไหว้หลัง หลอกแบบนั้นไหมไม่รับเป็นเพื่อนหรอก”

“อาไม่ใช่นักแสดงให้ใครนะ” เขาเดินถอยห่างก่อนจะหันหลัง เดินกลับไปที่โต๊ะ

“ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ ต้องทำอะไรบ้างคะ” เธอโพล่งถามออก ไป จะหน้าแตกต่อหน้าคนทรยศหักหลังสองคนนั้นไม่ได้

“แล้วอาจะบอก”

“สรุปคุณอายอมช่วยไหมหรือยังคะ
“ครับ” เขาตอบรับ เสียงอ่อนโยนแต่แววตาท่าเอาเธอ ใจสั่น สะท้าน ใยไหมยิ้มกว้าง หัวใจเต้นผิดจังหวะยามเห็นร่างสูงสง่าที่ เดินกลับไปที่โต๊ะด้วยท่วงท่าน่ามอง เธอเผลอมองแผ่นหลังตั้ง ตรง ช่วงขาเพรียวแข็งแรงที่สัมผัสกับกางเกงเนื้อดียามเขาขยับ ต้นขาเดินอย่างเชื่องช้า

ดนุเดชเป็นผู้ชายที่สะอาดสะอ้านดูมีเสน่ห์อย่างล้ำลึก กลิ่น กายของเขาหอมกรุ่นทำเอาหัวใจของเธอร้อนระอุอย่างไม่เคย เป็นมาก่อน เธอไม่ชอบผู้ชายสูบบุหรี่เพราะไม่ชอบกลิ่นของมัน แต่เดาเอาว่าเขาไม่ได้สูบบุหรี่อาจเพราะปากของเขามันน่าจูบนะ

บ้า! เหรอ เธอไปคิดว่าปากของเขาน่าจูบได้ยังไงกัน หญิงสาว เม้มปากกะพริบตาปริบๆ เอามือตบที่ปากตัวเองเบาๆ ว่าห้ามคิด ฟุ้งซ่าน

“อาหารมาแล้วค่ะอาจารย์” ติรกาญจน์ยิ้มแย้มเมื่อเห็น อาจารย์หนุ่ม ใยไหมมองอย่างหมั่นไส้ ถ้าไม่เพราะอยากแสดง ให้รู้ว่าถึงไม่มีวิษณุเธอก็สามารถมีผู้ชายคนอื่นมาชอบเหมือนกัน คงไม่ให้สองคนนี้ร่วมโต๊ะเด็ดขาด

“อาจารย์ยังไม่ตอบเลยนะคะว่าอยู่บ้านใกล้กัน เจอกันปิ๊งกัน เลยเหรอคะ”

“ครับ” ดนุเดชตอบรับเสียงราบเรียบติดจะสุภาพและไว้ตัว เขาไม่อธิบายไม่พูดมาก แต่คำเดียวทำให้คนทั้งสองที่อยากรู้ หนักหนานิ่งอึ้งไปเลย วิษณุกหมัดแน่น เขารู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก คบกับติรกาญจน์มาระยะหนึ่ง ความน่ารักอ่อนหวานของ เธอหายไป เหลือแต่ความน่ารำคาญ สิ่งเดียวที่เขาได้จากเธอคือ ความร้อนแรงจากเซ็กซ์ แต่อย่างอื่นเขาไม่เห็นในตัวเธอเลย ครั้ง แรกที่เขาคิดว่ารักเธอคือความหลงใหลได้ปลื้มแค่นั้นเอง ติ รกาญจน์เทียบกับใยไหมไม่ได้เลย มันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด

เป็นอีกครั้งที่วิษณุนึกเปรียบเทียบหญิงสาวสองคนในใจ อีก คนแสนดี แม้จะหวงเนื้อหวงตัวแต่เธอก็หวงเนื้อหวงตัวไม่ไปยุ่ง กับผู้ชายคนอื่นด้วย เธอช่วยเขาหลายอย่างเพราะฐานะทางบ้าน เขาไม่ดีด้วย เธอไม่เคยรบกวนเงินของเขา กินอาหารด้วยกันก็ ช่วยแชร์ แถมเวลามีรายงานหรือมีงานต้องส่งอาจารย์เธอก็ช่วย ทำให้ ในขณะที่ตรกาญจน์ใช้เงินฟุ่มเฟือยให้เขาออกค่าใช้จ่าย ตลอดทั้งๆ ที่กินด้วยกันแถมบางทีก็พาเพื่อนมาด้วยหลายคน นอกจากเธอไม่ช่วยเขาประหยัดแล้วยังไม่เคยช่วยเขาทำ รายงานหรืองานส่งอาจารย์เมื่อเขาต้องทำงานพิเศษและทำอะไร ไม่ทัน

ติรกาญจน์ไม่เรียบร้อย ไปบ้านของเขาก็ไม่เคยหยิบจับงาน บ้านอะไรเลยนอกจากทำรกยิ่งกว่าเดิม แตกต่างจากใยไหม เธอ ช่วยเขาทําความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า เธอเรียบร้อยและ จริงใจ

เขามีบ้านหลังเก่าๆ เป็นมรดกตกทอดจากบิดามารดาที่ล่วง ลับไปแล้ว และรถคันเก่าๆ อีกหนึ่งคัน ใยไหมไม่เคยพูดจาดูถูก แต่ติรกาญจน์บ่นเสมอว่าเขาจะซื้อรถใหม่ ในขณะที่เขายังเรียน ไม่จบ
“อาหารมาพอดีเลยค่ะอาเดซ หิวจังเลย” ใยไหมหันไปพูดกับ ดนุเดชไม่อยากสนใจคนทั้งสองอีก แต่แอบสะใจเล็กๆ ที่คน ทรยศทั้งสองนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ตรงหน้าเธอ

ตรกาญจน์เห็นอาหารบนโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายพร้อมเบือนหน้า หนี เธอกินเผ็ดไม่ได้และใยไหมก็รู้เรื่องนี้ด้วย

ใยไหมจึงแอบสะใจเล็กๆ

“เอาจะกาญจน์ ฉันตกให้นะ” ใยไหมตักผัดเผ็ดกบ ให้อีกฝ่าย ติรกาญจน์ใบหน้าเหยเก ในทันที

“อาเดชลองชิมสิคะ อาจจะเผ็ดนิดหนึ่งแต่รับรองว่าอร่อยมาก เลยค่ะ” เธอตักแกงป่าให้เขา ดนุเดชผักมาชิม เขารับประทาน เผ็ดได้ คนที่ลุ้นว่าเขาจะกินได้ไหมเม้มปากเล็กน้อย

“อร่อย” เขาตอบเธอ ใยไหมคิดว่าจะได้แกล้งเขาด้วยแต่ผิด หวัง เขาหันมามองสบตา สายตารู้ทันของเขาทำให้เธอหลบวูบ

ติรกาญจน์มองคนที่รับประทานอาหารเผ็ดจัดทั้งสามคนอย่าง หงุดหงิดใจในขณะที่เธอนั่งเขี่ยอาหารไปมา

“ไม่กินเหรอครับ” ดนุเดชเป็นคนเอ่ยถาม

“กาญจน์ไม่กินเผ็ดน่ะค่ะ”

“ไม่สั่งอาหารอย่างอื่นล่ะครับ” เขาเอ่ยถามก่อนจะเรียก พนักงาน ให้นำเมนูมาให้ ติรกาญจน์หันไปเหยียดยิ้มให้ใยไหม

“กินเผ็ดไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องมานั่งในร้านนี้เลย ร้านนี้เขามีแต่อาหารป่า อาหารเผ็ดค่ะอาเดช” เธอพูดกับตรกาญจน์แต่หันไป มองดนุเดช

“คงต้องกินไข่เจียวล่ะมั้ง

ใยไหมกรอกตาไปมา สมัยก่อนอีกฝ่ายไม่อยากจ่ายค่าอาหาร เองก็ตามติดเธอมารับประทานอาหาร ด้วยความที่เธอเห็นใจ เพื่อน สงสารเพื่อนเลยสั่งไข่เจียวมาให้ พอพูดออกไปแบบนั้นก็ ยิ่งเจ็บใจ เธอเคยดูแลตรกาญจน์อย่างดี แต่อีกฝ่ายกลายมาเป็น เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแย่งแฟนไปหน้าด้านๆ ต่อหน้าทำตัวน่า สงสารจนเธอหลงเชื่อว่าดีจริง ไม่เหมือนอรสาฝ่ายนั้นตรงไปตรง มาไม่ต้องนั่งเดาว่าคิดอะไรอยู่ให้ปวดหัว

“ไข่เจียวก็ได้ค่ะ แหม… ไหมนี่น่ารักจังเลยยังจำได้”

“จำได้ เพราะเธอชอบตามฉันกับอรมากินอาหารที่ร้านนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเผ็ดเพราะไม่อยากจ่ายค่าอาหารเอง เลยต้องมาทนนั่งกิน ไข่เจียว” ใยไหมตอกกลับ ดิรกาญจน์หน้าซีดเผือดนึกแค้นเคือง ในใจ

“พี่คะ เอาไข่เจียวให้เพื่อนของฉันหน่อยค่ะ ใส่สตอเยอะๆ นะคะ” ใยไหมหันไปสั่งก่อนจะเน้นคำว่า “สตอ” ใส่หน้า ติ รกาญจน์ หญิงสาวอยากจะกรีดร้องแต่ติดว่ามีผู้ชายอีกสองคน นั่งอยู่ถ้าไม่เพราะต้องรักษาภาพพจน์เธอคงลุกขึ้นไปตบใยไหม ให้หน้าหันแล้ว แถมวิษณุก็ไม่สนใจจะปกป้องเธอเลย

“ใส่สตอเหรอครับ” พนักงานชะงักเกาหัวไปมา ใยไหมยักคิ้ว ให้ติรกาญจน์ อีกฝ่ายรีบปรับสีหน้า ให้เป็นปกติ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ